
6 ขอต้องรู้ ก่อนให้ลูกเรียนโรงเรียนมอนเตสซอรี่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของ มอนเตสซอรี่ ( Montessori ) กลายเป็นคำที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนพูดถึง แต่เชื่อเลยค่ะว่า หลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่า Montessori นั้นแตกต่างจากการเรียนทั่วไปอย่างไรนะ ? แล้วลูกของเราจะมีความสุขกับการเรียนและมีคุณภาพในแบบที่เราคาดหวังได้จริงหรือเปล่า ? วันนี้เรา wrap up และมาไขข้อสงสัย พร้อมกับลิสต์รายชื่อโรงเรียนสายมอนเตสมาให้ด้วย บ้านไหนสนใจอยู่มาอ่านกันได้เลย
1. Montessori คืออะไร
คือแนวทางการศึกษาที่มีมานานกว่า 100 ปี แล้วค่ะ พัฒนา โดย Dr. Maria Montessori ( แพทย์หญิงมาเรีย มอนเตสซอรี่) ที่เริ่มต้นจากการทำงานกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ก่อนจะขยายแนวคิดไปสู่เด็กทุกคน โดยหัวใจของวิธีการนี้คือ “เด็กคือผู้สร้างการเรียนรู้ด้วยตัวเอง” เราลองมาทำความรู้จักเธอกันสักนิด
Dr. Maria Montessori เป็นจิตแพทย์หญิงชาวอิตาลี ผู้เชื่อว่า “การให้การศึกษาในระยะแรกไม่ใช่การเอาความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควรปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการตามธรรมชาติของเขา” แรกเริ่ม Dr. Maria ใช้การสอนนี้กับเด็กที่มีสติปัญญาล่าช้า และพบว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นมีพัฒนาการดีขึ้นและสามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ ส่วนเด็กปกติก็ได้ผลดีมากด้วย ปัจจุบันการเรียนการสอนแบบ Montessori จึงแพร่หลายไปทั่วโลกเลยค่ะ การสอนแบบมอนเตสซอรี่จะน้นตัวเด็กเป็นหลักคือ Follow The Child เด็กมีสิทธิที่จะรู้และมีสิทธิที่จะเลือก คุณครูหรือผู้ปกครองจะเป็นผู้คอยสังเกตและสนับสนุนด้วยใจสบายๆ ไม่แทรกแซง เคารพเด็กและปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเร่งเรียน เพราะเด็กแต่ละคนมีความพร้อมไม่เหมือนกัน
2. Montessori เรียนอย่างไร?
- 100% hands-on learning เรียนรู้ผ่านการลงมือทำและสร้างความจำจากประสบการณ์
- Self-directed Learning การเรียนรู้ด้วยตนเอง ครูผู้สอนจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แนะและคอยสังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้สั่งสอน เด็กๆ จะมีอิสระในการเลือกกิจกรรมที่สนใจและเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง
- Freedom within limits การเรียนรู้แบบอิสระภายใต้ขอบเขตที่กำหนด
- Uninterrupted work periods ช่วงเวลาการทำงานที่ต่อเนื่อง เด็ก ๆ จะมีเวลาทำงานอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถมีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมที่เลือกได้อย่างเต็มที่ เรียนรู้ในเชิงลึกโดยไม่ถูกรบกวน
1-2 ห้องมอนเตสเซอรี่ระดับอนุบาล ที่โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ
3 โรงเรียน Nonthaburi Montessori
โรงเรียน John Wyatt Montessori Learning Center
3. Montessori Classroom : ห้องเรียนมอนเตสซอรี่เป็นอย่างไร ?
- Well Prepared Environment สภาพแวดล้อมที่น่าเรียนรู้ ห้องเรียนจะถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ มีสื่อการเรียนรู้ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เฟอร์นิเจอร์ขนาดเหมาะเจาะ เพื่อให้เด็กสามารถหยิบจับและเก็บเข้าที่ได้อย่างปลอดภัยค่ะ
- Montessori Materials สื่อการเรียนรู้ที่จับต้องได้ อุปกรณ์การเรียนรู้เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ตั้งแต่การฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ไปจนถึงแนวคิดที่ซับซ้อน เช่น คณิตศาสตร์ ภาษา วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ฯลฯ และเด็กๆ จะได้รับการนำเสนอกิจกรรมอย่างละเอียดก่อนเสมอ
- Mixed-aged Classrooms ชั้นเรียนคละอายุ เด็กที่มีอายุต่างกันจะเรียนอยู่ในห้องเดียวกัน ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน เด็กโตได้เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือและเป็นผู้นำ ในขณะที่น้องได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบพี่ๆ เหมือนเป็นการจำลองสังคมย่อมๆ มาให้เด็กๆ ได้ลองใช้ชีวิตค่ะ
ห้องมอนเตสเซอรี่ ที่โรงเรียนอนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้
ห้องมอนเตสเซอรี่ ที่โรงเรียนเพลินมอนเตสซอรี่
ห้องเรียนโรงเรียนเลิศคิดมอนเตสซอรี่
4. ทำไม Montessori ถึงน่าสนใจ?
- เด็ก ๆ มีผลการเรียนที่ดีและยังช่วยปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็ก
- เด็ก ๆ จะรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นตัวตนของลูกและความชอบของลูกอย่างชัดเจน มีอิสระและเคารพกฎกติกาในเวลาเดียวกัน และได้แสดงความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่
- เด็ก ๆ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้คิด วางแผนและตัดสินใจด้วยตนเอง และมีวินัยในตนเองโดยธรรมชาติ
- เด็ก ๆ มีสมาธิ ควบคุมตนเองได้ จดจ่ออยู่กับกิจกรรมได้นาน อดทนไม่ย่อท้อ รอเป็นเย็นได้
- เด็ก ๆ จะรู้จักรักตัวเอง รู้คุณค่าของตัวเอง (เพราะสามารถทำอะไร ๆ ได้ด้วยตนเอง ) รู้จักรักและเมตตาผู้อื่น (เรียนรู้จากในชั้นเรียนคละอายุ)
5. Montessori เหมาะกับใคร ?
- ผู้ปกครองที่ไม่คาดหวังการเรียนแบบเร่งด่วนหรือแข่งขัน
- เหมาะกับครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระ ความรับผิดชอบ กล้าให้ลอง รอคอยได้ เพราะพัฒนาการ “ใช้เวลา” ในการสร้างนะคะ
- เด็กที่ชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง สนใจสำรวจสิ่งรอบตัว มีความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ
- เด็กที่มีสมาธิดี จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ชอบความเป็นอิสระ มีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ
- เด็กที่มีความต้องการพิเศษ * ( อาจจะไม่เหมาะกับเด็กที่ต้องการการชี้นำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หรือเด็กที่ชอบการแข่งขัน เพราะหัวใจหลักของ Montessori คือการเรียนรู้จากภายในและพัฒนาตนเอง ไม่เปรียบเทียบตนเองกับคนรอบข้างค่ะ ) * หมายเหตุ * ผู้ปกครองควรติดต่อสอบถามโรงเรียนก่อนว่ามีคุณครูการศึกษาพิเศษประจำ หรือ มีที่นั่งสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษหรือไม่ เพราะหลายแห่งไม่มีคุณครูการศึกษาพิเศษค่ะ
6. เตรียมตัวอย่างไร ?
- ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจปรัชญาและหลักการของ Montessori ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ชื่อโรงเรียน การอ่านหนังสือ หรือเข้าร่วมเวิร์คช็อปสำหรับผู้ปกครอง
- สังเกตบุตรหลานว่ามีลักษณะนิสัยที่สอดคล้องกับแนวทางนี้หรือไม่ เช่น มีความอยากรู้อยากเห็นสูง รักการสำรวจ ชอบทำกิจกรรมด้วยตนเอง มีความพยายาม มีความอดทน
- เยี่ยมชมโรงเรียนและพูดคุยกับโรงเรียนและการดูสถานที่จริงจะช่วยให้เห็นบรรยากาศการเรียน สภาพแวดล้อม วิธีการสอนของคุณครู นอกจากนี้ควรสอบถามหลักสูตร การฝึกอบรมของครูและแนวทางประเมินผลการเรียนรู้ให้เข้าใจก่อนด้วยนะคะ
- เตรียมสภาพแวดล้อมที่บ้าน สร้างกิจวัตรที่สม่ำเสมอ เพื่อการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง
สุดท้ายโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ คือ การลงทุนในอนาคตของลูกน้อย โดยมุ่งเน้นการสร้าง “มนุษย์ที่สมบูรณ์” ที่มีระเบียบวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความรักในการเรียนรู้ตลอดชีวิต หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจหลักการนี้อย่างถ่องแท้และเตรียมความพร้อมทั้งด้านข้อมูลและจิตใจ แนวทางนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพ และความสุขอย่างยั่งยืนค่ะ ปัจจุบันมีหลายโรงเรียนเลยค่ะ ที่ผสมผสาน Montessori เข้าไปในหลักสูตร ลองมาดูกันหน่อยดีกว่าว่ามีโรงเรียนไหนกันบ้าง
ลิสต์โรงเรียนมอนเตสซอรี่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล
- โรงเรียนอนันตา
- โรงเรียนเลิศคิด มอนเตสซอรี่
- Nonthaburi Montessori
- โรงเรียนสาธิตปทุม
- Treehouse Montessori Center
- Daisy Ray Montessori
- โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ มอนเตสซอรี่ International Montessori Center
- John Wyatt Montessori Learning Center
- โรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝัน
- เพลินมอนเตสซอรี่
- อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้
- สาธิตละอออุทิศ