นิทานสอนใจ นิทาน

นิทานสอนใจ สอนทักษะชีวิตให้ลูกผ่านตัวหนังสือ

Alternative Textaccount_circle
event
นิทานสอนใจ นิทาน
นิทานสอนใจ นิทาน

นิทานสอนใจ สอนลูกไม่จำเป็นต้องพร่ำบ่นเสมอไป เมื่อพ่อแม่สามารถสอนทักษะชีวิตให้แก่ลูกผ่านตัวหนังสือใน นิทาน พร้อมตัวการ์ตูนน่ารักแบบนี้จะดีไหม

นิทานสอนใจ สอนทักษะชีวิตให้ลูกผ่านตัวหนังสือ!!

เรื่องราวต่างๆ จากนิทานที่พ่อแม่นำมาเล่า หรืออ่านให้เด็ก ๆ ฟังนั้น บางเรื่องราวสะท้อนให้เห็นที่มาของเหตุและผลที่เกิดขึ้น ที่สามารถพบเห็นได้จริงในชีวิต ทำให้เด็กมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ผ่านตัวละครในนิทาน นิทานสอนใจ เด็ก ๆ ให้หล่อหลอมมาเป็นตัวตน มาเป็นนิสัยดี ๆ ที่เกิดแก่บุคลิกภาพของเขาในอนาคต

ข้อสำคัญ การที่เราเล่านิทานอ่านหนังสือให้เด็กฟังมันเป็นการแสดงออกว่าเรารักเขา เด็กที่รู้สึกว่าพ่อแม่รักก็จะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาศักยภาพ และตัวตนของเด็กในอนาคตได้อีกด้วย

นิทานสอนใจ สอนลูก
นิทานสอนใจ สอนลูก

รวม นิทานสอนใจ สอนทักษะชีวิตให้ลูก!!

หมีขาวกับฤดูหนาว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีหมีขาวตัวใหญ่อาศัยอยู่ท่ามกลาง ทะเล น้ำแข็งอันกว่าใหญ่ ในทุก ๆ เช้าของเจ้าหมีขาวนั้นมันจะทำกิจวัตรประจำวันโดยเริ่มจากการตื่นนอน ต่อด้วยไปล้างหน้าแปรงฟัน และมารับประทานอาหารเช้า เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จเจ้าหมีขาวก็จะออกเดินทางไปยังหุบเขาต้นสนเพื่อไปพบปะกับเพื่อน ๆ ของเขา เพื่อนของหมีขาวนั้น ได้แก่ กระรอก นกยูง และช้าง ระหว่างทางที่หมีขาวเดินมานั้นมันจะเก็บเห็ดนานาชนิดเพื่อนำมาเป็นของฝากให้แก่กระรอก และก็เก็บหนอนตัวเล็ก ๆ เพื่อนำมาเป็นของฝากให้นกยูง และเก็บผลไม้ป่าเพื่อนำมาเป็นของฝากให้แก่ช้าง เมื่อหมีขาวมาถึงเขาก็จะเข้าไปพูดคุยกับเหล่าเพื่อนของเขาจนเย็น หมีขาวและเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเข้าสู่ช่วงเดือนตุลาคมหมีขาวก็ออกมาพบเพื่อนของเขาอย่างปกติ แต่ตอนนี้เพื่อน ๆ ของเขานั้นกำลังยุ่งกับการจัดเตรียมอาหารเพื่อใช้ในยามฤดูหนาว เมื่อหมีขาวมาถึงสถานที่ที่พวกเขามักจะใช้เพื่อพูดคุยกันหมีขาวก็ไม่เจอกับเพื่อน ๆ ของเขาเลย หมีขาวจึงเดินไปยังบ้านของกระรอกเขาเห็นกระรอกกำลังวุ่นวายกับการเก็บเห็ด และลูกสนเข้าบ้านตัวเอง

หมีขาวจึงเอ่ยถามว่า “กระรอก เจ้าทำอะไรอยู่” เจ้ากระรอกหันมาตอบเสียงดัง “ข้ากำลังเก็บอาหารสำหรับฤดูหนาวอยู่เจ้าไปหานกยูงเถิด”

เมื่อหมีขาวได้ยินเขาจึงเดินไปยังบ้านของนกยูงแต่เขาก็เห็นนกยูงกำลังยุ่งกับการเก็บหนอนเข้าบ้านอยู่ “นกยูงเจ้าทำอะไร” หมีขาวเอ่ยถาม “ข้ากำลังเก็บอาหารสำหรับฤดูหนาวอยู่เจ้าไปหาช้างเถิด” นกยูงตอบกลับเสียงดัง หมีขาวนั้นก็เริ่มสงสัยว่าฤดูหนาวนั้นคืออะไร เขาเดินไปหาช้างที่บ้านแต่ช้างไม่ได้กำลังวุ่นวายในการเก็บอาหาร ตอนนี้ช้างนั้นกำลังใช้ใบสนมาทำเป็นกองใหญ่เพื่อเป็นที่นอนที่อบอุ่นของเขา “ช้าง เจ้าไม่เก็บอาหารสำหรับฤดูหนาวเหรอ” หมีขาวเอ่ยถาม เจ้าช้างส่ายหน้าไปมา “ข้ามีอาหารเพียงพอแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังทำที่นอนให้อบอุ่นอยู่” เจ้าช้างตอบ เจ้าหมีขาวเกิดความสงสัยว่าฤดูหนาวคืออะไรเขาจึงเอ่ยถามช้างออกไป เมื่อช้างได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง “ฤดูหนาวคือ ฤดูที่จะไม่มีอาหาร อากาศจะเย็นมาก” หมีขาวพยักหน้าเข้าใจแต่เขาก็สงสัยว่าอากาศเย็นก็ดีจะตาย นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ปลาออกมาวางไข่ด้วยแต่ทำไมเหล่าเพื่อนๆ ของเขาจึงไม่ชอบฤดูหนาว

เจ้าช้างสังเกตใบหน้าของหมีขาว และรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร เขาจึงอธิบายแก่หมีขาวว่า “พวกข้ามีร่างกายที่ไม่อาจทนต่ออากาศหนาวได้ไม่เหมือนกับเจ้า พวกข้าไม่มีขนหนาๆ ไว้หุ้มกาย อุ้งเท้าข้าก็ไม่มีเล็บไว้จับปลาเมื่อถึงฤดูหนาว พวกข้าจึงต้องจัดเตรียมอาหาร และบ้านให้เพียงพอเพื่อจะผ่านความหนาวไป” เจ้าช้างพูดอธิบายพร้อมส่งรอยยิ้ม เจ้าหมีขาวเข้าใจและช่วยเหล่าเพื่อน ๆ จัดเตรียมอาหาร และที่นอน จากนั้นเขาก็กลับมายังบ้านตัวเองรอฤดูหนาวผ่านไปเพื่อจะได้กลับไปพบเจอเพื่อน ๆ อีก

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “มนุษย์เราทุกคนมีสิ่งที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจงเคารพบุคคลอื่นให้เหมือนเคารพตัวเอง”

ประเด็นแนะนำเพิ่มเติมไว้สอนลูก : ความรู้รอบตัว

ความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด เช่น ลักษณะทางกายภาพต่าง ๆ ของหมีขาว ของช้าง กระรอก นกยูง ที่สามารถนำมาพูดคุยร่วมกับลูก ๆ ได้หลังจบการเล่านิทาน

นิทานสอนใจ สอนลูกให้รู้จักทักษะชีวิต
นิทานสอนใจ สอนลูกให้รู้จักทักษะชีวิต

หนูผู้ซื่อสัตย์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในป่าที่ใหญ่โตมาหนูอยู่ตัวหนึ่งกำลังวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งป่า จนกระทั่งหนูตัวนั้นมองเห็นเนื้อก้อนใหญ่ที่ถูกวางอยู่บนหิน ตาของเจ้าหนูลุกเป็นประกายเมื่อเห็นเนื้อนั้น เขามีความรู้สึกว่าอยากได้เนื้อนั้นเอามาก ๆ แต่ว่าเนื้อที่เจ้าหนูเห็นนั้นไม่ใช่เนื้อธรรมดา เนื้อนั้นคือเนื้อวิเศษผู้ที่จะได้เนื้อนั้นไปจะต้องเป็นคนที่พระเจ้าเป็นผู้เลือก ด้วยความที่เจ้าหนูอยากกิน เขาจึงค่อย ๆ แอบเข้าไปใกล้ และใช้มีดเล็ก ๆ ของเขาตัดเนื้อออกมาเล็กน้อยแต่เมื่อเขาตัดเนื้อออกมา เนื้อนั้นก็หายไปจากหินในทันที

ขณะเดียวกันก็มีสิงโตตัวใหญ่เดินเข้ามา สิงโตตัวใหญ่นี้เป็นผู้ปกป้องเนื้อวิเศษ เมื่อเจ้าหนูเห็นสิงโตมันจึงรีบวิ่งไปซ่อนทันที เจ้าสิงโตมองไปยังหินที่ตอนนี้ไม่มีเนื้อแล้วเขาโกรธมากจึงเรียกให้เหล่าสัตว์ในป่ามายังลานกว้าง เจ้าสิงโตพูดด้วยความโกรธ “เนื้อวิเศษหายไป ข้ามั่นใจว่าจะต้องมีคนมาขโมยไปแน่ใครกันที่ขโมยไป” สิงโตคำรามออกมาเสียงดังทำให้เหล่าสัตว์ต่างพากันกลัว

“กระต่าย ข้าเห็นกระต่าย” เจ้าแพะตะโกนตอบ “ข้าไม่ได้ทำนะท่านสิงโต” กระต่ายยกมือขอร้องชีวิต เสียงของเหล่าสัตว์ต่างพากันโทษกันไปโทษกันมาจนตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าแท้จริงนั้นใครกันแน่เป็นคนเอาไป เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งสิงโตโกรธมาก “ต่อแต่นี้ข้าจะไม่แบ่งเนื้อวิเศษให้แก่พวกเจ้า” สิงโตเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ ขณะเดียวกันเจ้าหนูเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกผิดมากจึงตะโกนออกมาเสียงดัง “ข้าเอง ข้าเป็นคนใช้มีดตัดปลายเนื้อเล็กนั้นออกมาเอง ความผิดข้าลงโทษข้าเถิด” เหล่าสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งเจ้าสิงโตหันมามองเจ้าหนูตัวเล็ก

“เจ้าคิดจะขโมยเนื้อข้าหรือเจ้าหนู” สิงโตเอ่ยถาม “ข้าไม่ได้คิดจะขโมยไปทั้งชิ้นหรอกท่านสิงโต ข้าเพียงอยากได้ชิ้นเนื้อเพียงเล็ก เพราะข้านั้นหิวมาก แต่ข้าก็ไม่อยากให้คนอื่นต้องรับโทษแทนข้าด้วย” เจ้าหนูเอ่ยตอบ เมื่อสิงโตเห็นเช่นนั้นเขาคลี่ยิ้มออกมา และเอ่ยต่อหนูว่า “แม้เจ้าจะทำผิดแต่เจ้าก็มีความซื่อสัตย์ที่จะรับผิดชอบต่อความผิดตน ข้าจะแบ่งเนื้อวิเศษให้แก่เจ้า” เมื่อสิงโตพูดจบเนื้อวิเศษก็ปรากฏขึ้นมาบนหินอีกครั้งเจ้าสิงโตใช้กรงเล็บตัดชิ้นเนื้อ และมอบให้แก่เจ้าหนู

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “การกระทำที่ซื่อสัตย์มักจะได้รางวัลกลับมาเสมอ”

ประเด็นแนะนำเพิ่มเติมไว้สอนลูก : การยอมรับผิด

เจ้าหนูเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะชี้ให้ลูกเห็นถึง ประโยชน์ของการยอมรับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ผิด แต่หากรู้จักยอมรับผิด ก็มีคนพร้อมที่จะให้อภัย

ชายชราในหมู่บ้าน

นานมาแล้วมีชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลตัวเมือง เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาทั้งยังเป็นคนไม่เคยมองโลกในแง่ดี เขามักจะพูดจาร้าย ๆ ใส่คนในหมู่บ้านเสมอ ยิ่งเขาอายุมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งพูดจาทำร้ายคนในหมู่บ้านมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งชายชราเดินออกมาจากบ้านของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสนั้น ทำให้ชาวบ้านต่างตกใจกันอย่างมาก ชาวบ้านต่างพากันรวมตัวมาหาชายชรา และถามเขาว่า “ทำไมวันนี้คุณดูอารมณ์ดีจัง คุณไม่ด่าพวกฉันแล้วไงหรือ” ชายชรายิ้มและหัวเราะออกมา “วันนี้ฉันก็อายุ 80 ปีแล้วตลอดเวลาฉันได้แต่ตามหาความสุขที่มาจากเงินทอง ของกินหรือผู้คน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความสุขนั้นมันต้องเริ่มมาจากฉันก่อน” ชายชรายิ้มให้กับคนในหมู่บ้านนั้น ทำให้คนในหมู่บ้านก็ต่างดีใจ และยินดีกับเขาในเย็นวันนั้นทุกคนจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ชายชรา และทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าไล่ล่าหาความสุขเพราะแท้จริงนั้นความสุขอยู่ที่ตัวคุณเอง”

นิทาน กับเด็ก ประโยชน์มากมาย
นิทาน กับเด็ก ประโยชน์มากมาย

ประเด็นแนะนำ เพิ่มเติม สอนลูก : ทักษะการเข้าสังคม

ทักษะทางสังคมเป็นทักษะสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคม เป็นกฎกติกา แผนที่ หรือทิศทางในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่น ทักษะทางสังคมเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกผ่านคำพูด สีหน้า ท่าทาง ซึ่งสามารถทำนายผลทางสังคมได้ เช่น เรายิ้ม เพื่อนก็จะยิ้มตอบ ทักษะทางสังคมเป็นทักษะที่จำเป็นในการสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับเพื่อน

ที่มา : https://www.watnongkratum.ac.th

อ่านต่อ >>นิทานสอนใจ สอนทักษะชีวิตให้ลูกผ่านตัวหนังสือ คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up