ฝึกลูกพูด

14 เทคนิค ฝึกลูกพูด ให้มีทักษะการพูดที่ดี..ไปจนโต!

event
ฝึกลูกพูด
ฝึกลูกพูด

ฝึกลูกพูด

10. สนทนากับลูก เหมือนคุยกับผู้ใหญ่

แม้ว่าลูกจะยังไม่สามารถพูดเป็นคำๆ ได้แต่เขาก็จะเริ่มเรียนรู้ว่า ในบทสนทนาต้องประกอบด้วยการถามและการตอบ เมื่อคนหนึ่งพูด คู่สนทนาจะหยุดฟัง ดังนั้นเมื่อพูดคุยกับลูก ควรหยุดรอให้เขาตอบ ในช่วงแรกที่เขายังแบเบาะ อาจจะทำแค่ยิ้มให้กัน และส่งเสียงอ้อแอ้ไม่เป็นภาษา เมื่อเด็กอายุย่างเข้า 7 ถึง 8 เดือน เด็กส่วนใหญ่จะเรียนรู้ที่จะนิ่งเงียบถ้ามีคนมาคุยด้วย และเขาจะรอฟังจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดจบ เขาจึงจะเปล่งเสียงออกมา

***กฎในการพูดที่สำคัญที่ว่า ไม่ควรพูดแทรกในขณะที่คนอื่นกำลังพูดอยู่ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ตั้งแต่เด็ก

เด็กที่คุยกับพ่อแม่เป็นประจำและคอยถามคำถามพ่อแม่ มีแนวโน้มที่จะเติบโตเป็นเด็กที่พูดถูกไวยากรณ์ และรู้จักคำศัพท์มากกว่าเด็กคนอื่นๆ อีกทั้งมีผลการเรียนที่สูงกว่าเด็กที่ไม่ค่อยพูด นอกจากนี้การได้มีบทสนทนาระหว่างพ่อแม่และลูกนั้นยังเป็นการทำให้เขาได้เรียนรู้การเป็นผู้ฟังที่ดีอีกด้วย เพราะการฟังและการพูดเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเข้าสังคมเมื่อเขาเติบโตขึ้น เด็กที่ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นไม่ค่อยได้ อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เรียนรู้ที่จะพยายามทำความเข้าใจในความคิดเห็นของผู้อื่น

11. อย่าด่วนแย่งลูกพูด

บ่อยครั้งที่เด็กเล็กอาจะต้องใช้เวลาที่จะคิดสรรหาคำศัพท์ที่ถูกต้องมาสื่อสารกับเรา ดังนั้นจึงไม่ควรขัดจังหวะเขาโดยการพูดแทรก หรือแย่งเขาพูด แม้ว่าคุณจะมั่นใจว่าคุณรู้ว่าเขากำลังจะพูดถึงอะไร พึงระลึกเสมอว่า เด็กจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้น และมีความมั่นใจในการพูดมากขึ้น หากเขาไม่ถูกขัดจังหวะบ่อยๆ

12. เล่นเกมเพื่อเพิ่มพูนคำศัพท์

เมื่อลูกอายุได้ 2 ปี เขาจะเข้าใจและพูดรู้เรื่องมากขึ้น ควรสอนให้เขารู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวกับตำแหน่งต่างๆ เช่น ข้างบน ข้างล่าง ข้างใน เป็นต้น หรือคำเชื่อมต่อ เช่น  และ แต่ว่า หรือ เป็นต้น เช่น วางของเล่นไว้ใต้กล่อง วางนอกกล่อง วางในกล่อง โดยเล่นและสอนคำศัพท์ต่างๆ เป็นต้น

13. ให้ลูกได้ขีดเขียน

การเขียนเป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้ใหญ่ เด็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป มักจะชอบขีดเขียน เลียนแบบการกระทำของผู้ใหญ่ อาจเผินๆ อาจไม่มีอะไรมากกว่าเปลืองกระดาษ แต่แท้จริงแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าลูกมีความสนใจในการพัฒนาทักษะด้านภาษา การขีด การเขียน ช่วยให้เขาเข้าใจว่า การเขียนนั้นคู่กับการอ่าน และเขาจะรู้จักฝึกฝนวิธีการจับดินสอที่ถูกต้องสำหรับการฝึกหัดเขียนตัวหนังสือต่อไปในอนาคต

14. ระวังอย่าให้ลูกเป็นโรคหูอักเสบ

เด็กที่ป่วยเป็นโรคหูอักเสบบ่อยๆ ในช่วง 0-4 ขวบ อาจจะสูญเสียการได้ยินชั่วคราวได้ ซึ่งอาจเป็นปัญหาต่อการพัฒนาทักษะด้านภาษาของเขา เด็กๆ เหล่านี้อาจจะไม่สามารถแยกแยะระหว่างเสียงบางเสียง หากลูกของเรามีอาการของโรคหูอักเสบ ให้คอยสังเกตว่าเขามีปัญหาในการฟังหรือไม่ หากคุณมีความกังวลหรือสงสัยว่าลูกอาจมีปัญหาในการฟัง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจและทดสอบได้ยินของลูก

โดยสรุป คือ การฝึกลูกพูด ให้มีทักษะการพูดที่ดีไปจนโต ซึ่งกระตุ้นการสื่อสาร 2 ทาง โดยเน้นที่การฟังอย่างเข้าใจและตอบสนองออกมาด้วยภาษาท่าทาง กระตุ้นลูกให้พูดตามเมื่อลูกรู้จังหวะการสื่อสารแล้ว(รู้ว่าสลับเงียบ สลับคุย) จะประสบความสำเร็จสูงกว่า อย่าบังคับพูด รวมทั้งมีการร้องเพลงหรือท่องอาขยานแล้วใช้เทคนิคลดคำก็เป็นอีกทางที่จะช่วยเพิ่มคำศัพท์ เพิ่มช่องทางสื่อสารแบบมีความสุขและสนุก

อย่างไรก็ตามการ ฝึกลูกพูด ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีปัญหาการพูดที่ช้าไปกว่าเด็กคนอื่นๆ ในรุ่นวัยเดียวกัน แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็ขอให้อย่าได้กังวล และมีความตั้งใจที่จะฝึกลูกต่อไป อย่าได้รู้สึกผิดหวังหรือท้อถอย และขออย่าได้ใจร้อนจนเกินไป คอยบังคับให้ลูกต้องพูดให้ได้ เพราะถึงแม้ว่าการพัฒนาการเรื่องภาษาจะเป็นหลักอันหนึ่งในแง่ของสติปัญญาของเด็ก แต่ก็ไม่ใช่เป็นเพียงปัจจัยเดียวของการพัฒนาในเรื่องสติปัญญา

เด็กบางคนอาจจะพูดช้ากว่าเด็กคนอื่น เนื่องจากเป็นครอบครัวที่มีแนวโน้มที่พูดช้าอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นจากการที่ขาดการกระตุ้นและสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพูดของเด็กมากกว่า ส่วนเรื่องความผิดปกติทางสมองหรือเรื่องการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆที่อาจมีผลกระทบต่อการพูด การใช้ภาษาของเด็กนั้นก็อาจจะมีได้ แต่ก็เป็นส่วนน้อย และสามารถปรึกษากุมารแพทย์ของท่านได้ ถ้าคุณคิดว่าลูกอาจจะมีปัญหาจริงๆในเรื่องการพูดและการใช้ภาษา การให้ early intervention ในเด็กที่พบว่ามีปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยแก้ไขจุดอ่อนของเด็กและช่วยให้เขาได้มีการพัฒนาได้ตามศักยภาพของเขา จะดีกว่าการมาแก้ไขทีหลังเมื่อเด็กอายุมากแล้ว ซึ่งบางรายก็จะมีปัญหาทางด้านพฤติกรรมอื่นๆ ตามมาได้

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือวิธีฝึกเด็กให้ฉลาดและเก่ง ตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ขวบ ด้วยตัวเอง

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up