อาการโรคคาวาซากิ

แม่แชร์ อาการโรคคาวาซากิ และวิธีรักษา เมื่อลูกป่วยเป็นโรคคาวาซากิ

event
อาการโรคคาวาซากิ
อาการโรคคาวาซากิ

สังเกตลูกให้ดี!!! อาการโรคคาวาซากิ แท้จริงหาสาเหตุไม่ได้ แต่หากลูกมีไข้สูงหลายวัน ตาแดง ริมฝีปากแดงแห้งแตก ลิ้นคล้ายผลสตรอว์เบอร์รี ต้องรีบหาหมอ รักษาช้ามีผลต่อหัวใจ

แม่แชร์ อาการโรคคาวาซากิ และวิธีรักษา
เมื่อลูกป่วยเป็นโรคคาวาซากิ

โรคคาวาซากิ (Kawasaki Disease) ถือเป็นอีกหนึ่งโรคร้าย ซึ่งเชื่อคุณพ่อคุณแม่หรือคนส่วนใหญ่อาจจะไม่เคยได้ยิน และคิดไปว่ามันคือโรคอะไรกันแน่ เพราะชื่อนั้นเหมือนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่ง สัญชาติญี่ปุ่นเลย ซึ่งแท้จริงแล้วที่มาของ “โรคคาวาซากิ” นั้น มีรายงานครั้งแรกตั้งแต่ปี 1967 โดยแพทย์ชาวญี่ปุ่นชื่อ Tomisaku Kawasaki ตรวจพบในเด็กชายชาวญี่ปุ่นอายุ 4 ปี ที่ป่วยเป็นไข้ร่วมกับอาการอื่นๆ ซึ่งไม่เคยตรวจพบมาก่อน หลังจากนั้นจึงตรวจพบผู้ป่วยอาการแบบเดียวกันมาเรื่อยๆ และมีอุบัติการณ์ของโรคนี้กระจายไปทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย

สำหรับ อาการโรคคาวาซากิ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้เคยเปิดเผยว่า โรคนี้เป็นโรคที่มีการอักเสบของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย  มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบบ่อยในช่วงอายุ 1-2 ปี  ผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง และพบว่าในเด็กที่อายุน้อยๆ และเพศชาย จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าเด็กโตๆ หรือผู้หญิง

ทั้งนี้ภาวะแทรกซ้อนอาจรุนแรงตั้งแต่วันแรกๆ ของโรค อาจมีอาการช็อกและเสียชีวิตได้ แต่พบน้อย ซึ่งภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ ต้องตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเครื่องตรวจ Echocardiogram ว่า มีหลอดเลือดหัวใจผิดปกติหรือไม่ เพราะถ้าผิดปกติจะมีโอกาสเกิดการขาดเลือดของกล้ามเนื้อหัวใจ เสียชีวิตเฉียบพลันได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ

อาการโรคคาวาซากิ

เช่นเดียวกับน้องทิวสน หนูน้อยวัย 2 ขวบ ที่ป่วยมี อาการโรคคาวาซากิ โดยคุณแม่ของน้องทิวสนก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชื่อ Nattida Nettip เพื่อเตือนใจคุณพ่อคุณแม่ให้สังเกตลูกน้อยให้ดีเกี่ยวกับโรคนี้ โดยคุณแม่เล่าว่า…

คาวาซากิ!!!!! ได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก คืออะไร ไม่เข้าใจ โรคอะไรทำไมเราไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย มันอันตรายมากไหม แล้วลูกเราจะหายไหม ทุกอย่างมันวิ่งวนอยู่ในความคิดเต็มไปหมด

วันนี้แม่จะมาเล่าประสบการณ์ที่ลูกชาย น้องทิวสน อายุ 2 ขวบ ป่วยเป็นโรคคาวาซากิ !!!!

วันที่ 1 ช่วงเช้าน้องเริ่มมีอาการตัวร้อนแต่ร้อนไม่มาก แม่ได้ให้น้องทานยาลดไข้แล้วให้น้องไปโรงเรียนตามปกติ พอตกช่วงเย็นแม่ไปรับน้องแล้วจับตัวน้องเริ่มรู้สึกว่าน้องตัวร้อนมาก จึงได้พาน้องไปหาหมอที่คลินิก เมื่อไปถึงคลินิกหมอได้ทำการตรวจให้น้องแต่ด้วยความที่น้องยังเด็กเมื่อน้องเห็นหมอน้องก็จะร้องไห้แบบเยอะมาก เพราะน้องกลัวเนื่องจากน้องเค้าจำได้ว่าเคยโดนฉีดวัคซีนที่นี้เมื่อน้องร้องไห้เยอะจึงทำให้เหงื่อออก เวลาวัดไข้จึงไม่มีไข้หมอจึงไม่ได้ให้ยาแล้วให้กลับบ้าน

… วันที่ 2 หลังจากหาหมอเสร็จคืนนั้นน้องก็ตัวร้อน วัดไข้ได้ประมาณ 38 กว่าๆ เช้าจึงพาน้องไปหาหมออีกรอบแต่ครั้งนี้น้องเริ่มมีน้ำมูก หมอจึงให้ยาลดไข้และยาฆ่าเชื้อมาให้น้องทาน แต่กลางวันน้องไม่มีไข้ เล่นได้ตามปกติ

วันที่ 3 กลางคืนน้องก็มีไข้ขึ้นสูง เหมือนเคย สังเกตว่าทั้ง 3 คืนน้องจะมีไข้ขึ้นสูงเวลาเดียวกันเลยคือประมาณ 24.00 -2.00 น. ก็ให้น้องทานยาลดไข้ น้องก็อาการดีขึ้นแต่พอหมดฤทธิ์ยา ไข้ก็จะกลับมา วนเวียนไปแบบนี้

วันที่ 4 ตอนเช้าตื่นมา น้องเริ่มมีผื่นแดงๆขึ้นตามตัว ขึ้นเป็นจุดๆแดง ไม่นูนแต่สังเกตได้ชัดว่ามีผื่นขึ้น น้องก็เริ่มมีไข้ จึงพาไปหาหมอที่คลินิกแห่งเดิมอีกครั้ง หมอแจ้งว่าน้องเป็นผื่นลมพิษคิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากการเป็นไข้ หมอจึงให้ยาลดภูมิแพ้กับมา แต่พอตกกลางคืนน้องก็มีไข้ขึ้นสูงวัดไข้ 38.6 จึงตัดสินพาน้องไปโรงพยาบาล

แม่ขอเกริ่นก่อนนะคะ ก่อนหน้านี้แม่ได้ทำประกันสุขภาพให้น้อง จึงปรึกษากันว่าเอาน้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนดีกว่า จึงตัดสินใจเอาน้องเข้าหาหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ เวลา 00.30 น.

เมื่อไปถึงน้องก็เข้าห้องฉุกเฉินหมอได้ทำการวัดไข้ไข้น้องขึ้นสูง พยาบาลและหมอจึงช่วยกันทำทุกวิธีเพื่อให้น้องไข้ลดลงโดยการจับอาบน้ำ เช็ดตัว เมื่อไข้น้องลดลง ก็ได้ทำการเจาะเลือด นำน้ำมูกและฉี่ไปตรวจเพื่อหาสาเหตุว่าน้องป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่เพราะน้องมีไข้ขึ้นสูงเป็นเวลา 4 วันติดต่อกัน

 

อ่านต่อ >> อาการโรคคาวาซากิและวิธีรักษา” คลิกหน้า 2

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up