ลมพิษในเด็ก เกิดจากอะไร ดูแลอย่างไรเมื่อเด็กเป็นลมพิษ

ลมพิษในเด็ก เกิดจากอะไร ดูแลอย่างไรเมื่อเด็กเป็นลมพิษ

Alternative Textaccount_circle
event
ลมพิษในเด็ก เกิดจากอะไร ดูแลอย่างไรเมื่อเด็กเป็นลมพิษ
ลมพิษในเด็ก เกิดจากอะไร ดูแลอย่างไรเมื่อเด็กเป็นลมพิษ

ลมพิษในเด็ก คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งซึ่งสร้างความรำคาญใจให้กับเด็กที่เป็นลมพิษ เพราะจะทำให้มีอาการคัน โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ผื่นลมพิษในเด็กมักจะทำให้เด็กงอแง ไม่สบายตัว เพราะคันจนทนไม่ได้ กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีวิธีในการดูแลลูกน้อยหากเกิดผื่นลมพิษมาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ

ลมพิษในเด็ก เกิดจากอะไร?

คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะว่า ลมพิษในเด็ก มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดผื่นลมพิษ ทางการแพทย์จะเรียกอาการผื่นชนิดนี้ว่า โรคลมพิษ (Urticaria) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง โดยอาการที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน คือเกิดผื่นหรือปื้นนูนแดงขึ้นมาบนผิวหนัง ทั้งผิวหน้าและผิวกาย โดยปกติแล้วผื่นลมพิษมักจะเป็นและหาย ใน 24-48 ชั่วโมง แต่หากผื่นขึ้นเป็น ๆ หาย ๆ นานกว่า 6 สัปดาห์ เสี่ยงต่อการเป็นผื่นลมพิษเรื้อรัง แนะนำให้พาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที ในส่วนของสาเหตุโรคลมพิษในเด็ก อาจมาจากสาเหตุเหล่านี้ คือ

1. มีการติดเชื้อ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา

2. มีการแพ้อาหาร เช่น ถั่ว ไข่ อาหารทะเล ฯลฯ

3. มีการแพ้ยา เช่น ยาปฏิชีวนะ ยากันชัก ยาลดไข้(ในกลุ่มแอสไพริน)

4. ถูกแมลงสัตว์ กัด ต่อย

โรคลมพิษในเด็ก

ลมพิษในเด็ก

ลมพิษในเด็ก มีอาการลักษณะเดียวกันกับลมพิษในผู้ใหญ่ สิ่งที่แตกต่างเมื่อเด็กเป็นลมพิษ คือเมื่อเด็กมีอาการคันจนทนไม่ได้ เด็กจะยิ่งร้องไห้งอแงหนัก โดยวิธีบรรเทาอาการลมพิษในเด็ก มักใช้วิธีเดียวกันกับลมพิษในผู้ใหญ่ คือการหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ทั้งอากาศ แสงแดด แมลงสัตว์กัดต่อยหรือไรฝุ่นต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ลมพิษของลูกน้อยลุกลามได้ และขณะที่เด็กเป็นลมพิษ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรไปกอดรัด หรือสัมผัสบริเวณผื่นของลูก เพราะอาจทำให้ผื่นแดงลุกลามได้

โรคลมพิษในเด็ก เกิดขึ้นได้ 2 แบบ

1. โรคลมพิษเฉียบพลัน: เด็กที่มีอาการลมพิษเฉียบพลัน ส่วนใหญ่เป็นแล้วจะหายไปเองภายใน 1 วัน

2. โรคลมพิษเรื้อรัง: เด็กที่เป็นลมพิษจะมีอาการเป็น ๆ หาย เป็นอยู่ประมาณ 3-6 เดือน

อาการของโรคลมพิษในเด็ก

เด็กที่เป็นลมพิษจะมีผื่นบวม นูนแดงสีออกขาวที่ล้อมรอบด้วยผื่นสีแดง ซึ่งมีทั้งแบบขนาดใหญ่และขนาดเล็กปะปนกันไป เด็กที่เป็นลมพิษจะรู้สึกคัน หากเกาตรงไหน ตรงนั้นก็จะเกิดผื่นแดงขึ้น โดยผื่นสามารถขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย เด็กบางรายอาจจะมีอาการไข้ร่วมด้วย

  • เด็กเป็นลมพิษจะมีผื่นคัน นูน แดง บวม อาการบวมในบริเวณเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ตาบวม ปากบวม เป็นต้น หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง แน่นอก หายใจไม่ออก
  • มีขอบเขตของผื่นชัดเจน เช่น ขึ้นผื่นบริเวณหน้า คอ แขนและบริเวณแผ่นหลัง
  • มักเป็นและหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง

หากลูกมีอาการผื่นลมพิษขึ้นเยอะผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะนั่นอาจจะเป็นลมพิษที่มีอาการผิดปกติหรือมีอาการโรคลมพิษในเด็กแบบเฉียบพลันได้

อาการของโรคลมพิษในเด็ก

 

การดูแล เมื่อลูกมีอาการของโรคลมพิษในเด็ก มีดังนี้

1. ดูแลตามอาการ ถ้ามีอาการไม่รุนแรงมาก ผิวมีผื่นแดงเล็กน้อยอาการจะหายไปเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำในการใช้ยา

2. หยุดทำหรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เป็นลมพิษ เช่น อาหารที่กิน

3. ดูแลรักษาโรคที่อาจทำให้เป็นลมพิษ เช่น หวัด หรือการติดเชื้อเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

4. ถ้าพบว่ามีอาการรุนแรง รีบปรึกษาแพทย์โดยทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยโรคและป้องกันอาการช็อกที่อาจเกิดขึ้นได้

นอกจากโรคลมพิษในเด็กจะเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ กับเด็กเล็กแล้ว ผื่นลมพิษในเด็กยังอาจเป็นหนึ่งในอาการของโรคภูมิแพ้ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตลูกน้อยอย่างใกล้ชิด หากลูกเริ่มมีผื่นแดงคันขึ้นตามตัวหรือตามใบหน้า ลูกน้อยอาจเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ได้ด้วยเช่นกัน

กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids แนะนำวิธีการดูแลไปแล้ว แต่การป้องกันไม่ให้ผื่นลมพิษเกิดขึ้นกับลูกก็จะดีมากกว่าการไปรักษาที่ปลายเหตุแล้ว ซึ่งอีกหนึ่งวิธีที่อยากแนะนำคือ การสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับลูกตั้งแต่ต้น นั่นก็คือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด ให้ลูกกินนมแม่ให้ได้นานที่สุด หรืออย่างน้อยให้ได้ 6 เดือน

เพราะนมแม่เป็นนมที่มีคุณสมบัติ Hypo-Allergenic (H.A.) ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภูมิแพ้ในเด็กได้ เพราะนอกจากนมแม่จะมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิดแล้ว  โปรตีนในนมแม่บางส่วนยังถูกย่อยจากเอนไซม์ตามธรรมชาติในนมแม่ ทำให้มีขนาดเล็กลง เป็นโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน (Partially hydrolyzed protein- PHP) รวมทั้งมีจุลินทรีย์ดี หรือโพรไบโอติกหลายชนิด เช่น Bifidus BL ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ โดยสังเกตได้จากทารกที่ได้รับนมแม่จะมีการเกิดภูมิแพ้น้อยกว่า และมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่า เพราะนอกจากนมแม่จะมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิดแล้ว  โปรตีนในนมแม่บางส่วนยังถูกย่อยจากเอนไซม์ตามธรรมชาติในนมแม่ ทำให้มีขนาดเล็กลง เป็น โปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน (Partially hydrolyzed protein- PHP) รวมทั้งมีโพรไบโอติกหลายชนิด เช่น Bifidus BL ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ โดยสังเกตได้จากทารกที่ได้รับนมแม่จะมีการเกิดภูมิแพ้น้อยกว่า และมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่า

หากคุณแม่ต้องการเช็กว่าลูกน้อยเสี่ยงเป็นภูมิแพ้ลมพิษหรือไม่? สามารถเข้ามาทำแบบทดสอบเกี่ยวกับภูมิแพ้ในเด็ก เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กได้ หากรู้ก่อนแพ้ คุณแม่ก็จะสามารถป้องกันโรคภูมิแพ้ของลูกน้อยได้เร็วยิ่งขึ้น

หรือคุณแม่ท่านใดที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ในเด็ก ต้องการคำแนะนำในการป้องกันเพิ่มเติม สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับเราได้ที่ N Sensitive Club คลับที่คุณแม่ไว้ใจ รวมความรู้ทุกเรื่องของอาการแพ้ในเด็ก

 

 

อ้างอิง
1. Dallas DC, et al. J Mammary Gland Biol Neoplasia. 2015 Dec;20(3-4):133-47.
2. Dallas DC, et al. J Nutr. 2014 Jun;144(6):815-20
3. Grönlund MM, et al. Clin Exp Allergy. 2007 Dec;37(12):1764-72.
4. https://www.childrenhospital.go.th/8732/บริการสำหรับประชาชน/infographic/โรคลมพิษ/

 

 

 

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก


ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, honestdocs, www,pikool.comwww.winnews.tv

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up