Kid Safety – ภัยจากพี่เลี้ยงต่างชาติ

Alternative Textaccount_circle
event

“คิดจะมีพี่เลี้ยงต่างชาติ เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย”   ยุค”ครอบครัวรวม”นั่นคือ ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา และหลานๆอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ช่วยดูแลเอาใจใส่กัน เห็นทีจะหาได้ยากขึ้นทุกทีแล้วในสังคมเรา สิ่งที่เด็กๆรุ่นนี้มากมายที่เติบโตกันมาในสภาพ “ครอบครัวเดี่ยว”(มีเพียงพ่อและแม่ช่วยกันดูแล) “ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว”(มีเพียงพ่อหรือมีเพียงแม่เท่านั้นที่เลี้ยงดู) และมีไม่น้อยเลย ที่อยู่กับ “ใครก็ไม่รู้”ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า “พี่เลี้ยง” เรียกได้ว่าพอคุณแม่ครบกำหนดลาคลอด(3 เดือน) ลูกวัยแบเบาะก็ได้เห็นพี่เลี้ยงมายืนยิ้มเผล่อยู่ข้างเปลนอนแล้ว…. ปัญหาก็คือคงไม่มีคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไหนแน่ๆที่จะปล่อยให้ลูกของตนอยู่กับ“ใครก็ไม่รู้”โดยลำพัง แม้เพียงชั่วแว่บเดียวก็ตาม โดยมากจึงอาศัยญาติสนิทมิตรสหายช่วยกันแนะนำหรือติดต่อผ่านทางศูนย์พี่เลี้ยงซึ่งมีตัวตน มีสถานที่ชัดเจน มีสถาบันที่น่าเชื่อถือได้ให้การรับรองรับผิดชอบ แต่บางครั้งก็แพงครับ พ่อแม่อาจหาทางประหยัดหรือหาศูนย์พี่เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีมาตรฐาน ราคาถูก ปัญหาที่ตามมาก็คือ ทุกวันนี้พี่เลี้ยงเด็กไม่ใช่น้อยๆเลยเป็น คนต่างชาติ ซึ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลยิ่งขึ้นไปอีก เปล่าครับ,, มิใช่การเหยียดผิว หรืออคติใดๆ แต่ความเป็นต่างชาติต่างแดนทำให้ยิ่งไม่รู้ที่มาที่ไป แถมไม่มั่นใจในสุขภาพกายและสุขภาพจิตอีกตะหาก   ต่อจากนี้ไปเป็นแนวคิดเบื้องต้นของพิจารณา เมื่อจำต้องให้ลูกมีพี่เลี้ยงต่างชาติ

  1. หลายๆท่านเลือก Daycare (หรือที่เราเรียกกันว่า Nursery) ซึ่งหาให้ใกล้ที่ทำงานของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งจะได้อาศัยช่วง         พักเที่ยงแว่บไปดูแลลูก และหลังเลิกงานจะได้ไปรับลูกได้โดยไม่เสียเวลามากนัก
  2. แม้เป็นเรื่องยาก ก็ยังภาวนาให้คุณได้มีญาติสนิท(คุณปู่-ย่า-ตา-ยาย หรือ ป้า-น้า-อา…) มาช่วยดูแลหลานรัก ในขณะที่คุณทั้งคู่ออกไปทำงานนอกบ้าน และอาจมีพี่เลี้ยง มาช่วยเป็นลูกมือของคุณย่าคุณยาย …(แม้แต่เป็นพี่เลี้ยงต่างชาติก็ตาม) เพื่อท่านจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป และไม่ควรให้พี่เลี้ยงต่างชาติเลี้ยงลูกน้อยอย่างเด็ดขาดแม้จะผ่านการรับรองจากศูนย์ใดๆก็ตาม
  3. หาข้อมูลจากศูนย์บริการพี่เลี้ยงต่างๆ(ก่อนจะตัดสินใจเดินทางเข้าพบศูนย์ใด ทางที่ดีควร สืบประวัติศูนย์นั้นๆก่อน ทั้งลองค้นๆดูในอินเตอร์เน็ต ก็จะพบได้มากมาย ซึ่งมีที่อยู่ พร้อมเบอร์โทรหรือยิ่งรู้จากญาติสนิทมิตรสหายที่เคยประทับใจไว้ในบริการก็ยิ่งดี
  4. ข้อดีของศูนย์พี่เลี้ยงก็คือบรรดาพี่เลี้ยง(ทั้งไทยทั้งเทศ) จะผ่านการอบรมการฝีกฝน วิธีการดูแลเด็ก(เบื้องต้น)มาแล้ว หนำซ้ำหลายคนมักจะมีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาก่อน และที่พอคาดหวังได้ก็คือน่าจะผ่านการคัดกรองมาแล้ว

จากศูนย์นั้นๆ ว่าจะไม่มีทั้งปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต พี่เลี้ยงของศูนย์ต่างก็มักมีให้เราเลือกได้ว่าต้องการพี่ เลี้ยงแบบอยู่ที่บ้านเราเลย หรือ แบบไปเช้าเย็นกลับ

  1. สำหรับอัตราค่าจ้างนั้น ทางศูนย์ก็มักกำหนดไว้หลายอัตรา โดยมักจะมีค่าธรรมเนียม (มักหัก 10% จากเงินเดือนพี่เลี้ยง) การจ่ายเงินเดือนก็ไม่ใช่จ่ายกับพี่เลี้ยงโดยตรง แต่ให้จ่ายผ่านศูนย์ฯ
  2. ควรเลือกศูนย์พี่เลี้ยงอย่างพิถีพิถันให้มากนะครับ ที่แน่ๆคือ มีใบจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ต้องมีสถานที่แน่นอน ติดต่อได้อย่างสะดวก มีใบรับรองหรือประกาศนียบัตรจากหน่วยงาน หรือโรงพยาบาล ว่าถูกกฎหมาย เชื่อถือได้มีมาตรฐาน และต้องมีการฝึกอบรมพี่เลี้ยงอย่างถูกต้อง และต่อเนื่อง
  3. ศูนย์เปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุยสัมภาษณ์ ทางที่ดีแม้พี่เลี้ยงจะเป็นต่างชาติ แต่ก็น่าจะฟังและพูดภาษาไทยได้บ้าง ในระดับที่สื่อสารกันพอเข้าใจ ไม่ใช่ว่าพูดหรือฟังไม่รู้เรื่องเลย สิ่งที่ควรถามคือ ถามประวัติครอบครัว มีสามี มีลูกหรือยัง สามีทำงานอะไร เหตุใดจึงออกจากงานเก่า และ เหตุผลอะไรจึงมาเลือกงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก

– ยิ่งเคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงมาแล้ว เรายิ่งจะต้องโทรเช็คบ้านที่เขาเคยเลี้ยงเด็กมาแล้ว ถึงสาเหตุการออกจากงาน และพฤติกรรมต่างๆว่ามีความน่าไว้ใจมากน้อยเพียงใด (โดยขอเบอร์โทรศัพท์จากเด็กพี่เลี้ยง หรือจากทางศูนย์ฯ) . ที่เน้นเป็นพิเศษสำหรับพี่เลี้ยงต่างชาติก็คือ อย่าลืมขอประวัติการตรวจโรค โดยเฉพาะที่ต้องปราศจาก โรคที่เรียกกันว่า โรคแถบชายแดน เช่น ไข้มาลาเรีย วัณโรค เท้าช้าง เอดส์ ตับอักเสบ ไทฟอยด์ ( แม้จะผ่านการรับรองของศูนย์พี่เลี้ยง ก่อนเข้ารับมาอยู่ที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ควรพาไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อนและหมั่นพาไปตรวจสุขภาพเป็นประจำด้วยนะครับ ชาวต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ควรไปจดทะเบียนที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1-10 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Hotline 1694 หรือ โทร. 0 2354 1762 www.doe.go.th ต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม การลักเล็กขโมยน้อย หรือกระทำผิดใดๆ และต้องไม่มีประวัติว่าเป็นพวกชนกลุ่มน้อยปกป้องดินแดน เพราะนั่นบ่งบอกถึงคนที่เคยผ่านประสบการณ์อันดุเดือดซึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมาเป็นคนเลี้ยงเด็กเลย

  1. ทางศูนย์ควรให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทดลองงานพี่เลี้ยง ก่อนรับทำงานจริง ซึ่งศูนย์หลายแห่ง ก็ยินดีหนำซ้ำยังเปลี่ยนพี่เลี้ยงให้ทันที ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบใจ
  2. มีการทำเป็นหนังสือสัญญาการจ้างอย่างชัดเจนและเป็นธรรม โดยเน้นที่ความปลอดภัย ไว้ใจได้ของศูนย์และพี่เลี้ยง และมีการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้
  3. แม้ว่าพี่เลี้ยงจะมาจากศูนย์ฯที่เราเลือกอย่างพิถีพิถันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ยังจะต้องไม่ลืมที่จะขอหลักฐานเอกสารต่างๆของพี่เลี้ยงดังนี้ เช่น ภาพถ่าย –สำเนาบัตรประชาชน –สำเนาทะเบียนบ้าน –หลักฐานการศึกษา – ประวัติการทำงาน กรณีที่เป็นต่างชาติก็ควรมีใบต่างด้าว หรือหลักฐานว่ามีการเข้าประเทศโดยถูกกฎหมายและโดยปกติ ทางศูนย์พี่เลี้ยงนั้นๆจะมีหนังสือรับรองและค้ำประกันด้วย
  4. ยุคเทคโนโลยี่ก้าวไกล ซ้ำยังราคาไม่สูง การติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามการทำงานของพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจยิ่ง
  5. เมื่อมีพี่เลี้ยงเด็กเข้ามาให้เลือก การพินิจพิจารณาอย่างละเอียดจึงเป็นขั้นตอนต่อไป เช่น  รู้วิธีการเลี้ยงเด็กอย่างถูกต้องหรือไม่(โดยเน้นที่ความปลอดภัยของลูกเป็นหลัก)เช่น การอุ้มเด็ก –การชงนม –การทำอาหารเด็ก  -การปลอบโยน (กรณีดูแลเด็กทารก)หรือ การสอนการบ้านเด็ก  พูดคุยเป็นเพื่อน  ดูแลเรื่องอาหาร และความปลอดภัย  ( กรณีดูแลเด็กโต)แล้วก็ดูบุคลิกลักษณะว่า ผ่องใสสดชื่นหรือดูเซื่องซึมชวนให้หดหู่  สุขภาพเป็นอย่างไร มีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ สังเกตตามเนื้อตัวด้วยว่ามีแผลฝีหนอง หรือมีรอยเข็ม(ติดยา ) รอยกรีด ( เคยทำร้ายตัวเอง ) อะไรหรือไม่

แล้วก็อย่าลืมสังเกตจากปฏิกิริยาโต้ตอบของเธอ เมื่อพบเหตุการณ์บางอย่างเช่น เมื่อเห็นเด็กๆในบ้านวิ่งไล่กันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เด็กทารกร้องแผดร้องจ้า  เด็กๆทะเลาะกันเสียงดัง  หรือคนในบ้านทำข้าวของแตก ดูว่าทีท่าเธอเป็นอย่างไร นั่นก็จะพอรู้ว่า เป็นคนมีวุฒิภาวะ และรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนได้ดีเพียงใด?    ต้องขอย้ำอีกครั้งก็แล้วกันนะครับว่า หากมีทางเลือกที่ดีอื่นๆ การมีพี่เลี้ยงเป็นแรงงานต่างด้าวขอให้เป็นทางเลือกท้ายสุดก็แล้วกัน ยิ่งไม่ได้ผ่านหรืออยู่ในการดูแลของศูนย์พี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้มีมาตรฐาน ก็ถือว่าไม่ควรเลือกหนทางนี้เลย อย่าลืมนะครับว่า แรงงานต่างด้าวบางรายเป็นมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาอย่างน่ากลัวที่สุด แรกๆอาจทำให้พวกเราตายใจ แต่เมื่อสบโอกาสก็ ลักเอาลูกน้อยของเราไปอย่างเลือดเย็น เพื่อ ส่งต่อให้กับเพื่อนร่วม “ขบวนการค้ามนุษย์”                                                                              *******************************************     เรื่อง : รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ : shutterstock ที่มาจากคอลัมน์ : Kids’Safety ฉบับเดือนกรกฎาคม 2554  

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up