Kid Safety – รุ่นพี่ตัวแสบ หลอกขายยาเม็ด “โดนตีแล้วไม่เจ็บ”

Alternative Textaccount_circle
event

หากย้อนคิดถึงข่าวอันน่าตกตะลึง ในฐานะของคนที่รักลูกห่วงใยลูกอย่างพวกเรา ทุกคนย่อมจะไม่ลืมข่าวในเดือนกุมภาพันธ์ (เวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.พ.53) ที่ผ่านมา นั่นคือ…ข่าวเด็กนักเรียนถึงร้อยกว่าคนของโรงเรียนวัดท่าพระ ย่านฝั่งธน ที่พากันนิยมกินยาเม็ดแก้ไอชนิดหนึ่งกระทั่ง คลื่นเหียนเวียนหัว และอาเจียนโอ๊กอ๊ากกันถึงร้อยกว่าคน จนคุณครูต้องช่วยกันหอบหิ้วกันโกลาหล เพื่อพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายแห่งใกล้โรงเรียน นักเรียนบางคนต้องล้างท้องเพื่อเอา บางคนต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อแพทย์จะต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด

เมื่อตำรวจสืบสาวดูก็ได้รู้ว่า ผู้ที่หลอกล่อเด็กๆให้ต้องติดยาเม็ดแก้ไอขนานนี้ ก็คือ รุ่นพี่ตัวแสบที่ได้ยามาจากร้านเกมแห่งหนึ่งในละแวกโรงเรียน โดยบอกกับเด็กๆว่ามันคือยาวิเศษที่ใครกินเข้าไปเป็นประจำ จะทำให้ “ร่วนสุดๆ”…นั่นก็คือหัวเราะร่วนด้วยความแจ่มใสและเข้มแข็งขนาดว่าโดนคุณครูฟาดก้นยังไงก็ไม่เจ็บ!    ผลก็คือทำให้เด็กๆหลงเชื่อและหลงซื้อกันเป็นจำนวนมาก

อาจารย์เบญจมาศ รอดสุทธิ รอง ผอ.ฝ่ายวิชาการ รักษาการแทน ผอ.โรงเรียนวัดท่าพระ เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของเด็กนักเรียนว่า มีเด็กนักเรียนชั้น ป.6 คนหนึ่งนำยา DEXTROMETHORPHAN จากร้านเกมมาขายในโรงเรียนราคาเม็ดละ 5-10 บาท (ไอ้หนุ่มเจ้าของร้านเกมได้ซัดทอดว่าซื้อมาจากร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆกันนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก็ พบว่าใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายยาแผนปัจจุบันของร้านขาดอายุไปนานแล้ว)

 

อาจารย์จึงได้รีบประกาศเตือนนักเรียนไม่ให้กินในทันที พร้อมทั้งระดมคุณครูให้ไปตรวจสอบหายาดังกล่าว แต่ไม่ทันกาล เพราะมีนักเรียนร่วมร้อยป่วยหน้ามืด เป็นลม บางคนก็อาเจียน จึงช่วยกันรีบนำส่งโรงพยาบาลหลายแห่งที่ใกล้โรงเรียน

(โรงพยาบาลตากสิน 44 ราย โดยมี 12 ราย ต้องรีบล้างท้องช่วยเหลือทันที ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอดูอาการ, โรงพยาบาลพญาไท 3 จำนวน 33 คน และโรงพยาบาลบางไผ่อีก 3 คน)

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาหนุ่มเจ้าของร้านเกมว่า…ประกอบกิจการร้าน อินเตอร์เนทโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 หรือทั้งจำและปรับ )

ยาต้นเหตุดังกล่าวมันก็คือยา Dextromethorphan   จริงๆ แล้วยานี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เป็นยาแก้ไอ ออกฤทธิ์โดยการกดระบบประสาท คือสมองส่วนที่เป็นศูนย์ระงับการ วิธีการใช้มักระบุไว้ว่า ในเด็ก อายุต่ำกว่า 2 ปีให้ใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น อายุ 2-5 ปี : รับประทานยาน้ำเชื่อมครั้งละค่อน (1/4)-1 ช้อนชา วันละ 3-4 ครั้ง เมื่อมีอาการไอ  อายุ 6-12 ปี: รับประทานยาน้ำเชื่อมครั้งละครึ่ง (1/2)-1 ช้อนชา ทุก 4 ชั่วโมงหรือยาเม็ด ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6-8 ชั่วโมงตามอาการที่เป็น 1 เม็ดมีขนาด 15 มก น้ำเชื่อมหนึ่งช้อนชาหรือห้าซีซีมียาอยู่ 15 มก

แต่ในทางปฏิบัติแล้วกุมารแพทย์จะหลีกเลี่ยงให้ยานี้แก่เด็กที่เป็นหวัด เนื่องจากว่าการกดสมองสั่งให้ไม่ไอ อาจมีผลเสียตามมา ทำให้เสมหะคั่งค้างในหลอดลมเป็นเหตุให้เกิดปอดอักเสบตามมาได้ นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นในเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่ควรรับประทานยานี้เมื่อมีอาการไอที่เกิดจากหอบหืด หรือไอที่มีเสมหะมาก หรือไอจากโรคถุงลมโป่งพอง…

เนื่องจาก Dextromethorphan เป็นสารที่เปลี่ยนแปลงมาจาก codeine จึงมีฤทธิ์ต่อประสาทหลายอย่างเช่นเดียวกัน ยานี้จะไปเพิ่มสารความสุขตัวหนึ่งที่เรียกว่า serotonin ซึ่งเป็นสารสื่อระหว่างเซลในสมอง ขนาดยาต่อวันสูงสุด คือ 120 mg ซึ่งในขนาดยาปกติจะไม่มีผลทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุขหรือมีฤทธิ์แก้ปวดหรือทำให้เกิดความเป็นพิษ แต่มีผู้ที่นำไปใช้ในทางที่ผิดโดยใช้ยาในขนาดสูง คือ มากกว่า 360 mg เพื่อทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุขหรือลดความปวด ซึ่งในปัจจุบันพบรายงานการได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงของยาและการเสียชีวิตจากการใช้ยาในทางที่ผิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อาการพิษเฉียบพลันอื่นๆจากการได้รับ Dextromethorphan เกินขนาด ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ง่วงซึม กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกันหรือแข็งเกร็ง กล้ามเนื้อกระตุก พูดไม่ชัด ม่านตาขยาย เคลิบเคลิ้ม หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง มึนงง ประสาทหลอน กระวนกระวาย สั่น ชัก ปวดศีรษะ สูญเสียความทรงจำ หมดสติ กดการหายใจ และอาจถึงแก่ชีวิตได้ อาการผิดปกติทางประสาทมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานยาไปแล้ว 15-60 นาที และอาการจะคงอยู่ประมาณ 6ชั่วโมง

มีรายงานระบุว่าการกินยา Dextromethorphan1500 mg (ราว 100 เม็ด) รวดเดียว ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ซึมเศร้าและอยาก ฆ่าตัวตาย!

“ยา”   เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นแก่ชีวิตมนุษย์นั้น “มีคุณอนันต์” แต่หากใช้ไม่ถูกต้อง หรือใช้อย่างขาดๆเกินๆมันก็ย่อม “มีโทษมหันต์”ซึ่งมันก็คือหลักความปลอดภัยที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเข้มงวด ไม่ใช่กินยากันตามใจ หรือเที่ยวหลงเชื่อใครต่อใคร ทั้งเป็นเพียงรุ่นพี่ที่ไร้วุฒิภาวะ หรือคนในร้านเกมที่ไร้คุณธรรม แค่หลอกลวงเลอะเทอะว่ายานี้กินแล้วครูเฆี่ยนตียังไงก็ไม่เจ็บ

แม้ว่ายานี้จะหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ก็จะต้องมั่นใจได้ว่าได้รับการจ่ายยาจากแพทย์หรือเภสัชกร และต้องกินเท่าที่เภสัชกรหรือแพทย์สั่งไว้เท่านั้น การเก็บรักษายา Dextromethorphan ก็จะต้องเก็บไว้ให้พ้นมือเด็กๆ และเพื่อไม่ให้ยาเสื่อมคุณภาพก็จะต้องไม่เก็บไว้ในที่ร้อน เช่นวางใกล้เตาแก็ส หรือโดนแดด ส่วนการไว้ในที่ชื้น เช่น ใกล้อ่างล้างหน้า, ในห้องน้ำก็จะทำให้เกิดความชื้น และอย่าลืมดูที่ซองหรือฉลากยาเมื่อพบว่ามันเลยวันที่ควรใช้ (ยาหมดอายุ) ก็ควรทิ้งขยะทันทีครับ ดูๆแล้ว…ก็รู้สึกคึกคักไปด้วย ก็ได้แต่ภาวนาว่า…ขอให้ความกระตือรือร้นในครั้งนี้…จะไม่กลายเป็น “ไฟไหม้ฟาง” เหมือนกับหลายๆครั้งที่ผ่านมา……

 

ที่มาจากคอลัมน์ : Kids’Safety ฉบับเดือนพฤษภาคม 2553

เรื่องโดย : รองศาสตราจารย์ นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์

ภาพ : Shutterstock

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up