นอนกรน อันตราย

แม่แชร์แม่! ลูก “นอนกรน อันตราย” อย่านิ่งเฉย

Alternative Textaccount_circle
event
นอนกรน อันตราย
นอนกรน อันตราย

นอนกรน อันตราย มากน้อยเพียงใด?

เวลาที่ ลูกนอนกรน เราอาจคิดว่าลูกนอนหลับสบาย แต่การกรนที่ผิดปกติ สามารถส่งผลเสียจนถึงขั้นทำให้ลูกหยุดหายใจขณะนอนหลับได้เลยทีเดียวค่ะ มีการศึกษาพบว่าเด็กไทยในวัยเรียนนอนกรนร้อยละ 6 แต่มีการกรนที่มีปัญหาอยู่ร้อยละ 0.5-1ถ้าลูกเราอยู่ในกลุ่มที่มีปัญหาคงไม่ดีแน่

ลูกนอนกรน

สาเหตุของการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบนในเด็ก

  1. ต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลโต เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ทั้งสองต่อมนี้มีหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคเมื่อทำงานจะมีขนาดใหญ่ขึ้น หากเด็กเป็นหวัดหรือเป็นโรคติดเชื้อบ่อย ๆ ลูกก็จะมีโอกาสนอนกรนมากขึ้น เมื่อสองต่อมนี้โตขึ้นจะเป็นเหมือนก้อนหินมาบังทางผ่านของอากาศ ทางเดินหายใจแคบลง เด็กจึงกรน
  2. ความอ้วนเป็นสาเหตุที่ปัจจุบันพบมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเด็กมีน้ำหนักตัวมาก ไขมันจะพอกที่ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์รวมถึงเนื้อเยื่อบริเวณด้านหลังทางเดินหายใจส่วนบนทั้งหมด ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง เด็กที่อ้วนจึงนอนกรนมากกว่าเด็กที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติส่วนสาเหตุอื่น ๆ อาจเกิดจากโครงหน้าผิดรูป เช่น คางร่นไปด้านหลัง กระดูกใบหน้าค่อนข้างเล็ก ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ในกรณีแบบนี้พบได้น้อย

นอนกรนแบบไหนที่ถือว่า “ผิดปกติ”

หากทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบมากจะทำให้เด็กหายใจไม่พอ เกิดภาวะหายใจลำบาก นอนหายใจสะดุด เช่น หากนอนหงายแล้วเด็กนอนกรน เมื่อหายใจไม่ได้เขาก็ต้องเปลี่ยนท่าไปมา หากเราสังเกตได้ว่าเมื่อลูกนอนกรน เดี๋ยวนอนตะแคงซ้าย เดี๋ยวนอนตะแคงขวา นอนหลับไม่สบาย ก็แปลว่าอาจมีปัญหา ถ้ามีปัญหามากขึ้น เด็กจะหยุดหายใจ

ร่างกายเราหากยิ่งหลับลึก กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนจะยิ่งหย่อนตัวลง ถ้าหย่อนลงจนปิดกั้นทางเดินหายใจทั้งหมด เขาจะหายใจไม่ออก นอนอยู่ดีๆ จะสะดุ้งเฮือกขึ้นมา เพราะเมื่อเราหายใจไม่ออกเราจะรู้สึกตัวตื่น ลักษณะนี้จะเรียกว่า “หายใจเฮือก” คือ นอนแล้วอยู่ ๆ หายใจสะดุด ทารกนอนกรนอยู่แล้วเสียงเงียบไปเพราะหายใจไม่เข้า พอเงียบไปสักระยะหนึ่ง เขาจะเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้วหายใจเฮือกขึ้นมา ถ้าแบบนี้คือแปลว่าผิดปกติ แต่หาก ลูกนอนกรนปกติแบบที่ไม่มีอันตรายอะไร เขาจะกรนเบา ๆ แต่หลับสบายดีตลอดทั้งคืน

ถ้าไม่รักษา จะส่งผลเสียในระยะยาวอย่างไร

  1. เรียนได้ไม่ดี ทำให้ลูกไม่ชอบเรียน ซึ่งจะมีผลกับเขาในอนาคตแน่นอนและเพราะได้ออกซิเจนไม่เพียงพอจึงส่งผลต่อสมอง ทั้งด้านความจำ สติปัญญา การตัดสินใจสมองไม่ค่อยแล่น คิดและตัดสินใจช้า แต่พัฒนาการอื่นอาจไม่ช้า
  2. เสี่ยงเป็นความดันสูงหรือหัวใจวายมากกว่าปกติ เมื่อเด็กนอนกรนแล้วหายใจเข้าไปไม่พอ จะทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำเพราะการหายใจของเราคือการสูดเอาออกซิเจนเข้าไปในเลือด เมื่อออกซิเจนในเลือดต่ำจะทำให้อวัยวะภายในได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หัวใจและปอดจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปั๊มเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้อวัยวะต่างๆ ได้รับออกซิเจนในปริมาณเท่าเดิม ฉะนั้นในอนาคต เด็กจะมีโอกาสความดันสูง หรือหัวใจวายมากกว่าปกติ เพราะหัวใจและปอดทำงานหนักเป็นระยะเวลาหลายปีทั้งตอนตื่นและตอนหลับ

ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นแล้วพบว่า ลูกหลานของเรา นอนกรน อันตราย แบบนี้ อย่ารอช้านะคะ รีบไปปรึกษาคุณหมอโดยทันที

ขอบคุณที่มา: นพ. นราธิป สมบูรณ์กุล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช สาขาศรีนครินทร์

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up