ความเชื่อโบราณ! การไหว้ผีบ้านผีเรือน-แม่ซื้อ และรับขวัญเมื่อพาลูกทารกเข้าบ้าน

event

การไหว้ผีบ้านผีเรือน แม่ซื้อ รับขวัญ

พิธีทำขวัญทารก เมื่อเกิดตั้งแต่ 1 วัน ถึง 3 วัน

สมัยโบราณมานิยมทำพิธีจัดการทำขวัญให้แก่ทารกนับแต่กำเนิดจากท้องแม่วันแรก และต่อไปโยไม่เกิน 7 วัน เพราะในระหว่างนี้นับว่าทารกนั้นยังไม่รู้เดียงสาจริงๆแม้แต่ดวงตาจะลืมอยู่ก็ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เสมอเหมือนคนหลับตาอยู่เฉยๆเท่านั้น เมื่อพ้น 7 วันไปแล้วจึงจะเกิดความรู้สึกจากม่านตา คือรู้จักดู รู้จักสังเกต เริ่มมองและจำหน้าพ่อแม่ ฉะนั้นพ่อแม่จึงจัดการทำขวัญของทารกให้อยู่กับเนื้อกับตัวและเป็นสิริมงคลแก่ทารกสืบไป

♥ บทความแนะนำควรอ่านโกนผมไฟ ประเพณีไทยทำอย่างไรให้เป็นมงคล?

ทำขวัญวัน

เมื่อทารกมีอายุ 3 วันแล้ว พ่อแม่จะจัดการทำขวัญให้แก่เด็ก เรียกว่า “ทำขวัญวัน” พิธีนี้ไม่นับว่าเป็นพิธีใหญ่โตนัก เพราะทำกันในระหว่างวงศาคณาญาติ ไม่ต้องนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ (หากมีการติดขัดที่จะทำขวัญในระยะ 3 วันมิได้ เช่น ญาติผู้ใหญ่ยังไม่พร้อมเพรียงกัน หรือบิดามารดาของเด็กมีกิจธุระอย่างอื่นที่จำเป็น ก็เลื่อนไปได้โดยอย่าให้เกิน 7 วัน เช่น ทำในวันที่ 5 หรือที่ 7 แต่ถ้าไม่มีอุปสรรคอย่างใดแล้วพึงกระทำภายในวันที่ 3 ได้เป็นดี) พิธีทำขวัญนั้น มีวิธีการดังต่อไปนี้

  1. จัดทำบายศรีปากชาม 1 ที่
  2. จัดเครื่องสังเวยเล็กน้อย เช่น หมู(หัวหมูหรือเนื้อสามชั้น ที่เรียกว่า”หมูนอนตอง”)เป็ด ไก่ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว และเครื่องกระยาบวช(แกงบวชฟักทองหรือมันเทศ)
  3. จัดทำบัตรพลีและเครื่องเซ่น คือ มีกระทงใส่ข้าวปากหม้อ และกุ้งพล่า ปลายำ วางไว้ในบัตรสี่มุม กับเอาเบี้ยใส่ไว้ด้วย 33 เบี้ย (ปัจจุบันนี้ใช้เงินเหรียญแทน) และปั้นเป็นรูปหุ่นทารกใส่ไว้ 1 หุ่น (มักใช้ปั้นด้วยแป้ง)
  4. ขันใส่น้ำอุ่นๆ 1 ใบ กับช้อนเล็กๆ 3 คัน
  5. ด้ายสายสิญจน์พอรอบข้อมือ 2 เส้น ด้ายดำด้ายขาวควั่นเข้ากัน 1 เส้น เทียนขี้ผึ้ง 1 เล่ม ธูปเทียนบูชา 1สำรับ
  6. เครื่องแป้งหอมกระแจะจันทน์เคล้าน้ำหอม สำหรับเจิม
  7. เชิญพราหมณ์ โหร หรือผู้รู้สำหรับกล่าวคำทำขวัญเด็ก
  8. เชิญญาติมิตรที่เคารพมาร่วมงานตามสมควร

ครั้นแล้วพราหมณ์หรือโหร หรือผู้รู้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมกับกล่าวคำอัญเชิญเทวดาและกล่าวคำทำขวัญเด็ก

(หมายเหตุ ถ้าจะไม่ใช้พราหมณ์ หรือโหรมากล่าวคำทำขวัญ จะให้ผู้ใหญ่ที่มาในงานนั้นทำแทนก็ได้ หากไม่รู้ทำนองกล่าวคำทำขวัญ ก็ให้ใช้คำพูดธรรมดา เชิญเทวดามาช่วยปกปักรักษา ขอให้มีความสุขสวัสดีแก่เด็ก ฯลฯ)

ครั้นเสร็จการกล่าวทำขวัญแล้ว ให้ผู้ใหญ่ที่เคารพ ณ ที่นั้นหยิบด้ายดำด้ายขาวที่ควั่นรวมกันไว้มาลูบแขนเด็กทั้ง 2 ข้าง วิธีลูบให้ลูบจากเหนือข้อมือออกมาทางปลายนิ้วมือ (ลูบออก) เพื่อปัดเคราะห์โศกโรคภัยให้ออกไป เมื่อลูบเสร็จแล้วเอาด้ายเส้นนั้นเผาไฟเทียนที่จุดเตรียมไว้ 1 เล่มนั้นเสีย จึงหยิบเอาด้ายสายสิญจน์มาผูกข้อมือข้างละเส้น ก่อนผูกด้ายสายสิญจน์ ตอนนี้ให้ลูบเส้นด้ายจากปลายนิ้วเข้าไปหาข้อมือของเด็ก (ลูบเข้า) พลางก็กล่าวคำอวยชัยให้พร ให้มีอายุมั่นขวัญยืน เติบโตขึ้นทำราชการ ได้เป็นเจ้าขุนมูลนายเจ้าพระยานาหมื่น หรือถ้าเป็นเด็กหญิงก็อวยพรให้อยู่ในแนวทางของสตรีเพศ เช่น ให้ได้เป็นคุณหญิงคุณนาย ได้เป็นที่พึ่งแก่พ่อแม่ต่อไปในภายภาคหน้า

เมื่อผูกข้อมือเสร็จแล้ว จึงเอากระแจะหอมจุณเจิมที่หน้าผาก แล้วเอาช้อนตักน้ำในขันให้เด็กกิน 5 ช้อน หากจะมีการเวียนเทียนด้วย ก็กระทำในระยะนี้ แล้วจึงให้บรรดาญาติที่มาต่างก็พากันให้ศีลให้พร เป็นเสร็จพิธี

และเมื่อเสร็จพิธีแล้ว ให้เอาข้าวและไข่ที่บายศรีออกเสีย รวบเอาใบตองบายศรีมัดห่อผ้าวางไว้ข้างเบาะเด็กครบ 3 วัน จึงนำไปลอยในแม่น้ำหรือลำคลองที่น้ำไหลอยู่เสมอ ส่วนเครื่องสังเวยนั้นให้แบ่งออกสิ่งละเล็กละน้อย ใส่กระทงหรือใบตองไปวางเซ่นฝีไว้กลางแจ้ง

(หมายเหตุ เครื่องเซ่นที่วางไว้ในบัตรพลีนั้น เป็นเครื่องสำหรับเซ่นแม่ซื้อ รูปหุ่นสมมติว่าเป็นหุ้นแทนทารก เพื่อให้แม่ซื้อลงไปกินเครื่องเซ่น และพะวงอยู่กับหุ่นแทนตัวเด็ก โยไม่มารบกวนหรือรังแกเด็กต่อไป)

ส่วนเบี้ย 33 เบี้ยนั้น เป็นเบี้ยค่าขอซื้อหรือค่าไถ่ตัวทารกมาจากแม่ซื้อ เพราะถือว่าแม่ซื้อบางตนดุร้าย มักรบกวนทำให้ทารกเจ็บป่วยล้มตาย จึงขอไถ้คืนมา จำนวนเบี้ย 33 เบี้ยนั้น คงเป็นอาการ 32 อย่างละเบี้ย ส่วนอีกเบี้ยหนึ่งจะเป็นเบี้ยแถมให้เกินเลยเผื่อไว้

ทั้งนี้ทั้งนั้นจากพิธีกรรมความเชื่อที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรมการไหว้ผีบ้านผีเรือนจะทำให้คนในครอบครัวมีแต่ความสุข ความเจริญกันแล้ว พิธีกรรมการทำแม่ซื้อ เพื่อขอให้แม่ซื้อเอาใจใส่ดูแลลูกน้อยทารก และการทำขวัญวันให้ลูกน้อยแรกเกิด แท้จริงความเชื่อนี้ก็เป็นเพื่อให้ผู้ทำเกิดความสบายใจ

ซึ่งนอกจากวิทยาการเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ หรือข้อมูลการเลี้ยงลูกต่างๆ จะช่วยดูแลลูกน้อยให้แคล้วคลาดปลอดภัยได้ แต่พิธีกรรมความเชื่อโบราณเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างไร สามารถทำได้ แต่หากบางคนจะเชื่อหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล คุณพ่อคุณแม่โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.prapayneethai.com , horoscope.sanook.com , sites.google.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up