เมื่อ “ลูกโดนยุงกัด” ทิ้งรอยดำ! ทำอย่างไรดี?
การดูแลเมื่อลูกถูกยุงกัด
- ถ้าคุณแม่มีลูกเบบี๋ในวัยแรกเกิด – 1 ปี ควรใช้สบู่อ่อนๆ ล้างและประคบเย็น บริเวณที่มีรอยยุงกัด หรือตุ่มแดง เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการบวมแดง
- สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงให้ใช้น้ำน้ำเกลือล้างทันทีเมื่อโดนยุงกัด เพื่อบรรเทาอาการไม่ให้ลุกลาม
- ในเด็กโต ถ้าตุ่มแดงใหญ่และคัน อาจใช้ยาสเตียรอยด์อ่อนๆ หรือใช้โลชั่น ที่มีส่วนประกอบของเมนทอล ทาบริเวณที่คันเพื่อบรรเทาอาการแดงและคัน ถ้ามีตุ่มยุงกัดหลายสิบตุ่ม และลูกคันมาก อาจให้รับประทานยากลุ่มแอนติฮีสตามัน เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันร่วมด้วย
- คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเการอยยุงกัด หรือแม้แต่คุณแม่เองก็ไม่ควรเกาให้ลูก เพราะตุ่มยุงกัดอาจจะยิ่งบวม แดง ถลอก และเกิดการติดเชื้อโรคเข้าไปเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้รอยยุงกัดหายช้า เป็นแผลใหญ่ขึ้น และเป็นรอยแผลเป็นไปจนโต
ยาทาหลังยุงกัดที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
1.ยาทากลุ่ม calamine หรือ menthol แนะนำเป็นสูตรดั้งเดิม เพราะไม่มีสารระคายเคืองผิวเด็ก เพื่อลดอาการคันและเพื่อให้รู้สึกเย็นสบาย ตัวอย่างยา
![]()
![]()
2.ยาทากลุ่ม สเตียรอยด์ การใช้ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์อ่อนๆ ในตุ่มที่เกิดยุงกัด ยาจะช่วยบรรเทาการอักเสบ และช่วยลดอาการคัน แต่เนื่องจากยาสเตียรอยด์หากใช้ในความเข้มข้นที่สูง หรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทายาบางลง มีขนเยอะขึ้น หรือมีวงขาวๆรอบๆบริเวณที่ทายา แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรค่ะ
3.ยาทากลุ่ม ไร้เตียรอยด์ จัดเป็นยากลุ่มที่ปลอดภัย ผื่นอาจจะยุบช้าแต่สามารถใช้ต่อเนื่องได้หลายวัน ตัวอย่างยา เช่น
![]()
![]()
4.ยารับประทาน แก้แพ้เช่น chlorpheniramine, cetirizine ให้ในเด็กที่มีมีอาการรุนแรงมากอาจจำเป็นต้องรับประทานยาสเตียรอยด์ร่วมด้วยซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
![]()
ส่วนรอยดำจากยุงกัด เป็นเรื่องที่ทำให้คุณแม่อย่างเรากังวลมาก โดยการรักษาแพทย์อาจใช้ยาทาที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและที่สำคัญต้องป้องกันอย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้มีรอยโรคจากยุงกัดเพิ่มสำหรับยาทาหลังแผลหายเพื่อรักษารอยดำ ได้แก่

![]()
ทั้งนี้อาจต้องระวังการใช้ยาทาและรักษาให้กับลูกวัยทารก คุณแม่ควรอ่านฉลากและเลือกใช้ยาทาทั้งป้องกันและรักษาให้เหมาะกับวัยลูก สำหรับเด็กทารกจะยังมีผิวที่บอบบางเกินอาจเกิดอาการแพ้ได้ คุณแม่ควรขอคำปรึกษาจากคุณหมอก่อนจะเป็นอันดีค่ะ
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!
ขอบคุณข้อมูลจาก th.babimild.com/th , www.manager.co.th