รีวิวรถเข็นเด็ก

รีวิวรถเข็นเด็ก แข็งแรง ทนทาน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Alternative Textaccount_circle
event
รีวิวรถเข็นเด็ก
รีวิวรถเข็นเด็ก

สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกคน การเตรียมความพร้อมให้ลูกตั้งแต่ก่อนจะออกมาลืมตาดูโลกเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งรถเข็นเด็กก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับเด็กอันดับแรก ๆ ที่จะต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม รถเข็นเด็กที่จำหน่ายในปัจจุบันก็มีหลากหลายประเภทให้เลือก และเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกันไป ยิ่งกับเด็กวัยแรกเกิดที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ อาจจะกังวลหรือไม่เข้าใจวิธีการใช้งานที่เหมาะกับสรีระเด็ก จึงถือว่าเป็นเรื่องยากพอสมควรในการเลือกซื้อรถเข็นเด็กครั้งแรกนั่นเอง นอกจากนี้คุณแม่แต่ละคนต่างก็มีกิจวัตรประจำวันที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการรถเข็นเด็กน้ำหนักเบาเพราะต้องเข็นหรือไปไหนมาไหนเอง บางคนอาจต้องการรถเข็นเด็กพับได้เผื่อเวลาที่ต้องเดินทาง วันนี้กองบรรณาธิการจึงมี รีวิวรถเข็นเด็ก ที่แข็งแรง ทนทาน ได้มาตรฐาน มาให้คุณพ่อคุณแม่พิจารณากัน

รีวิวรถเข็นเด็ก แข็งแรง ทนทาน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

รีวิวรถเข็นเด็ก

วิธีการเลือกรถเข็นเด็ก

เราควรพิจารณาจากคุณสมบัติของรถเข็น ได้แก่ น้ำหนัก, การพับเก็บ, ความยากง่ายในการเข็น หรือแม้แต่ฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางก็เป็นอีกเหตุผลที่ควรคำนึงถึง นอกจากนี้อุปกรณ์ประเภทนี้ต้องได้รับมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

เลือกจากประเภทของรถเข็นเด็ก

รถเข็นเด็กที่เห็นขายอยู่ทั่วไปนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ แบบมาตรฐาน, แบบน้ำหนักเบา, แบบ 2 ที่นั่ง และแบบคาร์ซีท ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกจึงขึ้นกับจุดประสงคของการใช้งานเป็นหลัก

  • รถเข็นเด็กมาตรฐาน (Full-Size Stroller) เป็นรถเข็นเด็กที่นิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ดีไซน์เรียบง่ายแต่ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน โครงสร้างของรถเข็นแข็งแรงมั่นคงกว่ารถเข็นแบบพกพา มักมาพร้อมที่เก็บของใต้เบาะนั่ง, ที่วางแก้ว หรือถาดสำหรับวางสิ่งของเล็ก ๆ สามารถใช้ได้ตั้งแต่วัยแรกเกิดถึงวัยหัดเดิน ส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้ใช้เข็นบนที่พื้นผิวเรียบ ไม่เหมาะกับการเข็นบนพื้นขรุขระ
  • รถเข็นเด็กแบบน้ำหนักเบา (Lightweight Stroller) เป็นรถเข็นเด็กที่ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะกับการพกพาไปใช้นอกบ้าน เช่น ไปเดินเล่นที่ห้าง, ไปเที่ยวต่างจังหวัด บางรุ่นมาพร้อมสายสะพายเพื่อการพกพาที่สะดวกยิ่งขึ้น ถึงแม้ฟังก์ชันและความแข็งแรงอาจจะไม่เท่ากับรถเข็นเด็กแบบมาตรฐาน แต่ก็เป็นตัวช่วยให้การพกพารถเข็นเด็กไปใช้นอกบ้านสะดวกยิ่งขึ้น
  • รถเข็นเด็กแบบ 2 ที่นั่ง (Double Stroller) หรือที่เรียกว่า รถเข็นเด็กแฝด เหมาะกับบ้านไหนที่มีลูกแฝด หรือเด็กหลายคน รถเข็นจะมาพร้อมที่นั่ง 2 ที่นั่ง โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่นั่งติดกันด้านข้าง และแบบที่นั่งด้านหน้า-ด้านหลัง ซึ่งรถเข็นประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยทุ่นแรงให้คุณแม่ลูกแฝดหรือบ้านที่มีเด็กเยอะได้ดีทีเดียว
  • รถเข็นเด็กแบบคาร์ซีท เป็นรถเข็นเด็กที่มาพร้อมคาร์ซีท เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางด้วยรถยนต์บ่อย แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักในการเลือกซื้อรถเข็นแบบเซ็ตนี้ คือ ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เพราะสามารถยกคาร์ซีทจากรถเข็นไปติดตั้งบนรถยนต์ได้โดยไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับรถเข็นเด็ก คือ ความปลอดภัยในการใช้งาน คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกรถเข็นเด็กที่มีฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกน้อย เพื่อให้สบายใจในการใช้งานและความปลอดภัยของเด็ก ฟังก์ชันเบาะนั่งของรถเข็นเด็กนั้นมักจะมีการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม สามารถป้องกันการกระแทกด้วยหมอนอิง มีระดับความสูงของเบาะรองนอนห่างจากพื้นไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ซึ่งช่วยป้องกันความร้อนจากพื้นดินไม่ให้สะท้อนกลับหาลูกน้อย นอกจากนี้ เราขอแนะนำรถเข็นเด็กที่มีหลังคากันแสง UV ที่ไม่เพียงกันแดดได้เท่านั้น แต่ยังกันฝน ลมแรงและฝุ่นต่าง ๆ รวมถึงแสงจากหลอดไฟได้ดีอีกด้วย ความสบายใจของลูกน้อยเป็นสิ่งที่แม่ ๆ ไม่ควรมองข้าม เพราะลูกน้อยของเราก็อาจจะไม่สบายตัวและไม่มีความสุขตลอดเวลาที่นั่งรถเข็นเป็นต้นเหตุให้ลูกไม่ยอมนั่งรถเข็นไปด้วย

สายรัดนิรภัยเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เด็กระหว่างนั่งรถเข็น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสายรัดนิรภัยรถเข็นเด็กจะออกแบบให้มีลักษณะเป็นเข็ดขัดนิรภัยแบบ 5 จุด หรือแบบ 3 จุด รวมถึงในบางรุ่นสามารถปรับระดับสายรัดนิรภัยให้เหมาะสมกับวัยและการเจริญเติบโตของร่างกายเด็กได้ ซึ่งสายรัดนิรภัยจะช่วยกระชับตัวเด็กให้นั่งได้อย่างปลอดภัยและมั่นคงขึ้น ควรตรวจสอบความแน่นหนาให้กระชับตัวลูกน้อยกำลังดีไม่แน่นจนเกินไปและหลวมจนเกินไป เพื่อความสบายและความปลอดภัยของลูกน้อย

เมื่อทราบข้อมูลเบื้องต้นของการเลือกรถเข็นเด็กแล้ว ทีมกองบรรณาธิการ จึงจะมาแนะนำ 10 อันดับ รีวิวรถเข็นเด็ก ที่มีทั้งรุ่นที่มีเข็มขัดนิรภัยและรุ่นพับได้ เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

  1. CAMERA

CAMERA รุ่น Rocker 9s รถเข็นเด็กที่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด- 3 ปี รองรับน้ำหนักได้ 25 kg สามารถ ปรับด้ามเข็นได้ 2 ทิศทาง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เบาะรองนอน 2 ชั้น เบาะหนานุ่มพร้อมตาข่ายระบายอากาศ สามารถถอดออกซักได้ มีถาดวางแก้วน้ำและป้อนอาหาร สามารถถอดออกได้ สายเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ปรับความสูงตามระดับของหัวไหล่การใช้งานได้ง่าย พนักพิงปรับนั่ง เอน นอนได้ 3 ระดับสามารถปรับเอนนอนได้180 องศา ล้อหน้า – ล้อหลัง ปรับล็อคได้ ด้านล่างมีตระกร้าขนาดใหญ่บรรจุของได้จำนวนมาก ขนาด 52*78*100 cm คุณสมบัติพิเศษรถเข็นสามารถปรับเป็นเปลโยกได้ หลังคารถเข็น ป้องกันน้ำได้ดี ปรับได้หลายระดับและหลังคายังป้องกันรังสี UV ล้อคู่ แบบ 8 ล้อ ล้อหน้าล้อหลังหมุนอิสระ 360º สะดวกต่อการเข็นซึ่งออกแบบพิเศษเฉพาะ CAMERA

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/camerababy/

รีวิวรถเข็นเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://shopee.co.th/tdmthailand?categoryId=100632&itemId=11524801415

 

  1. Joie

Joie รุ่น Pact Lite รถเข็นเด็กที่เหมาะสำหรับเด็กวัยแรกเกิดจนถึงน้ำหนัก 15kg พร้อมเบาะนั่งปรับเอนราบได้ พับเก็บง่ายสะดวก กะทัดรัด ได้ด้วยมือเดียว มีสายสะพายเพื่อความสะดวกสบาย และคล่องตัวสำหรับการเดินทาง หลังคาพับได้ พร้อมกันแสงแดด และรังสียูวี UPF50+ พนักพิงหลังปรับเอนได้หลายระดับบาร์กันตกหุ้มด้วยผ้า และสามารถถอดออกได้ เบาะนั่งเนื้อผ้าหนานุ่ม ตะกร้าใส่ของขนาดใหญ่อยู่ใต้เบาะนั่ง ระบบกันสั่นสะเทือน 4 ล้อ ลดการกระแทกขณะเข็นบนพื้นผิวขรุขระ ระบบ Sweet Stride™ ช่วยให้ล้อหน้าหมุนได้ 360 องศา เลี้ยวง่าย ระบบล็อคล้อโดยใช้เท้าเหยียบที่ล้อหลังเพียงครั้งเดียว เข็นขัดนิรภัยแบบ 5 จุด ตามมาตรฐานสากล สามารถปรับระดับได้ สำหรับล็อกตัวเด็ก ขนาดสินค้ารถเข็นเมื่อกางออก:  l 82 x w 46.8 x h 99cm น้ำหนัก: 5.5kg

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.joiebaby.com/product/pact-lite/       

รีวิวรถเข็นเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://th.joiebaby.com/product/pact-lite/

 

  1. Keenz

Keenz รุ่น Air Plus U-Bar รถเข็นเด็กขนาดพกพา Cabin Size ที่จุของได้มากที่สุด นำเข้าจากเกาหลี  สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด – 5 ขวบโดยประมาณ พับเก็บง่าย พกพาสะดวก เหมาะกับการเดินทางและใช้ในชีวิตประจำวัน ตะกร้าสัมภาระขนาดใหญ่มาก จุของได้เยอะมาก รับน้ำหนักได้มากถึง 60 Kg. (รวมสัมภาระ) โครงรถเข็นวัสดุอลูมิเนียมดีมาก มีความทนทานและแข็งแรง ล้อหน้าหมุน 360 องศา สามารถ
ล็อกล้อได้ ล้อรถเข็นแบบตลับลูกปืน เข็นลื่น ทนทาน มีระบบโช้คกันกระแทก ทั้ง 4 ล้อ ที่กั้นด้านหน้าแบบ U-BAR เข็มขัดนิรภัย 5 จุด มีหลังคาแบบ Full Canopy ปิดเต็ม มีช่องระบายอากาศ ไม่ร้อน เบาะที่นั่งสามารถปรับเอนนอนได้ง่าย ได้มากถึง 175 องศา ความยาวเบาะ 82 cm ความกว้างเบาะ 35 cm  ที่พักขาปรับระดับได้และล็อกอัตโนมัติ น้ำหนักรถเข็น 6.8 kg  ขนาดเมื่อกางออก 42 x 70 x 101 cm

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.keenzthailand.com/

รถเข็นเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก http://www.keenzthailand.com/

 

  1. Oyster

Oyster รุ่น 2 รถเข็นเด็กที่เน้นดีไซน์สวยหรูคลาสสิค แตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยสี limited Edition พร้อมโครงรถสีบรอนซ์ที่ทำให้ดูโดดเด่นเวลาเข็นไปในที่ต่างๆ พับง่าย ฐานล้อรองรับการกระแทก ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนัก 20 kg สามารถปรับนอนราบได้ รองรับ travel system ด้วยการปรับใส่กระเช้าคาร์ซีทได้ ดีไซน์สวยเท่ห์ ด้วยวัสดุเนื้อผ้าและด้ามจับหนัง โดดเด่นไม่เหมือนใคร ล้อใหญ่แข็งแรงระบบโช้คลดแรงสั่นสะเทือน ปลอดภัยเพื่อลูกน้อย ที่นั่งสูงจากพื้น 85 cm ขยายผ้าคลุมออกได้ 99% UV cut ผ้าระบายอากาศ พับเก็บได้ง่าย ตะกร้าใส่ของขนาดใหญ่ เข็นได้ 2 ทาง ที่นั่งเปลี่ยนหน้าหลังได้ ยืดความสูงของผ้าคลุมได้ ทำให้ไม่ติดศีรษะน้องที่ตัวสูง ปรับระดับที่พักขาได้ lock และ unlock ล้อได้ง่าย  เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่ชื่นชอบความสวยแบบคลาสสิค

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.babyinstylethailand.com/

รถเข็นเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.babyinstylethailand.com/

 

อ่านต่อ.. รีวิวรถเข็นเด็ก แข็งแรง ทนทาน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up