“ขู่ลูก” ให้กลัว เด็กได้อะไร พ่อแม่ได้อะไร!!

Alternative Textaccount_circle
event

ขู่ลูกให้กลัว “เดี๋ยวตุ๊กแกจะมากินตับ”“เดี๋ยวผีมาเอาไปนะ”“เดี๋ยวให้หมอจับฉีดยาเลย”เป็นหนึ่งในหลายประโยคคลาสสิค ที่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณเคยได้ยินหรือเคยใช้มาบ้าง บางคนก็อาจมีประสบการณ์โดนขู่มาเหมือนกัน

ข้อดีของการขู่ คือ เมื่อเด็กกลัว เด็กก็จะหยุดทำพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์นั้นๆ และยอมทำตามแต่โดยดี  ผู้ใหญ่จึงติดใจ ใช้วิธีนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ทราบไหมคะว่าการขู่นั้นมีผลกระทบต่อเด็กๆ อย่างไร

ขู่ลูก ให้กลัวผี, งู, ตุ๊กแก (+ สารพัดสัตว์) = ทำให้เด็กกลัวกลางคืน

“ขู่” หมายถึง ทำให้เกรงกลัว  เมื่อเราพูดเด็กจะรู้สึกกลัวสิ่งที่เรานำมาขู่ ซึ่งถ้าโดนเรื่อยๆ ก็จะกลัวมากขึ้น มากขึ้น จนอาจส่งผลให้บางคนอยู่คนเดียวตอนกลางคืนไม่ได้ (เพราะกลัวผีมาเอาไป)  กลัวสัตว์เลื้อยคลานแบบเอาเป็นเอาตาย แค่เห็นก็อาจตื่นตระหนกจนคุมตัวเองไม่อยู่ (เพราะกลัวมันมากินตับ)

ขู่ลูกให้กลัว

ขู่ลูก ให้กลัวหมอ = ทำให้เด็กเกลียดการรักษา

บางคนชอบขู่ว่าจะพาไปให้หมอฉีดยา เด็กจะติดใจกลัวหมออย่างมาก เมื่อไม่สบายต้องไปหาหมอ เด็กก็จะไม่ยอมเข้าห้องตรวจ ไม่ร่วมมือในการรักษา (เพราะกลัวหมอฉีดยา…แหะๆ อันนี้แม้แต่จิตแพทย์ก็เจอบ่อยค่ะ แม้ว่าในความจริง จิตแพทย์ไม่เคยฉีดยาเด็กๆ แต่เด็กก็จะกลัวจนคุยกันไม่ได้เลยก็มี)

เมื่อเด็กกลัวจนส่งผลกระทบต่อชีวิตตามที่หมอเล่าข้างต้น ผู้ใหญ่ที่เป็นคนขู่เองก็จะเดือดร้อนไปด้วย บางคนก็ดุด่าเด็กซ้ำว่า “กลัวอะไรไม่เป็นเรื่อง”ซึ่งลืมไปหรือเปล่าว่าความกลัวของเด็กนี้มาจากใครกันที่สื่อให้เขารู้สึกกลัว

ง่ายมาก.. เปลี่ยนวิธีขู่เป็นให้แรงเสริม “ชม” “ให้รางวัล”

แม้วิธี “ ขู่ลูกให้กลัว ” จะทำให้เด็กหยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใหญ่ไม่เหนื่อย แต่ไม่เป็นผลดีในระยะยาว จะดีกว่าไหมถ้าเด็กๆ ของเราเลือกทำสิ่งที่เหมาะสมได้ด้วยตัวเขาเอง มาจากการควบคุมตัวเองเป็นและรู้จักรับผิดชอบพฤติกรรมของตัวเอง ซึ่งเป็นวินัยที่จะติดตัวเขาไปจนโต

เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ แสดงความชื่นชม เมื่อเขาแสดงพฤติกรรมที่ดี น่าชมเชย และเมื่อถูกตักเตือน ก็ต้องรีบใช้โอกาสนี้ สอนสิ่งที่ถูกที่ควรว่า ลูกควรแสดงออกอย่างไร เมื่อเขาเข้าใจการกระทำของตนเอง และเปลี่ยนแปลงเพราะได้รับคำชม เขาก็จะกลายเป็นเด็กที่รู้อะไรควรไม่ควร

..เพราะเด็ก ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกเงยเป็นต้นไม้ใหญ่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งผู้ปลูกอย่างคุณพ่อคุณแม่ ต้องดูแลรดน้ำไปทุกวัน จนกว่าจะเติบใหญ่ ดังนั้น เด็กถือเป็นผลผลิตครอบครัวที่สำคัญค่ะ

อ่านต่อ บทความน่าสนใจ คลิก

สุดยอดคุณหมอ! ใช้วิธีหลอกเล่นกับเด็ก แอบฉีดยาไปตอนไหนมองแทบไม่ทัน

ลูกติดดูทีวีมาก เบี่ยงเบนวิธีไหนดี

ใช้จิตวิทยาในการเลี้ยงเด็กดื้อ เอาใจตัวเอง


เรื่องโดย : พญ. พรพิมล  นาคพงศ์พันธุ์  จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ เจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกให้เป็นคนปกติ”

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up