คาโอ ชวนเยาวชนไทยหัวใจสีเขียว ร่วมประกวดภาพวาด โครงการประกวดภาพวาดสิ่งแวดล้อมนานาชาติระดับเยาวชน ครั้งที่ 15

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (Kao) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สินค้าแบรนด์ดัง คู่ครัวเรือนคนไทยต่าง ๆ อาทิ แอทแทค บิโอเร ไฮเตอร์ มาจิคลีน ลอรีเอะ ฯลฯ ขอเชิญชวนเยาวชนอายุ 6-15 ปี (เกิดระหว่างวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561) ที่มีใจรักในการวาดรูป และมีความตั้งใจจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี มาร่วมปล่อยพลังความสร้างสรรค์กับ “โครงการประกวดภาพวาดสิ่งแวดล้อมนานาชาติระดับเยาวชน ครั้งที่ 15” ในหัวข้อ “มาสร้างสิ่งแวดล้อมของเราให้ยั่งยืนกันเถอะ!” (Let’s make our environment sustainable, together!) ชิงของรางวัลจากประเทศญี่ปุ่นพร้อมใบประกาศนียบัตร สามารถสมัครเข้าร่วมประกวดได้ ตั้งแต่วันนี้
ถึง 7 สิงหาคม 2567 โดยสแกน QR Code เพื่อรับแบบฟอร์มใบสมัคร

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนได้แสดงออกถึงความคิดของพวกเขาต่อสิ่งแวดล้อมและอนาคตของโลกอย่างเปิดกว้าง โดยในปีที่ผ่านมา มีเยาวชนทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 15,916 ผลงาน และเยาวชนไทยคว้ารางวัลชนะเลิศและรางวัลอื่น ๆ รวม 6 รางวัล สำหรับการประกวดฯ ในปีนี้ คาโอ ได้เริ่มโครงการบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะบริจาค 50 เยน ต่อ 1 ภาพวาดที่ส่งเข้ามา ซึ่งเยาวชนสามารถเลือกกิจกรรมที่ตนเองสนใจให้การสนับสนุน อาทิ การปกป้องสัตว์ป่า การอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม รวมถึงขยะในทะเล และมาตรการในการป้องกันการทิ้งของเสียทางทะเลได้ในแบบฟอร์มใบสมัคร

 

ผู้สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 7 สิงหาคม 2567 สำหรับกติกาการเข้าร่วมประกวดสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ https://www.kao.com/th/th/news/2024/20240422-001/ หรือติดตามความเคลื่อนไหวผ่านทาง Facebook: Kao Industrial (Thailand) Co., Ltd.

    ทำความรู้จัก SAT MATH ข้อสอบเตรียมพร้อมสู่หลักสูตรอินเตอร์

    SAT MATH คืออะไร? รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการสอบ Digital SAT

    ข้อสอบ SAT MATH

    บางคนอาจจะเคยเห็นว่าคะแนน SAT MATH เป็นหนึ่งในเกณฑ์การรับสมัครเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วการสอบ SAT MATH คืออะไรและมีข้อสอบแบบไหนบ้าง ดังนั้นในบทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลสำคัญของการสอบ SAT MATH มาฝากน้อง ๆ ทุกคนกันจะมีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้างไปติดตามกันเลย

    ทำความรู้จัก SAT MATH ข้อสอบคณิตศาสตร์ของคนที่อยากโกอินเตอร์

     ข้อสอบ SAT MATH คืออะไร?

    SAT MATH คือข้อสอบส่วนหนึ่งของการสอบ SAT โดย SAT MATH เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษที่ใช้วัดความถนัดด้านคณิตศาสตร์ มีเนื้อหาที่ครอบคลุมตั้งแต่คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมต้นไปจนถึงคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมปลาย มีคำถามทั้งหมด 58 ข้อและมีคะแนนเต็ม 800 คะแนน โดยปัจจุบันการสอบจะเป็นลักษณะ Digital SAT MATH คือสามารถสอบผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว

    ข้อสอบ SAT MATH จะประกอบไปด้วยเนื้อหา 4 ส่วน ได้แก่ Heart of Algebra หรือความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพีชคณิต, Problem Solving and Data Analysis การแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันด้วยความรู้ด้านคณิตศาสตร์, Passport to Advanced Math หรือการวิเคราะห์ แก้ไขและสร้างสมการและสุดท้าย Additional Topics หรือเนื้อหาด้านเรขาคณิต

    ข้อสอบ SAT MATH มีกี่แบบ เช็กคำตอบได้ที่นี่

    ข้อสอบ SAT MATH จะประกอบไปด้วยข้อสอบ 2 ประเภท คือ Calculator และ No Calculator ซึ่งข้อสอบแต่ละประเภทจะมีเงื่อนไขการสอบแบบใดบ้างเราไปดูข้อมูลกันเลย

    1. SAT Math Test – Calculator

    Calculator เป็นข้อสอบ SAT MATH ที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขในการทำข้อสอบได้ โดยจะมีข้อสอบทั้งหมด 38 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 55 นาที ข้อสอบในส่วนนี้จะเป็นรูปแบบเลือกตอบ 30 ข้อ และเติมคำ 8 ข้อ 

    ถึงแม้ข้อสอบในส่วนนี้จะอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขได้ แต่คำถามส่วนใหญ่จะเป็นการทดสอบการคิดวิเคราะห์ โดยต้องใช้ความรู้จากเนื้อหาหลายเรื่องมาใช้แก้โจทย์เพียง 1 ข้อ นอกจากนี้ตัวเลขที่อยู่ในโจทย์ส่วนใหญ่จะมีความซับซ้อนและไม่เหมาะสำหรับการคิดเลขในใจ

    2. SAT Math Test – No Calculator

    No Calculator เป็นพาร์ทหนึ่งในข้อสอบ SAT MATH ที่ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขระหว่างสอบ โดยข้อสอบพาร์ทนี้จะมีทั้งหมด 20 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 25 นาที โดยข้อสอบจะแบ่งเป็นแบบเลือกตอบ 15 ข้อ และแบบเติมคำ 5 ข้อ 

    ข้อสอบในพาร์ทนี้ถึงแม้จะไม่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้แต่คำถามส่วนใหญ่จะเน้นความเข้าใจพื้นฐานของเนื้อหาในแต่ละหัวข้อ และถึงแม้จะให้เวลาในการทำข้อสอบค่อนข้างน้อย แต่โจทย์ที่ให้มาไม่ได้มีความซับซ้อน โดยจะเป็นคำถามที่อ่านโจทย์แล้วสามารถคิดหาคำตอบได้เลยไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์แบบพาร์ท Calculator

     

    คะแนน SAT MATH นำไปใช้ยื่นเข้ามหาลัยอะไรได้บ้าง ?

    คะแนน SAT MATH ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

    SAT MATH เป็นการสอบที่จำเป็นสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการจะเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมไปถึงหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วการเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติมักจะใช้คะแนน SAT เป็นเกณฑ์ในการพิจารณารับเข้าศึกษาต่อด้วย

    นอกจาก SAT MATH จะจำเป็นสำหรับการศึกษาต่อหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยแล้ว การศึกษาต่อต่างประเทศก็จำเป็นจะต้องใช้คะแนน SAT MATH เช่นกัน โดยแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่แตกต่างกันไปและในบางมหาวิทยาลัยอาจจะพิจารณาคะแนน SAT MATH ร่วมกับการสอบเขียน Essay ด้วย ดังนั้นก่อนการสมัครสอบจึงควรต้องศึกษารายละเอียดการรับสมัครให้ดี

    แนะนำเทคนิคการเตรียมตัวก่อนสอบ SAT MATH ให้ได้คะแนนตามเป้า!

    หลังจากได้รู้รายละเอียดของการสอบ SAT MATH กันไปแล้ว คงจะมีน้อง ๆ หลายคนที่กังวลว่าจะได้คะแนนไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่อย่าเพิ่งกลัวกันไปเพราะในบทความนี้ได้รวบรวมเทคนิคการเตรียมตัวสอบ SAT MATH มาให้น้อง ๆ ได้ฝึกฝนและเตรียมตัวกันก่อนเข้าห้องสอบ จะมีเทคนิคอะไรบ้างไปดูกันเลย

    • ฝึกฝนการใช้เครื่องคิดเลข เนื่องจากข้อสอบ SAT MATH นั้นมีพาร์ทที่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการทำข้อสอบได้ ดังนั้นหากเรามีความคุ้นชินกับการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ บนเครื่องคิดเลขก็จะช่วยให้เราสามารถทำข้อสอบในพาร์ทนี้ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
    • ทำความเข้าใจโจทย์ จากหัวข้อที่สำคัญที่สุดไปยันหัวข้อที่สำคัญน้อยที่สุด โดยเนื้อหาที่มีจำนวนข้อมากที่สุดในข้อสอบ SAT MATH นั้นคือ Heart of Algebra หรือ พีชคณิต โดยมีจำนวนมากถึง 19 ข้อจากทั้งหมด 58 ข้อ ถือเป็น 33% ของข้อสอบ ดังนั้นหากเราเข้าใจโจทย์และเนื้อหาในส่วนนี้ก็จะสามารถเก็บคะแนนส่วนใหญ่ของการสอบได้ 
    • เลือกติว SAT MATH และฝึกทำข้อสอบเสมือนจริง เพราะการติว SAT MATH จะช่วยให้น้อง ๆ ทราบเนื้อหาที่มีอยู่ในข้อสอบโดยละเอียดและยังช่วยเพิ่มเทคนิคการทำข้อสอบในแต่ละหัวข้อได้ด้วย นอกจากนี้การฝึกทำข้อสอบเสมือนจริงโดยไม่ใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์ช่วยหาข้อมูลจะช่วยให้เราคุ้นเคยกับสนามสอบและยังสามารถหาจุดอ่อนในการทำข้อสอบของตัวเองได้อีกด้วย

    เลือกติว SAT MATH ที่ไหนดีที่จะช่วยอัปคะแนนสอบพร้อมเข้ามหาลัยในฝัน

    การเลือกติว SAT MATH ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้คะแนนสอบของเราเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ดังนั้นการเลือกสถาบันที่จะมาช่วยเราเตรียมความพร้อมในการติว SAT MATH จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การเตรียมตัวด้านอื่น ๆ โดยการเลือกสถาบันติวสอบ SAT MATH นั้นควรจะเลือกจากสถาบันที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการติวสอบ SAT MATH และควรจะต้องพิจารณาหลักสูตรและรูปแบบการสอนด้วยว่าเหมาะกับสไตล์การเรียนของเราหรือไม่ 

    อ่านมาจนถึงตรงนี้ใครที่กำลังเตรียมตัวติวสอบ SAT MATH แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกติว SAT MATH ที่ไหนดี EngSnack ถือเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่น่าสนใจ เพราะนอกจากคอร์สเรียน SAT MATH ของ EngSnack จะถูกออกมาเพื่อให้เข้ากับสไตล์การเรียนของน้อง ๆ แต่ละคนแล้ว EngSnack ก็ยังเป็นสถาบันติวสอบ SAT MATH ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 5 ปีและทำให้น้อง ๆ หลายคนได้คะแนน Top Score กันมาแล้ว ใครที่สนใจคอร์สเรียนหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถทักไปหาพี่ ๆ ที่เว็บไซต์ของ EngSnack กันได้เลย

      Tags

      โรงเรียนอนุบาลนกฮูกวิช โรงเรียน 3 ภาษา หลักสูตรไทยบูรณาการ American English 

      สมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกเก่งภาษา เพราะปัจจุบันภาษาเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็ก ๆ ในยุคศตวรรษที่ 21 คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงอยากส่งลูก ๆ ไปเรียนโรงเรียนนานาชาติแต่ติดที่ค่าเทอมสูงลิ่ว วันนี้ทีมงาน School Visit เลยอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ โรงเรียนอนุบาล 3 ภาษา ขนาดย่อม มีทุกอย่างไม่ต่างจากโรงเรียนอินเตอร์ ทั้งรูปแบบการเรียน หลักสูตรและคุณครูที่มีคุณภาพ ที่สำคัญค่าเทอมไม่แพงจนเกินไป และยังก่อตั้งโดย ทีมผู้บริหารและผู้ช่วยวิชาการ ที่เคยทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาการสอนหลักสูตรการสอนภาษาต่างประเทศของเด็กเล็ก และมองเห็นปัญหาในการสอนภาษาต่างประเทศสำหรับเด็กในประเทศไทยอีกด้วย น่าสนใจขนาดนี้ ลองไปดูกันค่ะว่าหลักสูตรจะเป็นอย่างไรบ้าง

      OwlAble Wit School หรือ โรงเรียนนกฮูกวิช ตั้งอยู่ย่านพระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน

      ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2563 ปัจจุบันเปิดสอนระดับชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 เป็นโรงเรียนที่มีทุกอย่างไม่ต่างจากโรงเรียนอินเตอร์ และมีปณิธานและเจตจำนงค์ในการแก้ปัญหาการเรียนภาษาต่างประเทศให้เด็กไทย ให้เด็กไทยใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องเรียนอินเตอร์ เป็นทั้งบูรณาการและวิชาการ โดยบูรณาการกิจกรรมควบคู่ความพร้อมทางวิชาการ เพื่อพัฒนาเด็กในโลกอนาคต

      บรรยากาศโรงเรียน

       

      หลักสูตรคู่ขนาน

      โรงเรียนนกฮูกวิช ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนจากประเทศสหรัฐอเมริกาและยังเป็นสมาชิกขององค์กร NAEYC หรือ The National Association for the Education of Young Children องค์กรปฐมวัยของรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่แสวงหากำไร การเป็นสมาชิกขององค์กรทำให้โรงเรียนได้รับการอบรมรวมไปถึงหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ที่เน้นการบูรณาการหลักสูตรปฐมวัย บนหลักการพัฒนาเด็กสากล ช่วยกระตุ้นทักษะความคิด การคัดกรอง ความฉลาดเลือก การควบคุมตนเอง self direct ทักษะการแสวงหาคำตอบ และการคิดแก้ปัญหาให้กับนักเรียน ตามแนวทางการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21

      และคงปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้เป็นยุคของการแข่งขัน ที่โรงเรียนนกฮูกวิช จะเตรียมความพร้อมด้านวิชาการให้กับเด็ก ๆอย่างเหมาะสม สำหรับนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาล จะเรียนแบบบูรณาการ 100 % ส่วนเด็กอนุบาล 1 เรียนวิชาการ 30 % อนุบาล 2 เรียนวิชาการ 40 %และเมื่อขึ้นชั้นอนุบาล 3 จะเรียนวิชาการ 50 % ตามลำดับ

      เพราะโรงเรียนเพื่อต้องการติดอาวุธให้เด็กใช้ชีวิตในโลกอนาคต เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถเอาตัวรอดได้ หลักสูตรจึงใช้หลักบูรณาการความรู้ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมทางวิชาการอย่างลงตัว ด้วยหลักการผสานหลักสูตรสำหรับเด็กในยุคหน้า ที่ต้องพร้อมเติบโตในโลกแห่งการแข่งขัน หลักในการมอบความรู้บนพื้นฐานการบ่มเพาะความรักในการเรียน คงไว้ซึ่งจิตนาการและการค้นพบตัวตนในเด็ก ควบคู่กับหลักการเสริมความรู้ในวิชาหลัก Math Science and Literacy การอ่านเขียน เพื่อเตรียมให้น้องเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาด้วยความพร้อม

      หลักสูตรปฐมวัยรูปแบบการเรียนเน้นกิจกรรมบูรณาการ ควบคู่การเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน ฝึกทักษะการฟัง Listening Skill ซึมซับภาษาผ่านการเล่นแบบมีแบบแผน ในหัวข้อใหม่ทุกสัปดาห์ Structure Play Base ตามหลักสูตรบูรณาการการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ ครบด้วยพัฒนาการปฐมวัยทั้ง 5ด้าน

       

      เด็ก ๆ ได้เรียนทั้งในและนอกห้องเรียน

       

      เรียน 3 ภาษาทุก ๆ วัน

      เพราะ Core ของการเรียนภาษา คือการเรียนเพื่อสื่อสาร การเรียนภาษาให้คล่องต้องเริ่มพูดได้ก่อนการ อ่าน เขียน แต่การศึกษาในประเทศไทย หลาย ๆ โรงเรียน เริ่มต้นจากการ อ่าน และเขียน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเรียนภาษาในบ้านเราไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ที่นกฮูกวิช เน้น 3 ภาษาอย่างจริงจัง เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาต่างประเทศและได้ใช้ในชีวิตประจำวันทุก ๆ วัน สอนผ่านการสื่อสารและใส่ใจ ในรูปแบบ Communicative Language Teaching ( CLT ) ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้และการสอนทางภาษาต่างประเทศ ให้ครู Native Teacher ได้อยู่กับเด็กตลอดทั้งวัน จะได้พูดคุย สื่อสาร กับคุณครูในทุก ๆ วัน เป็นการสอนภาษาที่เน้นการสื่อสารผ่านการเชื่อมโยงความรู้ ทักษะ และความสามารถในการสื่อสารภาษา เพื่อให้สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว และมีความถูกต้องในการใช้ภาษาให้พร้อมกันนั่นเองค่ะ ซึ่งการสอนแบบนี้จะเน้นพัฒนาทักษะการฟังและการพูดของผู้เรียน โดยมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนผ่านบรรยากาศที่สนุกสนาน

      เรียนรู้ภาษากันทุกวันผ่านกิจกรรมแสนสนุก

      หลักสูตร IECP (Intensive English Chinese Program) ก่อตั้งด้วยความตั้งใจจัดการศึกษาปฐมวัยให้เหมาะสมกับผู้เรียนและสอดคล้องกับหลักสูตรปฐมวัยและบริบทในศตวรรษที่ 21 เหมาะสำหรับเด็ก 2-6 ปี มุ่งเน้นพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม ปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ บูรณาการความรู้รอบตัวทั้งด้านตรรกะ ภาษา หน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น ช่วยสอนให้เด็กเข้าใจโลก และเรื่องราวรอบตัวที่สำคัญเด็ก ๆ จะเข้าใจตนเองจากภายใน เป็นการเรียนรู้ที่จะช่วยสร้างรากฐานที่ดีและมั่นคงในการเติบโตเป็นเยาวชนที่มีคุณภาพของประเทศชาติและต่อสังคมโลก

      ซึ่งเด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาต่างประเทศ 80% ในสัดส่วนดังนี้

      English 60% ( ครอบคลุม 4 วิชาหลัก Communication Literacy Phonic Math Science )

      Chinese 20% (Communication + Hanzi Recognition )

      Thai 20% ( ส่วนอ่านเขียนเทียบอนุบาลไทย จบสระ พยัญชนะ แต่งประโยคและอ่านบทความสั้น)

          เด็ก ๆ ได้ลงมือทำทุกกิจกรรมด้วยตนเอง

       

      4 Core Value ที่ นกฮูกวิช

      Language Advantage เรียน 3 ภาษา ทุกวัน กับ Native Teacher ทั้งภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เด็ก ๆ จะได้สื่อสารและพูดคุยกับครูชาวต่างชาติตลอดทั้งวัน ทำให้เด็กซึมซับภาษาต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมแสนสนุก และมีความสุขในการเรียนทั้ง 3 ภาษา เน้นพัฒนาเด็กทั้งการฟังและการพูด และช่วยให้เด็กกล้าที่จะสื่อสาร

      Academic Readiness การันตีว่าเด็กอนุบาลจบที่นี่เด็กจะสามารถอ่านออกเขียนได้ แต่ไม่ใช้วิธีการเร่งเรียนเท่าโรงเรียนวิชาการทั่วไป โรงเรียนจะเตรียมความพร้อมให้แบบบูรณาการกิจกรรม ควบคู่ความพร้อมทางวิชาการ ด้วยหลักการผสานหลักสูตรสำหรับเด็กในยุคหน้า ที่ต้องพร้อมเติบโตในโลกแห่งการแข่งขัน และเสริมวิชาการตามระดับชั้นอย่างเหมาะสม เตรียมความพร้อมทางภาษาแม่ และวิชาภาษาอังกฤษเรียนจบ Phonic ผสมเสียงได้ เรียกได้ว่าเด็กจะพร้อมสำหรับเรียนต่อไปยังชั้นประถมศึกษาทั้งโรงเรียนไทย 2ภาษา 3ภาษา และโรงเรียนนานาชาติ

      Creative Mindset โรงเรียนนกฮูกวิช เข้มข้น ด้านครีเอทีฟ มายด์เซท เป็นด้านที่นำเอาหลักสูตรจากประเทศอเมริกามาใช้ คิดค้น และวางแผนเครื่องมือการใช้สื่อในการสอนแบบปลายเปิด กระตุ้นให้เด็กได้คิด เพราะเด็กสมัยนี้ต้องสร้างนวัตกรรมและ สร้างสิ่งใหม่ที่ไม่มีในโลกนี้ โรงเรียนจะมีฐานกิจกรรมต่างๆ เด็ก ๆ ทำ การที่เด็ก ๆ ได้ทดลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง ได้ลองผิดลองถูก จะช่วยให้เด็กกล้าคิด กล้าทำ มีความคิดสร้างสรรค์และรู้จักแก้ปัญหา

      Mindfulness Cultivate ด้านสุดท้ายคือด้านที่สำคัญ อันเป็นอัตลักษณ์ของโรงเรียน คือ EF SKILL MILDFULLNESS เพราะต่อให้เรียนเก่ง พูดภาษาอังกฤษเก่ง แต่เด็กขาดความอดทน ก็ไม่มีทางสำเร็จและล้มเหลวได้ หากไม่มี EF เพราะเด็กสมัยนี้เรียนเร็วกว่าเด็กสมัยก่อน มีข้อมูลมากมายที่หาได้ง่ายจากอินเตอร์เน็ต และมีทางเลือกเยอะ โรงเรียนจะสอนให้เด็กใช้ชีวิตจริง ๆ ไม่ปล่อยผ่านไม่ว่าเรื่องอะไร สอนให้เด็กมีทั้ง IQ (Intelligence Quotient) : ความฉลาดทางสติปัญญา EQ (Emotional Quotient) : ความฉลาดทางอารมณ์ SQ ( Social Intelligence ) ความฉลาดในการเข้าสังคม CQ ( Creativity Quotient AQ (Adversity Quotient) : ความฉลาดในการแก้ปัญหา ฝ่าฟันอุปสรรค OQ (Optimist Quotient) : การแสดงผลงานที่มีคุณค่า เพื่อพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพมากที่สุด

      เรียนรู้เรื่องอาชีพต่าง ๆ

       

        ของเล่นและอุปกรณ์ครบครัน

       

      Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่

      ที่นี่เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาอังกฤษและภาษาจีนทุกวันตั้งแต่เล็ก กับครู Native ทำให้สามารถสื่อสารและเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ

      หลักสูตรและวิธีการสอนแบบโรงเรียนอินเตอร์ แต่ค่าเทอมถูกกว่ามาก

      บางวีคมีกิจกรรมฐาน Water Station ถึงแม้โรงเรียนจะไม่มีสระว่ายน้ำ แต่ก็ลงทุนจ้างบริษัท มาลงสระว่ายน้ำชั่วคราว และมีสไลเดอร์มาลง เครื่องเล่นต่าง ๆ มาสอนเด็ก ๆ

      เพราะเด็กสมัยนี้เป็นเด็กที่มีคำถามและต้องมีเหตุผล และเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล ครูที่นกฮูกวิชจึงต้องปรับตัวและมีจิตวิทยาในการสอนทุกขั้นทุกตอน การเรียนการสอนที่นี่จึงปรับให้เข้ากับยุคสมัยตลอดเวลา

       

       

       

      อัตราค่าเล่าเรียน

      ค่าแรกเข้า 14,000

      ค่าเทอม 3 ภาษา ประมาณ 49,750 บาท / เทอม

       

      ที่อยู่

      OwlAle Wit School

      5 ซ.อนามัยงามเจริญ 23 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน

      กรุงเทพมหานคร 10150

      โทรศัพท์ : 02-416 6289

      อีเมล : [email protected]

      เว็บไซต์ : http://owlablewit.com

       

      Editor : แม่เลม่อน

      ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ มอนเตสซอรี่ หลักสูตรอังกฤษ เรียนรู้ผ่านการเล่น เน้นทักษะชีวิต บูรณาการผ่านแนวคิดมอนเตสซอรี่

        เพราะช่วงวัยเด็กเป็นช่วงเวลาทองในการสร้างตัวตนของเด็ก ๆ เองในอนาคต นอกเหนือจาก ครอบครัว หรือ สังคมแรก ของเด็ก ๆ แล้ว สังคมต่อไปที่เด็ก ๆ ต้องเข้าไปใช้ชีวิตและเรียนรู้ก็คือ “โรงเรียนอนุบาล” การเลือกโรงเรียนอนุบาลที่เหมาะสมกับลูกหรือครอบครัวนั้นไม่ได้มีกฏเกณฑ์ตายตัว  แต่ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญกับทักษะทางด้านวิชาการ ควบคู่ไปกับพัฒนาการผ่านประสบการณ์พร้อมความสนุกและความสุข ต้องที่โรงเรียนแห่งนี้เลยค่ะ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ มอนเตสซอรี่ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ 3 ภาษา ย่านสุทธิสาร และลาดพร้าว 88 สอง Campus ที่ School Visit อยากจะแนะนำให้รู้จักกัน

         

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการลงมือทำ

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        ชั้นเรียนภาษาจีนกับเหล่าซือ เด็ก ๆ แย่งกันตอบเสียงดังเลยค่ะ

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        สุทธิสารแคมปัสเป็นสาขาแรก ต้นไม้เขียวครึ้มสูงใหญ่เด็ก ๆชอบมาเล่นใต้ต้นไม้กันมาก ๆ

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        ภูมิทัศน์ของลาดพร้าว 88 แคมปัสก็เขียวสดชื่นไม่แพ้กัน

        Learn : ภายใต้คำขวัญของโรงเรียน Play is the language of kid

        การเรียนการสอนของ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ มอนเตสซอรี่ ใช้หลักสูตรอังกฤษ โดยยึดตาม The national curriculum for England

        หลักสูตรของเด็กเล็ก ( เตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 ) ใช้ Early Year Foundation Stage Curriculum เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น ( Play-Based Learning ) เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ รอบด้านตามช่วงอายุ และแม้จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ แต่การเรียนการสอนนั้นได้ปรับให้สอดคล้องกับบริบทในสังคมไทย ซึ่งนอกจากจะได้พัฒนาทั้ง 4 ด้านแล้ว ( ร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ) เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ความสงบ และมีความเมตตาอีกด้วย  คุณครูจะสอนเป็นรายวิชา ( Subject based teacher ) และใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย เพราะธรรมชาติของแต่ละคนนั้นมีวิธีการเข้าใจแตกต่างกัน

        และจัดการเรียนการสอนที่เด็ก ๆ เป็นศูนย์กลาง โดยการนำระบบมอนเตสซอรี่มาใช้เพื่อให้เด็ก ๆ การเรียนรู้ของเด็ก ๆ “จับต้องได้และเป็นจริงขึ้นมา”

         

        EYFS + มอนเตสซอรี่ = การผสมผสานหลักสูตรสุดพิเศษ

        วิถีของมอนเตสซอรี่เชื่อว่า ความสามารถด้านสติปัญญาขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัส  การเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่จึงให้ความสำคัญกับสื่อ เน้นอุปกรณ์ที่ช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสและคอนเซปต่าง ๆเช่น ให้เด็ก ๆ ใช้มือจับ บิด หมุน เพื่อให้สมองตอบสนอง เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด  เด็ก ๆ จะรู้จักควบคุมการทำงาน พัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวและเรียนรู้ทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว ตลอดจนการหาทางแก้ไขปัญหาและจดจำบทเรียนได้ในระยะยาว

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        Montessori Corner ที่สุทธิสารแคมปัส

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        Focus Group ที่สุทธิสารแคมปัส

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        Montessori room ที่ลาดพร้าว88แคมปัส

         

        สาระสำคัญที่เด็กๆ Prep จะได้เรียนรู้

        Physical Development – การพัฒนาร่างกาย

        Personal, Social and Emotional Development – การพัฒนาด้านบุคคล สังคมและอารมณ์

        Communication and Language – การสื่อสารและภาษา

        Literacy – วรรณกรรม

        Mathematics – คณิตศาสตร์

        Expressive Art and Design – ศิลปะและการออกแบบตามความรู้สึก

        Understanding of the World – ความเข้าใจในโลก

        ภาษาและวัฒนธรรมไทย ภาษาจีน (ฟังและพูด)

         โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

          ธรรมชาติคือแหล่งการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        วัฒนธรรมไทยที่โรงเรียนให้ความสำคัญมากแม้จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ

         โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

         อุปกรณ์สำหรับพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่

         

        Life : Let everyone involved

        ที่โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ มอนเตสซอรี่ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ครบตาม Goal ของแต่ละช่วงวัยและกิจกรรมรูปแบบมอนเตสซอรี่นั้นก็ทำให้เด็ก ๆ enjoy มากเช่นกัน นอกเหนือจากเด็ก ๆจะกล้าคิด กล้าแสดงออก ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น การลงมือทำ ซึ่งประสบการณ์ตรงนี้จะพัฒนาเด็ก ๆ อย่างรอบด้าน จนคุณพ่อคุณแม่อดที่จะแปลกใจไม่ได้เลย

        เท่านั้นยังไม่หมดค่ะ ทางโรงเรียนมีกิจกรรมสนุก ๆ เพื่อบูรณาการทุกศาสตร์มาใช้ในชีวิตจริงที่ทั้ง 2 ครอบครัวของเด็ก ๆ (บ้านและโรงเรียน) ต่างก็จะมีส่วนร่วมในย่างก้าวของเด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน

         

        SHOW AND TELL : เป็นกิจกรรมที่ฝึกการพูด การใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งครูจะกำหนดหัวข้อให้ในแต่ละสัปดาห์ เด็ก ๆ จะนำสิ่งของของตนเองมาให้เพื่อน ๆ ได้ดู และจะเล่าถึงของสิ่งนั้น เช่น สิ่งนี้คืออะไร ? ทำไมถึงชอบ ? ได้มาอย่างไร ? เพื่อนที่สนใจสามารถขอยืมดูได้และถามสิ่งที่อยากรู้ ช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ เป็น คนกล้าพูด กล้าแสดงออก

         

        STORY TELLING : กิจกรรมการเล่านิทานที่จัดขึ้นทุกวัน เพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่าน และสอดแทรกคติสอนใจ คุณธรรม จริยธรรม  ให้เด็ก ๆ ได้เห็นตัวอย่างและปฏิบัติตาม

         

        MASCOT SEND HOME : คุณครูจะผลัดให้เด็ก ๆ ได้นำ Mascot ประจำห้องกลับบ้านสัปดาห์ละ 1 คน เพื่อให้เด็ก ๆ ฝึกความรับผิดชอบ ดูแลสิ่งของส่วนรวม โดยสามารถพาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ แล้วนำกลับมาเล่าให้เพื่อน ๆ ในห้องฟัง

         

        LEARNING CORNERS : เป็นกิจกรรมกลุ่มย่อยที่คุณครูจะแบ่งเด็ก ๆ ออกเป็นกลุ่มประมาณ 5-7 คน และกระตุ้นการเรียนรู้ในลักษณะ Focus group ให้เด็ก ๆ ได้มีการพัฒนาตามศักยภาพของตนเอง การพูดคุยซักถามในรายวิชาต่าง ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีกิจกรรม Free choice ที่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ตามความสนใจของตน

        บรรยากาศภายในสุทธิสารแคมปัส

        Environment

        เพราะสภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในห้องเรียนเหมาะสม สะอาด สวยงาม กระตุ้นให้เด็ก ๆ อยากเล่นและเรียนรู้ในโลกกว้าง ทั้ง 2 แคมปัสจัดมุมต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ด้วยเอง เช่น มุมบล็อก มุมอ่านหนังสือ มุมบทบาทสมมุติ มุมศิลปะ มีห้องเรียนมอนเตสซอรี่ และห้องอเนกประสงค์ สำหรับกิจกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย

        เมื่อเด็ก ๆ ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความสุขก็จะแสดงออกให้เห็นได้จาก “การหัวเราะ มีอารมณ์ดี”

        ที่โรงเรียน จะมีการตรวจสุขภาพร่างกายเบื้องต้นเพื่อป้องกันการเกิดโรคที่ควรเฝ้าระวังในเด็กเล็ก โดยคุณครูจะวัดไข้ ตรวจภายในช่องปากและมือ ก่อนเข้าเรียนทุกวัน และจัดเตรียมเครื่องสเปรย์แอลกอฮอล์อัตโนมัติไว้รอบบริเวณโรงเรียน รวมถึงปลูกฝังวินัยในการรักษาสุขอนามัยโดยการให้เด็ก ๆ ล้างมืออย่างถูกต้องสม่ำเสมอ

        หลังเลิกเรียนทุกวัน จะทำความสะอาดอุปกรณ์ของใช้และของเล่นต่าง ๆ ทุกชิ้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและตู้อบ UV และใช้เครื่องฉายแสง UV-C ฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวและในอากาศด้วย รวมทั้งติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในห้องเรียนทุกห้อง

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        บรรยากาศภายในลาดพร้าว 88 แคมปัส

         

         

        สายใยของ 2 ครอบครัว (บ้านโรงเรียน)

        • OPEN DOOR POLICY บ้าน และ โรงเรียนต้องมีการสื่อสารที่รวดเร็วและชัดเจน เพื่อทราบข้อมูล สภาพปัญหา ความต้องการของผู้ปกครองและระบบนิเวศน์รอบตัวเด็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพราะโรงเรียนเชื่อมั่นว่าการสื่อสารที่ดีจะนำมาสู่การพัฒนาเพื่อ “นักเรียน” ได้ 360 องศา
        • โรงเรียนจัดปฐมนิเทศน์ผู้ปกครองของนักเรียนใหม่เพื่อให้ทราบและเข้าใจถึงมาตรการและการเตรียมความพร้อมของทางโรงเรียน แนะนำคุณครูและบุคคลากรของทางโรงเรียนให้ผู้ปกครองรู้จัก รวมทั้งวิธีการเตรียมความพร้อมของผู้ปกครองเอง พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครอง
        • กิจกรรม OPEN HOUSE เปิดให้ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้สนใจ เข้าเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอน การจัดหลักสูตร การจัดกิจกรรม และการบริหารจัดการ ตอบข้อซักถามและให้คำแนะนำ คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยและการศึกษาต่อ
        • ในระดับชั้นเนอสเซอรี่จะมีการส่ง Daily Report ให้ผู้ปกครองทุกวัน
        • ทุกวันศุกร์โรงเรียนจะส่ง Weekly Letter รายงานการเรียนรู้ + ใบงานที่นักเรียนทำระหว่างสัปดาห์ กลับบ้าน
        • ทุกภาคเรียนจะมี Private Parent Teacher Conference (ครั้งละ 1 ครอบครัว) เพื่อเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ – คุณครู พูดคุยถึงพัฒนาการแต่ละด้านของลูก ๆ ด้วยค่ะ
        • กิจกรรม Prep Spirit Day เป็นกิจกรรมที่ผู้ปกครองเป็นผู้จัดขึ้น (โรงเรียนทำหน้าที่เป็นเพียงผู้สนับสนุน – ประสานงาน) โดยผู้ปกครองจะจัดฐานกิจกรรม – เกมส์ ให้เด็ก ๆ ทุกระดับชั้น คุณพ่อคุณแม่จะเห็นพัฒนาการและบุคลิกของเด็กๆในอีกสังคมได้ด้วยตาตนเองเลยค่ะ

         

        Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

        1. หลักสูตรสุดพิเศษ เรียนเป็นรายวิชา แต่เปิดประสบการณ์ด้วยรูปแบบมอนเตสซอรี่ weekday จึงเป็นวันสนุกทุกวัน
        2. ที่นี่เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ 1 ปีการศึกษา มี 2 เทอม ( ที่อื่น ๆ มี 3 เทอม) ตอบโจทย์ผู้ปกครองวัยทำงานเพื่อเด็ก ๆ จะไม่ได้หยุดเรียนถี่จนเกินไปจนกระทบกับวันทำงาน แถมยังมีภาคเรียนเปิดพิเศษในช่วงปิดเทอมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้มาสนุกที่โรงเรียน
        3. การสื่อสารระหว่างบ้านและโรงเรียนดีเยี่ยม ทำให้การเลี้ยงลูกร่วมกันไม่มีข้อคับข้องใจค่ะ
        4. ไม่มีโทรทัศน์ หรือ คอมพิวเตอร์ ในห้องเรียนเพื่อให้เด็ก ๆ ได้โฟกัสกับ subject และ environment อย่างเต็มที่
        5. ทุกตารางนิ้วของเรียนเรียนนั้นสะอาดเป็นเลิศ มาตรการในการควบคุมโรคระบาดในเด็กเล็กชัดเจน ฝ่ายโภชนาการก็เยี่ยมยอดเช่นกัน ( คุณภาพของอาหาร ความสะอาด ได้มาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญคืออร่อย!)

        โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ

        ทีมผู้บริหาร สุทธิสารและลาดพร้าว 88 แคมปัส

         

        ค่าเล่าเรียนต่อปีการศึกษา ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ (2 เทอมต่อปีการศึกษา)

        Sutthisan Campus  : 204,000 บาท

        Ladprao 88 Campus  : 228,000 บาท

        ข้อมูลอื่นๆกรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

         

        Sutthisan Campus (สุทธิสาร)

        78 Soi Song Sakun, Sutthisan Rd, Samsaenook, Huay Kwang, Bangkok, Thailand 10310

        Tel. 02-2747426

        E-Mail [email protected]

        facebook – Sutthisan

        www.prep.ac.th

         

        Ladprao 88 Campus (ลาดพร้าว 88)

        24 Soi Ladprao 88, Ladprao Rd, Wangthonglang, Bangkok, Thailand 10310

        Tel. 02-9339388

        E-mail [email protected]

        Facebook – Ladprao 88

        www.prep.ac.th

         

        Editor : แม่พลอยผิง

        ภาพ : นันทิยา บุษบงค์

          เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ฉลองความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของเหล่าคุณแม่ ส่งแคมเปญ “The Kia Carnival Wonder MOM รถคันนี้ ที่ได้ใจแม่”

          เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ฉลองความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของเหล่าคุณแม่
          ส่งแคมเปญ “The Kia Carnival Wonder MOM รถคันนี้ ที่ได้ใจแม่” มอบประสบการณ์ทดลองขับ
          แนวใหม่ พร้อมดึงอินฟลูสายครอบครัวร่วมกิจกรรม และแจกของรางวัลพิเศษมากมาย

          เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 – เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ส่งแคมเปญทดลองขับรถแนวใหม่สุดสร้างสรรค์ “The Kia Carnival Wonder MOM รถคันนี้ ที่ได้ใจแม่” มอบประสบการณ์การผจญภัยครั้งใหม่ให้เหล่าครอบครัว จากอินไซต์ “เพื่อแม่…ที่เป็นได้มากกว่า” เชิญเหล่าคุณแม่สร้างโมเมนต์สุดเซอร์ไพรส์ให้กับลูกๆ ผ่านแคมเปญทดลองขับ The Kia Carnival ที่จะถูกตกแต่งด้วยธีมสุดพิเศษ 3 สไตล์ ทั้งธีมเจ้าหญิงหิมะ ธีมนางเงือก และธีมซูเปอร์ฮีโร่ เปลี่ยนการทดลองขับทั่วไปให้กลายเป็นประสบการณ์ความประทับใจให้เจ้าตัวเล็กได้ยิ้มกว้าง พร้อมร่วมแชร์ภาพโมเมนต์ความสุขและรับของขวัญพิเศษ ตลอดจนกิจกรรมให้ร่วมสนุกอีกมากมาย นอกจากนี้ยังดึงอินฟลูเอนเซอร์สายครอบครัวตัวจริง อาทิ พลอย-ชิดจันทร์, เพจ Mama.Martin และเพจแม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย และอีกกว่า 50 คนร่วมกิจกรรมแคมเปญทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายเกียทั่วประเทศ พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้จองรถ The Kia Carnival ทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2567 และออกรถยนต์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 ลุ้นเป็นผู้โชคดีชิงรางวัลแพ็กเกจเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และของรางวัลอื่นๆ อีกเพียบ

          นายฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “The Kia Carnival ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในด้านระบบความปลอดภัยขั้นสูง สมรรถนะการขับขี่ และความสะดวกสบายที่เหนือระดับ รวมถึงการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ตอบสนองทุกกิจกรรมของครอบครัว โดยจากอินไซต์ของลูกค้าเกีย พบว่ามีจำนวนกลุ่มคุณแม่ที่ขับ The Kia Carnival เพิ่มมากขึ้น โดยคุณแม่กลุ่มนี้เป็นคุณแม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูก ร่วมใช้เวลาและสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกๆ และสำหรับลูกๆ แล้ว แม่คือซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงในชีวิตประจำวันที่สามารถจัดการทั้งงาน ครอบครัว และกิจกรรมของลูกๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เกียเปิดตัวแคมเปญ The Kia Carnival Wonder MOM รถคันนี้ ที่ได้ใจแม่ ภายใต้แนวคิด ‘เพื่อแม่…ที่เป็นได้มากกว่า’ เพราะบริษัทเชื่อว่าเหล่าคุณแม่คือส่วนสำคัญที่สามารถช่วยเชิญชวนและชักจูงลูกค้าในอนาคตให้เลือกใช้รถ The Kia Carnival ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ MPV ขนาดใหญ่ที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว นอกจากนี้ยังได้ยังเชิญคุณแม่คนดัง อย่าง พลอย-ชิดจันทร์ และลูกๆ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์สายครอบครัว อย่าง คุณแม่ยูกับน้องมาร์ติน จากเพจ Mama.Martin, คุณแม่การ์ตูนกับน้องมาตา จากเพจแม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย และอินฟลูเอนเซอร์อีกกว่า 50 คน มาร่วมสร้างและแบ่งปันเรื่องราวอันน่าประทับใจกับแคมเปญทดลองขับ The Kia Carnival ในครั้งนี้”

          โดยแคมเปญนี้เปิดโอกาสให้คุณแม่ได้สร้างโมเมนต์สุดประทับใจ เซอร์ไพรส์ลูกๆ กับธีมรถสุดคิวท์ที่ถูกตกแต่งขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยการนำ The Kia Carnival ที่ถูกตกแต่งด้วย 3 ธีมสุดโปรดของเด็กๆ ได้แก่ “ธีมเจ้าหญิงหิมะ” “ธีมนางเงือก” และ “ธีมซูเปอร์ฮีโร่” ไปเป็นรถยนต์คู่ใจสร้างเซอร์ไพรส์สุดว้าวรับลูกจากโรงเรียนหรือจากสถานที่ใดก็ได้ พร้อมรับตุ๊กตาลิขสิทธิ์ดิสนีย์หลังจากเสร็จสิ้นการทดลองขับ สำหรับผู้ที่สนใจทดลองขับ The Kia Carnival สามารถลงทะเบียนได้ที่ http://www.kia-wondermom.com ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2567 พร้อมเลือกโชว์รูมที่สะดวกรับรถ ธีมรถ และวันและเวลาที่ต้องการ โดยทางบริษัทจะนำส่งรถทดลองขับให้ถึงที่บ้านหรือตามสถานที่ที่ระบุเพื่อความสะดวกของลูกค้า

          พิเศษไปกว่านั้น สำหรับผู้ที่จอง The Kia Carnival (รุ่น LX, EX, SXL, and SXL Luxury) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2567 และออกรถยนต์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 มีสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับรางวัลสุดพิเศษ ได้แก่ รางวัลที่ 1 แพ็กเกจเที่ยวสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สำหรับ 4 คน จำนวน 1 รางวัล, รางวัลที่ 2 บัตรกำนัลห้องพักกับห้อง Space Connex รวมอาหารเช้า ณ โรงแรม The Grande Centre Point Space Pattaya 3 วัน 2 คืน สำหรับเข้าพัก 4 คน จำนวน 3 รางวัล และรางวัลที่ 3 คอร์สเรียนขี่ม้า พร้อมอาหารมื้อพิเศษกับครอบครัวที่ร้าน The Hay – Equestrian Center & Eatery ครอบครัวละ 4 ใบ จำนวน 10 รางวัล โดยจับรางวัลผู้โชคดีในวันที่ 8 สิงหาคม 2567 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ผ่านช่องทางเพจเฟสบุ๊กทางการของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) นอกจากนั้นยังมีรางวัลพิเศษสำหรับคุณแม่ 150 ท่านแรกที่โพสต์ภาพกิจกรรมทดลองขับ The Kia Carnival และติดแฮชแท็ก #KiaWonderMOM ใต้โพสต์กิจกรรมบนเพจเฟสบุ๊กทางการของเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) และบนเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยเปิดโพสต์สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2567 รับทันทีบัตรของขวัญสตาร์บัคส์ มูลค่า 300 บาท

          The Kia Carnival รถยนต์เอ็มพีวีระดับลักซ์ชัวรี ซึ่งเป็น Grand Utility Vehicle ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับทุกครอบครัว มอบประสบการณ์การเดินทางระดับพรีเมียม โดดเด่นในด้านความอเนกประสงค์ที่ผสานนวัตกรรมพื้นที่ใช้สอยความสะดวกสบาย คุณภาพ และสไตล์อันโดดเด่นไว้ด้วยกันได้อย่างเหนือชั้น มีให้เลือกทั้งแบบ 11 ที่นั่ง ใน 3 รุ่นย่อย คือ The Kia Carnival LX, The Kia Carnival EX และ The Kia Carnival SXL และรุ่นใหม่ 7 ที่นั่ง ในรุ่น The Kia Carnival SXL Luxury เหมาะกับครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกในครอบครัว 5-7 คน โดย The Kia Carnival มอบพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางและให้ความยืดหยุ่นกับการออกแบบการจัดวางที่นั่ง โดยไม่สูญเสียเนื้อที่หรือลดทอนความสบายของผู้โดยสารคนใด สำหรับในรุ่น SXL Luxury เบาะโดยสารแถวที่สองมาพร้อมที่นั่งแบบ Premium Relaxation ที่สามารถปรับนอนได้ พร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศ พนักพิงและที่พักเท้าแบบปรับด้วยไฟฟ้า สะดวกสบายให้ความรู้สึกแบบที่นั่งเฟิร์สคลาสช่องทางเดินระหว่างแถวที่นั่งในห้องโดยสารถูกออกแบบมาให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและสะดวกสบาย รวมถึงที่นั่งแถวหลังสุดที่สามารถพับราบเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น มาพร้อมประตูสไลด์แบบไฟฟ้าระบบ Smart power Sliding door และฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (เปิด-ปิดอัตโนมัติ) ด้วยระบบ Smart power tailgate ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินเข้าที่นั่งแถวหลังได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถเปิดท้ายรถได้อย่างง่ายดายในขณะที่ถือสัมภาระ The Kia Carnival มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล Smartstream ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร สามารถขับขี่เป็นระยะทางไกลได้โดยไร้ข้อกังวล นอกจากนี้ยังมีระบบการควบคุมการขับขี่ที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายเหมือนขับรถยนต์นั่งโดยสารทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทัศนวิสัย ตำแหน่งที่นั่ง รวมถึงระบบกันสะเทือนและระบบควบคุมพวงมาลัยที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างนุ่มสบาย

          นอกจากนี้ ยังมีระบบปฏิบัติการและเทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยเหลือผู้ขับขี่ รวมทั้งฟีเจอร์ด้านการช่วยเหลือการขับขี่และด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยในทุกสถานการณ์ อาทิ ระบบป้องกันการชนด้านหน้า ระบบช่วยเตือนการชนจากมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง และกล้องมองรอบทิศทางที่ช่วยในการเข้าจอดรถ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยขณะโดยสารให้กับทุกคนในครอบครัว
          The Kia Carnival ยังมาพร้อมพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่ให้ความอเนกประสงค์สำหรับหลากหลายกิจกรรมและการเดินทางหลากหลายรูปแบบของ ทุกครอบครัว ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ก้าวล้ำ ตลอดจนดีไซน์หรูหราทั้งภายนอกและภายใน พิเศษ! สำหรับผู้ที่จอง The Kia Carnival รุ่น EX, SXL, SXL Luxury ภายในวันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 รับข้อเสนอพิเศษ 5-5-5 รับประกันคุณภาพ 5 ปี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี

          สำหรับผู้ที่สนใจทดลองขับรถยนต์ The Kia Carnival และร่วมสนุกกับกิจกรรมในแคมเปญ “The Kia Carnival Wonder MOM รถคันนี้ ที่ได้ใจแม่” สามารถลงทะเบียนทดลองขับได้ที่ http://www.kia-wondermom.com  

           

          # # #

           

          เกี่ยวกับ บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

          บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567 ดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ในการผลิตยนตรกรรมเพื่อการเดินทางที่ยั่งยืนสู่ทั้งผู้คน ชุมชน และสังคมทั่วโลก มุ่งดำเนินงานภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่ “ผู้คน” (People) “โลก” (Planet) และ “ผลกำไร” (Profit) ในการสร้างโซลูชัน สู่ทั้งผู้คน ชุมชน และสังคมทั่วโลกที่ยั่งยืนมานานกว่า 80 ปี โดย เกีย นำเสนอภาพลักษณ์ในการเป็นแบรนด์ “Premium Smart” ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและรูปลักษณ์ดีไซน์อันทันสมัย พร้อมให้ความสำคัญกับลูกค้าและบริการหลังการขาย โดย เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) มุ่งส่งเสริมการขับเคลื่อนด้านนวัตกรรมและการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อให้คนไทยมีทางเลือกที่ดีที่สุดในการเดินทาง ภายใต้สโลแกน – ‘Movement that inspires’ – หรือการเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งสะท้อนถึงคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกการเดินทางของผู้คน โดยปัจจุบัน เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) มีตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศจำนวน 19 สาขา ในกรุงเทพฯ 10 สาขา และต่างจังหวัด 9 สาขา

           

            Tags

            MC Academy

            MC ACADEMY โรงเรียนสอนพิเศษ เรียนรู้แบบ Singapore Math และ Cambridge English

            ช่วงนี้เด็ก ๆ เปิดเทอมกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่าน น่าจะกำลังมองหาโรงเรียนหรือสถาบันสอนพิเศษให้กับเด็ก ๆ กันอยู่ วันนี้ School Visit เลยอยากพาทุกคนมาเยี่ยมชมโรงเรียนสอนพิเศษ MC Academy ย่านปทุมวัน ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการสอนวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ จุดเด่นและแนวทางการสอนของโรงเรียนจะเป็นอย่างไร วันนี้เราจะพาไปดูกันค่ะ

            MC Academy เป็นโรงเรียนสอนพิเศษที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Marshall Cavendish Education บริษัทที่มีความชำนาญในด้านการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน จากประเทศสิงคโปร์ และมีชื่อเสียงยาวนานมากว่า 50 ปี นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจำหน่ายสื่อการเรียนการสอนกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ทั้งในรูปแบบของสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์

            โรงเรียนสอนพิเศษ MC Academy เปิดเมื่อปลายปี  พศ.2566  ปัจจุบันเปิดสอนวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่มีความสำคัญและผู้ปกครองส่วนใหญ่ให้ความสนใจ  โดยสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

            MC Academy MC Academy MC Academy MC Academy MC Academy MC Academy

             มุมต่างๆ ภายในโรงเรียน

             

            Singapore Math

            คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า ประเทศสิงคโปร์นั้นประสบความสำเร็จในการพัฒนาทักษะด้านคณิตศาสตร์ของนักเรียนมาอย่างยาวนาน  วิธีการสอนคณิตศาสตร์แบบสิงคโปร์ จะเปลี่ยนจากการท่องจำไปเป็นการทำความเข้าใจและถูกนำไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ที่ โรงเรียน MC Academy นำเอาเทคนิคการสอนต่าง ๆ เหล่านี้ มาช่วยพัฒนาทักษะด้านคณิตศาสตร์ของเด็ก ๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษา แต่ใช้วิธีการสอนและหลักการในรูปแบบ Singapore Math หลักสูตรต่าง ๆ ถูกคิดค้นมาอย่างดีโดยผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์จากประเทศสิงคโปร์  หลักสูตรเหล่านี้จะช่วยเสริมทักษะและกระบวนการคิดให้เด็กไทยได้คิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

             

            Cambridge English

            ส่วนวิชาภาษาอังกฤษ ทางโรงเรียนเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุด โดย Marshall Cavendish Education เป็นผู้จัดทำวิชาภาษาอังกฤษนี้และได้รับการอนุมัติจาก Cambridge ให้ใช้เป็นหนังสือเรียนในสถานศึกษาทั่วโลก หลักสูตรภาษาอังกฤษของโรงเรียน MC Academyได้นำวิธีการเรียนการสอนมาผสานให้เข้ากับหลักสูตรภาษาอังกฤษของกระทรวงศึกษา โดยเริ่มจากการฟัง พูด อ่าน เขียน  สามารถถ่ายทอดและเขียนบรรยายความคิดได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ และเมื่อเรียนต่อเนื่องจะช่วยพัฒนาศักยภาพทักษะทางด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ ให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

            MC Academy

            บรรยากาศห้องเรียน

            ใส่ใจ ดูแลและเป็นกันเอง

            ที่โรงเรียน MC Academy รับเพียง 8-10 คน ต่อห้อง เพื่อการดูแลที่ทั่วถึง และนอกจากเรียนวิชาการต่าง ๆ แล้ว ทางโรงเรียนยังสอนทักษะกระบวนการความคิดและการเรียนเพื่ออยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ให้เด็กทำงานเป็นกลุ่มได้ ช่วยพัฒนาและจุดประกายให้เด็ก ๆ ว่าสิ่งไหนที่เด็กถนัด หรือสิ่งไหนที่ควรปรับปรุงและควรพัฒนา  ที่นี่อาจจะไม่เหมือนโรงเรียนกวดวิชาหรือโรงเรียนสอนพิเศษทั่วไป เพราะบรรยากาศและการตกแต่งในโรงเรียนที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มีทั้งมุมพักผ่อน มุมทำการบ้าน รวมถึงมุมเล่นเกมส์เสริมทักษะ เพื่อเด็ก ๆ จะได้รู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านอีกหลัง รู้สึกสบายใจที่จะมาเรียน เพราะโรงเรียนต้องการพัฒนาเด็กให้ครบทุกด้าน ไม่จำเป็นว่าเด็กต้องเก่งที่สุด แต่ต้องการให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพของตนเองให้สูงที่สุด และเรียนอย่างมีความสุข

             

            ในอนาคตทางโรงเรียนจะเปิดสอนเพิ่มอีก 3 วิชา คือ วิชาวิทยาศาสตร์ ภาษาจีน และสังคมศึกษา ผู้ปกครองคนไหนสนใจก็สามารถติดต่อเพื่อขอทดลองเรียน 4 บทเรียนแรก สำหรับหลักสูตรของน้อง ๆ ชั้น ป.4-ป.6 ได้ในราคาเพียง 990 บาท  มี 2 วิชาให้เลือก คือ คณิตศาสตร์หรือภาษาอังกฤษ

            MC Academy MC Academy MC Academy

            หนังสือและเกมส์เสริมทักษะต่างๆ ให้เด็กเล่นและอ่านฟรี

             

            Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

            1. วันไหนคุณพ่อคุณแม่ติดธุระไม่สามารถพาเด็ก ๆ มาเรียนที่โรงเรียนได้ ทางโรงเรียนก็มีระบบเรียนออนไลน์แบบ Livestream เรียนพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้อง เพื่อให้เด็กไม่ต้องขาดเรียน
            2. ที่นี่มีเกมส์เสริมทักษะมากมายให้เด็ก ๆ เล่นเพื่อผ่อนคลาย แถมยังได้พัฒนาสมองไปในตัว
            3. พนักงานน่ารัก พูดคุยเป็นกันเอง ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกสบายใจ
            4. โรงเรียนอยู่ใจกลางเมือง ในห้างสรรพสินค้า MBK ชั้น 6 Zone D (Learning Hub) เดินทางสะดวกมาก

             

            MC Academy

            คุณสุนันทา ดีจงกิจ กรรมการ บริษัท Marshall Cavendish International Thailand

             

            ที่อยู่ MC ACADEMY

            ชั้น 6 Zone D (Learning Hub)

            MBK Center ,444 ถ.พญาไท เขตปทุมวัน กทม .10330

            โทร. (+66) 96-932-7818

            Email: [email protected]

            Website: https://www.mcacademy.in.th/

            Facebook: https://www.facebook.com/mcacademy.th
            Line:  https://lin.ee/BlqCnmn

             

            Editor: แม่เลม่อน

            ภาพ :  เนาวพจน์  โพธิเกษม

              “ดิสนีย์ ประเทศไทย” และ “สยามพารากอน” จัดงานฉลอง 90 ปี โดนัลด์ ดั๊ก แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ก๊าบ ก๊าบ

              “ดิสนีย์ ประเทศไทย” และ “สยามพารากอน” ร่วมกันจัดงานป๊อปอัพอีเวนต์  “ ฉลอง 90 ปี โดนัลด์ ดั๊ก แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ก๊าบ ก๊าบ ” ครั้งแรกในเมืองไทยที่แฟนชาวไทยจะได้ร่วมเฉลิมฉลองสุดพิเศษ

              เนรมิตพื้นที่กว่า 190 ตารางเมตรให้เป็นพื้นที่แห่งการเฉลิมฉลองให้กับโดนัลด์ ดั๊ก ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 7 – 15 มิถุนายนนี้ ตระการตาไปกับโดนัลด์ ดั๊กขนาดยักษ์, มุมถ่ายรูปสุดชิค และกิจกรรมมากมายภายในงาน พร้อมโอกาสในการ Meet & Greet กับคาแรกเตอร์โดนัลด์ ดั๊ก ในวันที่ 7-9 มิถุนายน ตลอดจนป๊อปอัพสโตร์ที่รวบรวมสินค้าคอลเลกชันพิเศษในธีม 90 ปี จากหลากหลายแบรนด์
              ชั้นนำมาให้ทุกคนได้เลือกชอปตลอดงาน

               

              โดนัลด์ ดั๊ก ปรากฏตัวครั้งแรกในวันที่ 9 มิถุนายน 1934 ใน The Wise Little Hen ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Silly Symphony โดยเดิมทีถูกวางตัวเป็นเพียงตัวประกอบที่เดินเตาะแตะไปมาในเรื่องเท่านั้น ปัจจุบัน โดนัลด์ ดั๊กเป็นที่รู้จักของแฟนทั่วโลกในฐานะหนึ่งในเพื่อนสนิทของมิคกี้ เมาส์และกู๊ฟฟี่ โดนัลด์ ดั๊กมีนิสัยน่ารัก เจ้าอารมณ์เฮฮา และบางครั้งก็หงุดหงิดกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่น่ารำคาญในชีวิตประจำวัน หลายๆ คนจึงพบว่าตัวเองมีบุคลิกเหมือนโดนัลด์ ดั๊ก นอกจากนั้น โดนัลด์ ดั๊ก ยังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดแคมเปญมากมาย อาทิ Mickey Go Thailand ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยผ่านมิคกี้ เมาส์และผองเพื่อน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนชาวไทย 

              ในโอกาสพิเศษเฉลิมฉลอง 90 ปีโดนัลด์ ดั๊ก จึงนับเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ ดิสนีย์ ประเทศไทยได้ร่วมกับสยามพารากอนจัดงาน “ฉลอง 90 ปี โดนัลด์ ดั๊ก แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ก๊าบ ก๊าบ” เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับทุกคน และเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่โดนัลด์ ดั๊กจะมาสร้างโมเมนต์ความประทับใจในงานป๊อปอัพอีเวนต์ดังกล่าวให้กับแฟนๆ อย่างยิ่งใหญ่ ทั้งกิจกรรมความสนุกหลากหลายโซน รวมถึงโอกาสในการ Meet & Greet กับโดนัลด์ ดั๊กตัวจริงและพิเศษสุดวันที่ 9 มิถุนายน พบกับกิจกรรม Donald Duck Birthday Surprise นอกจากนี้แฟนๆ จะได้เพลิดเพลินไปกับป๊อปอัพสโตร์อัดแน่นไปด้วยสินค้าลิขสิทธิ์ลวดลายโดนัลด์ ดั๊กจากหลากหลายแบรนด์ดัง ได้แก่ กลุ่มของเล่น แบรนด์ MakeItLoud และ Take Toys, กลุ่มเครื่องประดับ แบรนด์ Ravipa, กลุ่มเสื้อผ้า แบรนด์ Characters Studio, กลุ่มเครื่องหอม แบรนด์ Yunic และกลุ่มลิปส์ แคร์ แบรนด์ NIVEA 

              นางสาวโสภิดา กิติโกมลสุข ผู้บริหารสายงาน Global Event Management สยามพารากอน กล่าวว่า
              “สยามพารากอน นับเป็น ‘Global Destination’ จุดหมายปลายทางระดับโลก และเป็นที่หนึ่งในใจของทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก เรามุ่งมั่นมอบประสบการณ์เหนือระดับ แปลกใหม่ และสร้างความตื่นเต้นประทับใจให้แก่ลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวมาโดยตลอด สยามพารากอนมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับดิสนีย์ ประเทศไทยในการร่วมฉลองครั้งสำคัญ 90 ปี โดนัลด์ ดั๊กที่สยามพารากอน เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับและความสุขให้กับแฟนๆของโดนัลด์ ดั๊กทั้งในเมืองไทยและจากทั่วทุกมุมโลก”

              สนุกกับเจ้าเป็ดแสนซนโดนัลด์ ดั๊กกับกิจรรมใน 6 โซน

              รับพาสปอร์ตธีมโดนัลด์ ดั๊ก สำหรับร่วมสนุกกับกิจกรรมใน 6 โซน เมื่อร่วมทำกิจกรรมและได้รับสแตมป์ครบทั้ง 6 ดวง รับของที่ระลึกเข็มกลัดโดนัลด์ ดั๊ก 

              โซนที่ 1 The Giant Donald Duck Inflatable ไซส์ยักษ์กว่า 5 เมตร ต้อนรับทุกคนเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินก่อนเข้างาน 

              โซนที่ 2 ถ่ายภาพกับ Donald Duck & Daisy Duck มุมถ่ายรูปสุดน่ารักกับการตกแต่งด้วยธีมชิงช้าลวดลายโดนัลด์ ดั๊กและเดซี่ ดั๊ก ให้ทุกคนได้ร่วมเก็บภาพความประทับใจ

              โซนที่ 3 Donald Duck Special Activity พลาดไม่ได้กับโอกาสในการ Meet & Greet กับคาแรกเตอร์โดนัลด์ ดั๊กในวันที่ 7-9 มิถุนายน และกิจกรรมถ่ายวิดีโอ 360 องศา ในวันที่ 10-15 มิถุนายน

              โซนที่ 4 Birthday Wish Wall ร่วมอวยพรวันเกิดให้โดนัลด์ ดั๊ก ผ่านกิจกรรมอินเตอร์แอคทีฟระบายสีเค้กดิจิทัลอวยพรวันเกิดในรูปแบบดิจิทัลที่จะปรากฎขึ้นบนจอ LED ภายในงาน 

              โซนที่ 5 Photobooth เก็บความทรงจำด้วยจุดถ่ายรูปโฟโต้บูธ เฟรมดีไซน์พิเศษและยังสามารถดาวน์โหลดเก็บเป็นไฟล์ดิจิทัลได้อีกด้วย พิเศษสำหรับคนที่เข้าร่วมงาน 20 คนแรกต่อวัน ที่แสดงพาสปอร์ตโดนัลด์ ดั๊ก รับโค้ดถ่ายรูปทันที และ 90 คนแรกที่เข้าร่วมงานในวันที่ 9 มิถุนายน รับโค้ดถ่ายรูปทันที ไม่มีค่าใช้จ่าย

              โซนที่ 6 ป๊อปอัพสโตร์รวบรวมสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชันพิเศษเพื่อฉลอง 90 ปี โดนัลด์ ดั๊กจากหลากหลายแบรนด์ดัง ได้แก่ กลุ่มของเล่น แบรนด์ MakeItLoud และ Take Toys, กลุ่มเครื่องประดับ แบรนด์ Ravipa, กลุ่มเสื้อผ้า แบรนด์ Characters Studio, กลุ่มเครื่องหอม แบรนด์ Yunic และกลุ่มลิปส์ แคร์ แบรนด์ NIVEA

               

              ชอปเพลินกับสินค้าลิขสิทธิ์ในธีมโดนัลด์ ดั๊ก 90 ปี

              พบกับอาร์ตทอยสุดน่ารักจาก MakeItLoud กับฟิกเกอร์ Blop Blop ซีรีส์สุดพิเศษที่มีวางจำหน่ายเฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้าเป็ดจอมป่วนโดนัลด์ ดั๊ก โดยฟิกเกอร์แต่ละตัวจะมี Serial Number ระบุชัดเจน ผลิตด้วยวัสดุไวนิลโปร่งใส คุณภาพสูง ขนาด 10-14 ซม. โดดเด่นด้วยบอลขนเฟอร์สีเฉพาะของแต่ละคาแรกเตอร์

              ตุ๊กตาเจ้าเป็ดน้อย Disney Starry Eyes Donald Duck และ Disney Starry Eyes Daisy Duck จาก Take Toys,เครื่องประดับ RAVIPA ที่หยิบเอาแรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์และไอคอนิกต่างๆ ของโดนัลด์ ดั๊ก อย่าง ลายเซ็น, หมวกกะลาสีเรือ และหางเป็ดโดนัลด์ ดั๊กมาออกแบบและนำเสนอเครื่องประดับที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, แหวน และต่างหู

              เสื้อผ้าจาก Characters Studio เสื้อสไตล์แนวเรโทรสุดคลาสสิค ออกแบบด้วยสีโทนกลางเหมาะสำหรับเพศทุกวัยและแนวคิดจากธีม 90 ปี โดนัลด์ ดั๊ก, เครื่องหอมลวดลายลิขสิทธิ์แบรนด์แรกในไทยจาก Yunic กับก้านไม้หอมและเทียนหอมกลิ่นต่างๆ ที่มาเปิดตัวคอลเลกชันครั้งแรกภายในงาน 

              ลิปบาล์มจาก NIVEA 4 สูตรใหม่ ที่มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ลวดลายมิคกี้ เมาส์และผองเพื่อน เต็มไปด้วยสารบำรุงสกัดจากธรรมชาติ อย่าง Shea Butter, Natural Oil และ Vitamin E ช่วยบำรุงริมฝีปากชุ่มชื้นยาวนาน ดีไซน์พิเศษ 4 ลวดลาย ได้แก่ ลิปนีเวียออริจินัลลายมิคกี้ เมาส์, ลิปนีเวียเชอร์รีลายมินนี่ เมาส์, ลิปนีเวียไฮโดรลายโดนัลด์ ดั๊ก และลิปนีเวียซอฟท์โรสลายเดซี่ ดั๊ก 

              พิเศษ! สำหรับคนที่เกิดในเดือนมิถุนายน 90 คนแรกที่เข้าร่วมงานในวันที่ 9 มิถุนายน พร้อมลงทะเบียนหน้างาน รับของขวัญที่ระลึกสุดเซอร์ไพรส์ลายโดนัลด์ ดั๊ก อาทิ เข็มกลัด, กล่องเก็บของ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีสิทธิ์สำหรับสมาชิก ONESIAM SuperApp 90 คนแรกที่มาร่วมงาน รับฟรีพวงกุญแจโดนัลด์ ดั๊ก 

               

              ร่วมสนุกไปกับเจ้าเป็ดแสนซน โดนัลด์ ดั๊ก ในวันที่ 7-15 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.00-22.00 น. 

              ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน

              #DonaldDuck90th #DisneyThailand #SiamParagon

                ชัมบาลาเนิร์สเซอรี่ โรงเรียนอนุบาลกลมเกลียว ศูนย์การเรียนผูกมิตร บูรณาการชั้นยอด วิชาการชั้นเยี่ยม

                ชัมบาลาเนิร์สเซอรี่ โรงเรียนอนุบาลกลมเกลียว ศูนย์การเรียนผูกมิตร โรงเรียน 3 ภาษา และ ภาษา Coding บูรณาการชั้นยอด วิชาการชั้นเยี่ยม อบอุ่นหัวใจทั้งผู้เรียนและผู้ปกครอง

                เมื่อซอยโชคชัยสี่ไม่ได้มีดีแค่อาหาร ! แต่ยังมีโรงเรียนเล็ก ๆ ที่มีคุณภาพ “ล้นแก้ว” ตั้งอยู่ด้วย School Visit วันนี้ ขอต้อนรับเข้าสู่ ชัมบาลาเนิร์สเซอรี่ (เนิรส์เซอรี่) , โรงเรียนอนุบาลกลมเกลียว (อนุบาล) , ศูนย์การเรียนผูกมิตร (ประถม) โรงเรียน 3 ภาษา สำหรับนักเรียน 3 ช่วงวัย ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันย่านโชคชัยสี่ โรงเรียนดี ๆ ที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น เนอสเซอรี่ อนุบาล และชั้นประถม โดยใช้การเรียนการสอนเป็นแบบบูรณาการ 100% จึงทำให้การมาโรงเรียนของเด็ก ๆ ในทุก ๆ วัน คือ “วันแห่งความสุขและสนุกสนาน” แถมยังภาษาเด่น ความรู้แน่น แวดล้อมด้วยผู้คนอารมณ์ดีอีกด้วย

                ชั้นเรียนน้องเล็กเตรียมอนุบาลที่ชัมบาลา เนอสเซอรี่

                ชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลกลมเกลียว

                พี่ ๆ ชั้นประถมที่ศูนย์การเรียนผูกมิตร

                 

                Learn : หลักสูตรที่สรรค์สร้างด้วยใจ

                การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพต้องเกิดจาก “ความรู้สึกที่ดีภายในจิตใจ” ของแต่ละบุคคลไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อยก็ตาม

                Teach and Care

                ที่ชัมบาลาเนิร์สเซอรี่ , โรงเรียนอนุบาลกลมเกลียวและศูนย์การเรียนผูกมิตร ใช้ทฤษฎี แม่ – ลูก เพราะความรัก ความเมตตาเป็นพื้นฐานในการสร้าง “ความมั่นคงทางจิตใจ” ให้เด็ก ๆ “ไว้วางใจ” ตั้งแต่แรกเข้าเนอสเซอรี่เพราะเมื่อเด็ก ๆ ปรับตัวได้คราวนี้ก็จะถึง Step “กล้าที่จะเรียนรู้” ค่ะ

                เหล่าซือ (คุณครูภาษาจีน) และ Teacher จะใช้เวลาร่วมกับเด็ก ๆ ตลอดเวลา เพื่อสร้างความคุ้นเคยและเรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติอันเกิดจากบทสนทนา – การปฏิสัมพันธ์ รวมไปถึงการพัฒนาด้านอารมณ์และสังคม ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องแปลกใจ หากเด็ก ๆ อยากอยู่ที่โรงเรียนนาน ๆ เพราะเด็ก ๆ จะรู้สึกสบายใจเหมือนอยู่ที่บ้านค่ะ

                กิจกรรมต่างๆ ของเด็ก ๆ

                 

                Activity-Based Learning สู่ความสามารถทางวิชาการที่โดดเด่น

                3 ภาษา แสนสนุก : สมองของเด็ก ๆ เปรียบเสมือนฟองน้ำที่สามารถดูดซับ อุ้มน้ำได้มาก และก็ใช้งานได้ดีเมื่อมีความชุ่มชื้น สามารถเรียนรู้และมีความจุมาก..ความรู้จะเก็บเป็นคลัง รอคอยวันที่จะหยิบออกมาใช้ ดังนั้นการเรียนภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ไปพร้อมกันเลยตั้งแต่เล็ก ๆ จะทำให้เด็ก ๆ มีคลังคำศัพท์ที่มากขึ้นเป็น 3 เท่าตัว และเป็นคำศัพท์ที่ทำให้เด็ก ๆสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ อีกด้วย

                กิจกรรมในชั้น : คุณครูจะเป็นผู้ชี้แนะ ในขณะที่นักเรียนจะเป็นผู้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงผ่านกิจกรรม

                โดยเด็กๆจะได้ลงมือทำและสัมผัสด้วยตนเองเพื่อเกิดการเรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ด้วยสมอง 2 มือ หัวใจ และความไว! ใช่ค่ะความไว (ที่ไม่ใช่การแข่งขันเสมอไป) และทุกกิจกรรมที่ ทีมแม่ ABK ไปแอบส่อง เกือบทุกคลาสเด็กๆ ไม่ได้ Station กันอยู่ที่โต๊ะ แต่กำลังสนุกกับเกมส์กิจกรรม ดีเลยค่ะ! เป็นการเรียนรู้ที่ได้ทั้งประสบการณ์และพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ เหมาะสมต่อ “เด็กวัยกำลังเตรียมความพร้อม” อย่างแท้จริง

                เรียนภาษาต่าง ๆ

                 

                ความสามารถทางวิชาการ

                แม้จะเป็นโรงเรียนแนวบูรณาการแต่ความสามารถทางวิชาการของโรงเรียนก็โดดเด่น รูปแบบการเรียนการสอน ถึงแม้จะเป็น Activity-Base แต่ก็ได้รับการวางเป้าหมายมาสำหรับทุกระดับชั้นไว้แล้ว

                เมื่อนักเรียนจบอนุบาล 3 นักเรียนจะสามารถสอบภาษาอังกฤษ Cambridge Starter ผ่าน ส่วนชั้นประถมศึกษา เน้นวิชาหลักได้แก่ ภาษาไทย จีน อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดยนักเรียนชั้น ป.2 – ป.6 จะสามารถสอบ TEDET ของแต่ละชั้นผ่าน (TEDET คือข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ย่อมาจาก Thailand Educational Development and Evaluation Tests)

                วิชาคณิตศาสตร์ ใช้วิธีการสอนให้นักเรียนเห็นภาพ ลงมือปฏิบัติให้เป็นประสบการณ์ ทำให้นักเรียนเข้าใจอย่างถ่องแท้

                เมื่อจบ ป.6 นักเรียนจะสามารถสอบผ่าน HSK3 (วิชาภาษาจีน ) และสามารถสอบผ่าน Young Learning English Test (YLE) ของ Cambridge ได้ (วิชาภาษาอังกฤษ )

                 

                เมื่อทฤษฎีครบก็ต้องทดลองใช้จริง

                ในช่วงปิดเทอมทางโรงเรียนจัดทัศนศึกษาเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เข้าเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยต่างๆ การเดินทางนี้เด็ก ๆ จะได้ไปทดลองใช้ทักษะทางด้านภาษาและทักษะชีวิตที่ได้ฝึกปฏิบัติมาลองในสนามจริงเลยค่ะ เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจว่าสนใจอยากจะเรียนต่อ ไปต่อทางด้านไหน

                เรียนในห้องบ้าง เรียนนอกห้องบ้าง

                 

                มื้ออาหารของเด็กๆ

                โรงเรียนจัดเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ ไว้ทั้งหมด 5 มื้อด้วยกัน ได้แก่ มื้อเช้า – กลางวัน – เย็น – และมื้อว่าง 2 มื้อ คุณพ่อคุณแม่ไว้ใจด้านโภชนาการได้อย่างเต็มร้อย เพราะวัตถุดิบสะอาด มีคุณภาพ เมนูเหมาะสมตามวัย แถมเด็ก ๆ ยังได้ช่วยเหลือตนเองอย่างเต็มที่ด้วยนะคะ เท่านี้คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถไปทำงานได้อย่างไร้กังวลแล้วค่ะ

                ห้องต่าง ๆ ของน้อง ๆ เนอสเซอรี่

                บรรยายภาพ 21 มีห้องกักยุงและเครื่องดักยุงก่อนจะเข้าไปถึงพื้นที่การเรียนรู้

                 

                ชีวิตในบ้านชัมบาลาและบ้านกลมเกลียว

                สัปดาห์แรกของเด็กที่เพิ่งเข้าเรียน จะมีคุณครูตามประกบดูแลให้ความใส่ใจอย่างเต็มที่ เพื่อให้น้องใหม่สบายใจ ไว้ใจคุณครู สถานที่และค่อย ๆ ปรับตัว ( จะเล่นก็ได้ หรือทำอะไรก็ได้ ) และน้องใหม่จะเข้าชั้นเรียนเมื่อพร้อม

                ความสะอดาดและความปลอดภัยของชั้นเนอสเซอรี่ดีเยี่ยม เพราะมีเครื่องฟอกอากาศ เครื่องใช้ เครื่องนอนของเด็กๆ – ทางโรงเรียนเป็นผู้ดูแลความสะอาดเพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน และมีพยาบาลวิชาชีพ 2 คน แบบ Full time เพื่อดูแลนักเรียนแบบ Active เชิงรุก

                 

                ชีวิตในบ้านผูกมิตร

                นอกเหนือจากความสามารถทางวิชาการที่ได้รับการปูพื้นฐานมาอย่างดีตอนชั้นปฐมวัย หลักสูตรของพี่ประถม “ผูกมิตร” จะเพิ่มทักษะชีวิตเข้าไปอย่างแน่น ๆ เลยค่ะ

                พื้นที่การเรียนรู้มีถึง 2 แคมปัส (อยู่ใกล้ ๆ กัน) แคมปัสหลักคือที่เดียวกันกับฝั่งเนอสเซอรี่และอนุบาล อีกแห่งคือ ผูกมิตรพูลวิลล่า

                การใช้ชีวิตที่พูลวิลล่าคล้ายกับ day-camping เลยค่ะ นักเรียนจะได้ออกกำลังกาย (P.E.) ทำอาหารเอง (คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การงาน) เรียนว่ายน้ำแบบ 1:1 (P.E. + ทักษะการเอาตัวรอด รวมไปถึงการทำ CPR) และกิจกรรมอื่น ๆ อีกเพียบ บูรณาการล้วน ๆ

                ที่ผูกมิตรพูลวิลล่า ไม่มีแม่ครัวและแม่บ้าน เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การแบ่งหน้าที่ การจัดสรรเวลาเพื่อทำกิจวัตรและกิจกรรม นี่คือการสร้าง EQ และ MQ ในเวลาเรียน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไปเลยค่ะ

                โรงเรียนมีพื้นที่สีเขียวเป็นจำนวนมาก แม้จะอยู่ในกรุงเทพ บรรยากาศยังคงสดชื่น

                พื้นที่จอดรถและพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้ครอบครัวมาใช้เวลากันได้เต็มที่

                สระว่ายน้ำส่วนตัวของผูกมิตรพูลวิลล่า – สามารถมาใช้งานกันได้ทั้งครอบครัว (ครั้งละ 1 ครอบครัว)

                 

                Environment :

                พื้นที่การเรียนรู้และใช้ชีวิตของเด็ก ๆ ทั้ง 3 ช่วงวัย (เนอสเซอรี่ อนุบาลและประถม) จะแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนตามกิจวัตร ทั้งห้องเรียน ห้องทำกิจกรรม พื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ห้องอาหาร และห้องนอนกลางวัน สำหรับเด็กเล็กที่สามารถปรับความสว่างของแสงได้จนเหมือนตอนกลางคืน

                ภายในโรงเรียนยังมีพื้นที่สีเขียวและที่จอดรถเพียงพอสำหรับทุกครอบครัว เพราะทางโรงเรียนคำนึงถึง “ช่วงเวลาอันมีค่า” ที่ผู้ปกครองสามารถจอดรถเพื่อเดินลงมาส่งเด็ก ๆ ด้วยตนเองได้ (ไม่ใช่แค่ drop-off แล้วรีบไป) สามารถลงมาพูดคุย พบปะ กับผู้อำนวยการ คุณครูหรือผู้ปกครองท่านอื่นๆได้ทั้งเช้าและเย็น หรือรอเด็ก ๆ ทานอาหารและเล่นในสนามอย่างเต็มที่ก่อนจะกลับบ้าน

                โรงเรียนให้ความสำคัญกับผู้ปกครอง สามารถเรียนภาษาไปพร้อมกับลูก ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงมีชั้นเรียนพิเศษสำหรับผู้ปกครองที่สนใจศึกษาด้านภาษาจีน (HSK1) โดยคุณตั๊กกี้ (ผู้อำนวยการโรงเรียน) เป็นผู้ดำเนินการสอนค่ะ

                ครอบครัว “ทัศนะบรรจง” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 2 เจเนอเรชั่นส์

                 

                Mommy’s love this ถูกใจแม่!

                ความสามารถทางวิชาการเด่น ภาษายอดเยี่ยม สุขภาพจิตแจ่มใส เด็กจะเรียนอย่างมีความสุขทุกวัน

                โรงเรียนให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมาก ผู้ปกครองหรือเด็ก ๆ สามารถพบปะเพื่อพูดคุยกับคุณครูได้ตลอดเวลา รู้สึกอบอุ่นและสบายใจ เหมือนทุกคนเป็นคนในครอบครัว

                คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ในเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยได้ เพราะมีการดูแล (สุขภาพ) เชิงรุกอย่างทั่วถึง

                ทางโรงเรียนเตรียมอาหารไว้ให้เด็ก ๆ 5 มื้อ รับรองว่าเด็ก ๆ อิ่มท้องแน่นอน

                 

                 

                อัตราค่าเล่าเรียน

                ชัมบาลา เนอสเซอรี่ รายเทอม 60,000 บาท ( 1เทอม 3 เดือน )

                โรงเรียนอนุบาลกลมเกลียว รายเทอม 90,000 บาท (180,000 บาทต่อปีการศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า )

                ศูนย์การเรียนผูกมิตร รายเทอม 90,000 บาท (180,000 บาทต่อปีการศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า )

                 

                ชัมบาลา เนอสเซอรี่/โรงเรียนอนุบาลกลมเกลียว/ศูนย์การเรียนผูกมิตร

                65/19 ซอยโชคชัย 4 แยก 75 (สุดซอย) แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230

                โทรศัพท์ 080-496-3546 081-919-6335

                อีเมล : [email protected]

                Line@ klomkleoschool

                Facebook : ShambalaAndKlomkleo

                 

                Editor : แม่พลอยผิง

                ภาพ : ธนายุต วิลาทัน , สุดารัตน์ หาญชนะ

                  Thinkberry International Preschool

                  Thinkberry International Pre-School เรียนรู้จากธรรมชาติอย่างเป็นธรรมชาติ ผสานพัฒนาการ ประสบการณ์และความสุขสุดลงตัว

                  คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินคำว่า Reggio Emilia (เรกจิโอ เอมิเลีย) ไหมคะ?

                  เรกจิโอ เอมิเลีย เป็นแนวคิดที่มีหลักสำคัญ คือ การเรียนรู้เกิดจากปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่ ซึ่งหมายความว่าชุมชนที่อยู่โดยรอบจะเป็นตัวกำหนดและมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก เช่น อาคารสถานที่ วิถีชีวิต วัฒนธรรม พ่อแม่ เพื่อน หรือแม้แต่สัตว์ ล้วนที่สำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็ก ..เรียนรู้แบบเรียบง่ายแต่ได้ผลมาก

                  Thinkberry International Pre-School ในซอยโยธินพัฒนา ที่ School Visit พาทุกท่านมารู้จักในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่ควรปักหมุดไว้เลยค่ะ เพราะเด็ก ๆ จะได้ประสบการณ์และพัฒนาการที่ดีอย่างเต็มเปี่ยม..รอบรู้ อย่างเรียบง่าย ด้วยหลักสูตรที่ออกแบบและพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญการศึกษาของเด็กปฐมวัยของทางโรงเรียนเอง

                  ความสนุกเริ่มต้นขึ้นที่นี่เลย

                   Corners of Learning ภายในห้องเรียน

                  เด็กๆจะได้เรียนนอกห้องทุกวันเพราะธรรมชาติเองก็เปลี่ยนแปลงทุกวัน

                   

                  Learn : Play-Based + Nature Based

                  หลักสูตรเฉพาะของทางโรงเรียนเป็นการผสมผสานระหว่าง British Curriculum ( Early Years Foundation Stage หรือ EYFS ) กับแนวคิดเรกจิโอ เอมิเลีย โดยใช้การเล่นเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์กับ surrounding ของเด็ก ๆ ตามรูปแบบของเรกจิโอนั่นเองค่ะ

                   

                  EYFS ให้ความสำคัญกับ 5 ปีแรกของเด็กๆ เพราะเป็น “ The part of Growing up ”

                  • Communication and Languages หรือ ภาษาและการสื่อสาร
                  • Physical Development หรือ การพัฒนาทางกายภาพ (กล้ามเนื้อ – ร่างกาย)
                  • Personal + Social Emotional Development หรือ พัฒนาการทางอารมณ์ของตนเองและต่อสังคม

                   

                  เพราะธรรมชาติของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน Thinkberry จึงพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดของเด็กๆแต่ละคน เพื่อการตอบสนองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ได้อย่างอิสระและรู้จักรับผิดชอบ

                  ที่ Thinkberry จัดการเรียนการสอนเป็น THEME BASED โดยการใช้ Natural Resource เช่น Theme : Spring Garden and Wonderful Creators, Theme : Plants and Flowers หรือ Theme : I can be anything เป็นต้นค่ะ

                  Celebrate the friend’s birthday month พร้อมการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษไปในตัว

                  ผีเสื้อจากวัสดุรักษ์โลก

                  เด็กๆเริ่มต้นตั้งแต่เตรียมดินเลยนะคะ

                  สร้างผลงานในกิจกรรม Love and Care ช่วงวันแห่งความรัก

                   

                  เด็กๆทุกคนจะได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นของเด็กปฐมวัยผ่านรายกิจกรรมรายวิชาต่อไปนี้

                  1. Literacy
                  2. Numeracy
                  3. Understanding of the World
                  4. EAD หรือ Expressive Art and Design

                   

                  Literacy

                  • โรงเรียนอินเตอร์จะใช้ภาษาอังกฤษ 100%
                  • Hearing / Listening, then Speaking – ได้ยิน ได้ฟัง แล้วจึงจะเริ่มออกเสียง = การเรียนภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ (Phonics)
                  • ใช้โปรแกรมการเรียนของ Read Write Inc. ที่นิยมกันในหมู่โรงเรียน UK และโรงเรียนอินเตอร์
                  • กิจกรรมและเกมส์ – สนุกสนานจนเด็ก ๆ ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเรียนอยู่ค่ะ
                  • Read Write Inc. ทำให้เด็ก ๆ อ่านและเขียนได้ในเวลาเดียวกัน
                  • ภายใน Year 1 เด็กสามารถอ่าน – เขียน (small paragraph) ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วค่ะ

                   

                  Numeracy

                  ใช้วิธีการเรียนหลากหลายรูปแบบเลยค่ะ ทั้งกิจกรรมและอุปกรณ์ เพื่อสร้างความสนุกและประสบการณ์

                  Numicrons เป็นอุปกรณ์การเรียนคณิตศาสตร์ที่ทำให้ “ค่าของตัวเลขจับต้องได้” เด็ก ๆ ได้ทั้งความรู้ด้านคณิตศาสตร์และภาษาไปในคราวเดียวกันเลยค่ะ

                   

                  Literacy Skills เกิดขึ้นจากการฟัง การพูด การใช้งานในชีวิตประจำวัน

                  การต่อบล็อกเป็นพื้นฐานของหลายศาสตร์เลยนะ

                  กลุ่มเล็กเพื่อโฟกัส

                   

                   

                  Real Life Study (Understanding of the World)

                  แนวคิดแบบ Reggio Emilia คือการเรียนรู้จากทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว Real Life Study ที่ Thinkberry คือการให้เด็ก ๆ เรียนรู้ผ่านวิถีชีวิตทั้ง การทำสวน Cooking Class Sensory ( ฝึกประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง ) Water Play ( การเล่นน้ำ ), พละ, Music Computer Coding และ STEM เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ว่าคอมพิวเตอร์ว่าคืออะไร  มีไว้ทำอะไร ทำงานอย่างไร ใช้สร้างอะไร  ส่วนประกอบมีอะไรบ้าง  ในขณะที่ Coding คือการเรียนรู้เรื่องทิศทางซ้าย ทางขวา การไปให้ถึงปลายทาง ส่วน Thai Class จะเรียนสัปดาห์ละ 3 คาบ และวิชาภาษาจีน Mandarin ชั้นเรียนภาษาจีนกลางหลังเลิกเรียน หากเด็กคนไหนต้องการปูพื้นฐานภาษาจีนกลาง

                  วิชาศิลปะและการออกแบบ EAD (Expressive Art and Design) จะผสานกับธรรมชาติ ใช้วัสดุจากธรรมชาติหรือวัสดุรีไซเคิล ในการสร้างสรรค์ผลงานหรือการทดลอง โดยเปิดอิสระให้เด็ก ๆ เต็มที่ ช่วยเสริมสร้าง Visualized หรือจินตนาการต่าง ๆ

                  ที่สำคัญเด็ก ๆ จะได้ทำ Project ด้วย (Project Approach) เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกความรักษ์โลก ได้อิสระเลือกหัวข้อที่แต่ละคนสนใจ  คุณครูจะคอยซักถามเพื่อให้เด็ก ๆ แสดงความคิดเห็น ให้พูด ให้เขียน ( ช่วยเหลือแต่ไม่ชี้นำ เพื่อให้เด็ก ๆ คิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ) แต่คุณครูจะสังเกตและ “เพื่อช่วยเสริมและเติมเต็ม” เพื่อให้เด็กๆได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ทุกคนจะได้ประดิษฐ์ชิ้นผลงานและนำมาจัดแสดง เด็กๆทุกคนภาคภูมิใจมากๆค่ะ

                  ขยับร่างกายกัน Rhythm and rhyme

                   

                  Coding ผ่านเกม

                   

                   EAD การสร้างผลงานให้ออกมาเป็น Visual ค่ะ

                  Life :

                  จำนวนนักเรียน ต่อ คุณครู ประมาณ 5 : 1 เพื่อการสังเกตและดูแลอย่างทั่วถึง คุณครูมีหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิดที่สุดโดยเฉพาะ ด้านการเรียนรู้ ความปลอดภัย ความสะอาดสุขอนามัย พัฒนาการของแต่ละคน

                  เด็ก ๆ จะเริ่มต้นวันด้วย

                  • Check-in Stone ลงชื่อเข้าเรียน คุณครูรอรับ
                  • เช็คอุณภูมิและความพร้อมของร่างกาย และเล่นนอกห้อง ( Areas of Learning )
                  • 30 เข้าห้องเพื่อ Homeroom Talk+ Express มีงานให้เด็ก ๆ ทำ เพื่อสร้างความรับผิดชอบ แนะนำการเล่น ( กับเพื่อน ) ให้ถูกต้อง
                  • 50 Snack เป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหมด เมนูหลากหลาย ผัก 5 สี ที่สำคัญไม่มีอาหารแปรรูป ไม่ทอด ไม่โซเดียม ( เด็ก ๆ จะได้รับการสอนให้เข้าห้องน้ำและล้างมือก่อนรับประทานทุกครั้ง )
                  • จากนั้นเด็ก ๆ จะเข้ากิจกรรมในชั้นเรียน + Freely Break + กิจกรรมอีก 1 คลาส แล้วจึงรับประทานอาหารกลางวันค่ะ
                  • หลังทานอาหารกลางวัน น้องเตรียมอนุบาลและ อ.2 จะนอนกลางวัน – เรียนรู้การดูแลเครื่องนอนและทำกิจวัตรด้วยตนเอง อ.3 – ไม่มีนอนกลางวันแล้วจะทำกิจกรรมต่อตอนบ่าย
                  • ช่วงบ่ายมี Afternoon snack และคลาสอีกนิดหน่อยก่อนกลับบ้าน
                  • หลังเลิกเรียนจะมีคุณครู เจ้าหน้าที่ ตรวจความเรียบร้อยทุกอย่างของเด็กๆก่อนจะกลับบ้านอีกครั้ง

                   

                  เพื่อให้การมาโรงเรียนคือ Great Time at school ของเด็กๆในทุกๆวันค่ะ

                   Check-in stone ใครมาโรงเรียนแล้วบ้างน้า

                  เรียนและเล่นอย่างมีความสุข

                  มุม Lunch Break และมุมนอนกลางวัน

                   

                  Different corners of learning

                  มุมแห่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในห้องที่หลายหลากมาก ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยตัวเอง ที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือ คุณครูสามารถสังเกตได้ด้วยว่า “เด็ก ๆ สนใจอะไรเป็นพิเศษ” ตัวอย่างของ Learning Corners ได้แก่ Reading Corner, UW Corner (Understanding of the World), Math Corner, Role play Corner เป็นต้นค่ะ

                   

                  MISTAKES? เรียนรู้จากความผิดพลาดคือสิ่งที่ดีมาก เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ๆ และสร้างความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคให้แก่เด็ก ๆ ค่ะ

                  มุมต่าง ๆ ในโรงเรียน

                   

                  Environment :

                  • Open Communication Book สมุดบันทึกการเรียนรู้ ชีวิตประจำวัน อุบัติเหตุ เรื่องแจ้งให้ทราบ “ทุกวัน” เช่น การทานอาหาร ( มาก-น้อย ควรเสริมอะไรเพิ่ม? ) การเรียนรู้ การเข้าห้องน้ำ การนอน เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ปกครองสามารถเข้าใจถึง condition ของลูก ๆ ในวันนั้นค่ะ หรือหากมีอะไรที่ผู้ปกครองอยากฝากให้คุณครูดูแลเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งกลับมาได้เช่นกัน
                  • การ Training ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ในบ้าน เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลี้ยงลูกและ support เด็ก ๆ ได้ อีกทั้งยังมีการ Training grand parents ด้วยเช่นกันค่ะ เพื่อให้พวกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลหลาน ๆ ได้ ทำอย่างไร? เล่นอย่างไร? ให้เด็ก ๆ ทำอะไรแทนการดูโทรทัศน์ เป็นต้นค่ะ
                  • Engagement การส่งภาพกิจกรรมของเด็ก ๆ ให้ผู้ปกครอง หลากหลายช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้ผู้ปกครอง “หายคิดถึง” เสมือนอยู่กับลูกตลอดวันแม้ลูกจะอยู่ที่โรงเรียนค่ะ

                   

                  Mommy Love This

                  1. ที่โรงเรียรมีโปรแกรม Read Write Inc. ที่จะทำให้เด็ก ๆ อ่านและเขียนได้ในเวลาเดียวกัน ผ่านการจำแนกแยกเสียง และกิจกรรม Environment sound, Musical sound, Body Percussion, Rhythm and rhyme, Alliteration, Voiced sound, Toy Talk
                  2. Close to Nature การเรียนรู้ที่ใช้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นตัวนำเป็นพื้นฐานต่อยอดไปสู่ทุกศาสตร์ อีกทั้งวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เด็กๆหยิบจับ – ใช้สอย ล้วนเป็นวัสดุธรรมชาติปลอดภัยไร้สารพิษ คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้สุด ๆ
                  3. Training ให้แก่ครอบครัว ที่สำคัญคือ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ด้วย
                  4. Physical Check-up การตรวจเช็คพัฒนาการทางร่างกายระหว่างเทอม น้ำหนัก – ส่วนสูง ว่าเป็นไปตามพัฒนาการไหม ไม่ต้องรอตรวจเช็คตามรอบฉีดวัคซีน หากเด็ก ๆ ต้องเพิ่มหรือลดอะไร สามารถดำเนินการได้ทันท่วงทีกันเลยทีเดียว
                  5. Open Communication Book รายวันที่ทำให้ผู้ปกครองทราบ condition ของลูก ๆ เพื่อส่งเสริมหรือรับมือกับเด็ก ๆ ได้อย่างถูกจุดค่ะ

                  กิจกรรมในแต่ละวัน outdoor และ indoor สลับกันไป

                   

                  ค่าเล่าเรียนของแต่ละระดับชั้น (3 เทอมต่อ 1 ปีการศึกษา)

                  Pre nursery I (Half day) Babies : 1.6 – 2 yrs. 70,000 บาทต่อเทอม

                  Pre nursery II (Half day) Toddlers : 2-3 yrs. 75,000 บาทต่อเทอม

                  Pre nursery I (Full day) Babies : 1.6 – 2 yrs. 95,000 บาทต่อเทอม

                  Pre nursery II (Full day) Toddlers : 2-3 yrs. 110,000 บาทต่อเทอม

                  Nursery 3-4 yrs. 125,000 บาทต่อเทอม

                  Reception 4-5 yrs. 135,000 บาทต่อเทอม

                  Key stage Year 1  5-6 yrs. 145,000 บาทต่อเทอม

                  (ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นค่าสมัคร ค่าอาหาร ข้อมูลเพิ่มเติม – ติดต่อทางโรงเรียนโดยตรง )

                  **โปรโมชั่นการสมัครเข้าเรียนของนักเรียนปีการศึกษานี้ – มีส่วนลดค่าเทอมสำหรับนักเรียนเต็มวัน 20% และฟรีค่าแรกเข้า (ปกติ 100,000 บาท)

                   

                  Thinkberry International Preschool

                  117 ถนนโยธินพัฒนา, แขวงคลองจั่น, เขตบางกะปิ, กทม. 10240
                  โทร : 66 (0) 2 077 8960

                  Website :  www.thinkberrypreschool.com

                  Facebook, Instagram, Youtube : Thinkberry International Preschool

                   

                  Editor : แม่พลอยผิง

                  ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

                    ABK Kids & Family Challenge : Let ‘s sing ABK song! สาย Coverเพลง ต้องห้ามพลาด!

                    ♦เวทีแจ้งเกิดสำหรับน้องๆ หนูๆ ที่ชื่นชอบการร้องเพลง สาย Coverเพลง มาถึงแล้ว >> บอกเลย Tiktoker ตัวจิ๋ว ต้องห้ามพลาด!! AMARIN BABY & KIDS จัดกิจกรรมสนุกๆ ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท!!!

                    ABK Kids & Family Challenge : Let ‘s sing ABK song! เชิญชวน เด็กๆ ที่ชื่นชอบในการร้องเพลง มา Cover เพลง  AMARIN BABY & KIDS กัน จะมาแบบทีม คุณพ่อคุณลูก คุณแม่คุณลูก หรือทั้งครอบครัว ก็ได้

                    กติกาการร่วมสนุกกับกิจกรรม Coverเพลง
                    “ABK Kids & Family Challenge : Let ‘s sing ABK song!”

                    1. กติกาการเข้าร่วมสนุกมีดังนี้

                    1.1 ลงทะเบียน ผ่านลิงก์ https://cooll.ink/Lets-sing-ABK-song/

                    (กดเข้าร่วมกิจกรรม “ABK Kids & Family Challenge : Let ‘s sing ABK song!”)

                    1.2 คลิกลิ้งก์สำหรับเนื้อเพลง Amarin Baby & Kids :  https://www.tiktok.com/@amarinbabyandkids/video/7377284642984135954?_t=8my3n80dWOl&_r=1

                    1.3 น้อง ๆ ต้องมีอายุ 3 – 8 ปี ถ่ายคลิปแนวตั้ง ร้อง Cover เพลง Amarin Baby & Kids ในสไตล์ของตัวเองความยาว 1 นาที (ในคลิปจะต้องมีคุณพ่อ หรือคุณแม่อยู่ด้วย*) อย่าลืม!พูดเชิญชวน “แล้วพบกันที่งาน Amarin Baby & Kids Fair Grow วันที่ 4 – 7 กรกฎาคม 2567 นี้  ที่ไบเทค บางนา”

                    *(กฏการโพสต์บน TikTok: เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีห้ามอยู่ในคลิปเพียงคนเดียว  และห้ามลงวิดีโอคอนเทนต์นั้น)

                    1.4  ติด แฮชแท็ก #ABKKidsandFamilyChallenge  #ABKGROW2024

                    1.5 โพสต์คลิปเพลงลงในบัญชี TikTok ของตนเอง โดยเปิดสาธารณะ และใส่แคปชั่น “พบกันที่งาน ABK Amarin Baby and Kids Fair Grow วันที่ 4 – 7 ก.ค. 67 ที่ไบเทค บางนา”

                    2. ผู้ได้รับการคัดเลือกต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่างให้ครบถ้วน และตรงตามเงื่อนไขเท่านั้น

                    3. ระยะเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ตั้งแต่วันนี้ – 29 มิ.ย. 67 เวลา 23.59 น. หากผู้เข้าร่วมกิจกรรมโพสต์ผลงานหลังจากเวลาที่กำหนด บริษัทฯ ขอตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรม

                    4. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องอ่านกติกา และเงื่อนไขในการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างชัดเจน บริษัทฯ จะถือว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทำความเข้าใจ และยอมรับกฏ กติกา  และเงื่อนไขในการเข้าร่วมทุกประการ

                    5. คลิปนี้ต้องไม่เคยเผยแพร่ในที่สาธารณะ ในช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม หรือต้องไม่เคยส่งเข้าประกวดที่ใดมาก่อน (หากตรวจพบภายหลัง ผลงานดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมทันที)

                    6. ผู้ได้รับการคัดเลือกทั้ง 10 ทีมที่ได้รับรางวัล ยินดีอนุญาตให้บริษัทอมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) นำคลิปที่ส่งเข้าร่วมกิจกรรมไปใช้เพื่อการโฆษณา และประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้

                    7. ผู้ได้รับการคัดเลือก 10 ทีมที่ได้รับรางวัล ยินดีอนุญาตให้บริษัทนำภาพไปใช้ในกิจกรรมเพื่อการโฆษณา และประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้เท่านั้น ภายในระยะเวลา 12 เดือน

                    8. คลิปที่ส่งเข้าประกวด หากทำผิดกฏ และกติกาอย่างหนึ่งอย่างใดข้างต้น จะไม่ได้รับการพิจารณา

                    9. คำตัดสินของทีมงาน Amarin Baby and Kids ถือเป็นที่สิ้นสุด

                    กำหนดการเข้าร่วมกิจกรรม

                    1. หมดเขตรับผลงานในวันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. 67 (ปิดระบบ เวลา 23.59 น.)
                    2. บริษัทฯ จะทำการตัดสินผู้โชคดีในวันที่ 2 ก.ค. 67 สถานที่ตัดสิน บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่เลขที่ 378 ถ ชัยพฤกษ์ แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170 โทรศัพท์: 02 422 9999 เวลา 17.00 น.
                    3. บริษัทฯ จะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัล 10 ทีม ในวันพฤหัสที่ 4 ก.ค 67 เวลา 11.00 น. ที่ Facebook: Amarin Baby & Kids และ TikTok: Amarin BabyandKids
                    4. ผู้ที่ได้รับรางวัลจะต้องแสดงตนโดยการยืนยันสิทธิ์ผ่านทาง Inbox (กล่องข้อความ) ที่ Facebook: Amarin Baby & Kids ภายในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค. 67 ก่อนเวลา 23.59 น. เท่านั้น หากไม่แสดงตนเพื่อยืนยันสิทธิ์ บริษัทฯ จะถือว่าท่านสละสิทธิ์


                    10
                    รางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ Coverเพลง ในประเภทต่าง

                    • หนูน้อยเสียงเพราะ 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยทำถึง 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยลิปซิงค์เป๊ะเว่อร์ 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยขวัญใจกรรมการ 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยสุดครีเอท 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยสายฮา 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยสุดยอดคอสตูม 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยอินเนอร์มาเต็ม 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อย Shining Star 1 รางวัล เงินสดมูลค่า 3,000 บาท
                    • หนูน้อยสุดยอด Perform  1 รางวัล   เงินสดมูลค่า 3,000 บาท

                    รายละเอียดในการรับของรางวัล “ABK Kids & Family Challenge : Let ‘s sing ABK song! “

                    1. ของรางวัลรวมมูลค่าทั้งสิ้น 30,000 บาท
                    2. ผู้ที่ได้รับรางวัลจะต้องแสดงตนโดยการยืนยันสิทธิ์ผ่านทาง Inbox (กล่องข้อความ) ที่ Facebook: Amarin Baby & Kids ภายในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค. 67 ก่อนเวลา 23.59 น. เท่านั้น หากไม่แสดงตนเพื่อยืนยันสิทธิ์ บริษัทฯ จะถือว่าท่านสละสิทธิ์
                    3. ขอสงวนสิทธิ์ในการรับของรางวัลผู้โชคดี 1 ท่าน/1 สิทธิ์ หรือ 1 ครัวเรือน/1 ทะเบียนบ้านเท่านั้น
                    4. ผู้ที่ได้รางวัลจะต้องชำระภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ของมูลค่าของรางวัล ให้กับบริษัทฯ (เป็นไปตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 ลงวันที่ 26 กันยายน 2528 ประกอบคำสั่งกรรมสรรพากร ท.ป. 104/2554 ลงวันที่ 15 กันยายน 2544) โดยที่บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในการชำระภาษีรายได้บุคคลประจำปี
                    5. เงินรางวัลไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้แก่บุคคลอื่นได้
                    6. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการมอบ, ยกเลิก, เพิกถอน, หรือเรียกคืนรางวัลทั้งหมด รวมทั้งเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย หากมีการใช้สิทธิร่วมรายการโดยทุจริต, ปลอมแปลง, ฉ้อฉล, เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในรายการนี้
                    7. บริษัทฯ มีสิทธิ์ในการขอเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ที่ได้รับรางวัลในทุกกรณี หากหลักฐานไม่ครบ บริษัทฯ จะถือว่าขาดคุณสมบัติที่จะได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ได้รางวัล และสงวนสิทธิ์ไม่มอบของรางวัลให้

                      โรงพยาบาลสุขุมวิท ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาในหัวข้อ “เช็คอาการ มะเร็งปอดรู้ก่อน รักษาทัน” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

                      🤒ทุกวันนี้มะเร็งปอด ยังเป็นมะเร็งอันดับต้นๆ ที่พบมากในคนไทย รวมถึงผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่เพิ่มมากขึ้น ทุกท่านจะได้ความรู้และการดูแลสุขภาพจากแพทย์ผู้ชำนาญการของ โรงพยาบาลสุขุมวิท

                      👉จึงขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาในหัวข้อ “เช็คอาการ มะเร็งปอดรู้ก่อน รักษาทัน” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน 2567 เวลา 08.30-12.00 น. ชั้น 5A พิเศษ! สำหรับผู้ลงทะเบียนภายในงาน 50 ท่านแรกรับฟรี กระบอกน้ำ Limited Edition

                      โดยได้รับเกียรติ จากนพ.ชนาพงษ์ กิตยารักษ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมทรวงอก นพ.ณัฐพงศ์ โตพิบูลย์พงศ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา และ พญ.กรองกาญจน์ กาญจนรัตน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านรังสีวิทยา มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ในประเด็นต่างๆด้วย❤️

                      ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียด และสำรองที่นั่งได้ที่

                      🔗ลงทะเบียน https://bit.ly/3yG9MRO หรือโทร : 02-391-0011 ต่อ 859, 860 (แผนกสื่อสารตลาด)

                      ———————————

                      ต้องการดูแลสุขภาพ ติดต่อโรงพยาบาลสุขุมวิทได้ที่

                      📞 Call center 24 ชม. : 02 391 0011

                      📩 Email : [email protected]

                      📩 Inbox Facebook : m.me/112495972170056

                      📩 LINE : @sukumvithospital (มี@) / https://page.line.me/sukumvithospital

                      💭 Website : http://www.sukumvithospital.com/

                      💭 Instagram : https://www.instagram.com/sukumvit_hospital/

                      YouTube : https://youtube.com/user/sukumvithospital

                      🏥 Maps : https://g.page/sukumvithospital?share

                      .

                      #Sukumvithospital #bangkok #WorldNoTobaccoDay #โรงพยาบาลสุขุมวิท #มะเร็งปอด #เช็คอาการมะเร็งปอดรู้ก่อนรักษาทัน #สัมนามะเร็งปอด #ฝุ่นPM2.5 #PM2.5 #โควิด19 #COVID19

                        Tags

                        แม่ผ่าคลอด พร้อมมั้ย? เริ่มตั้งแต่วันแรก สร้างสมองไวพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้เด็กผ่าคลอด

                        การผ่าคลอดมีผลต่อภูมิคุ้มกันและพัฒนาการทางสมองของลูก โดยมีงานวิจัยที่ยืนยันว่า เด็กที่ผ่าคลอดจะได้รับภูมิคุ้มกันตั้งต้นที่แตกต่างจากเด็กคลอดธรรมชาติ รวมไปถึงพัฒนาการทางสมองของลูกด้วย ซึ่งในช่วงขวบปีแรกเป็นช่วงที่สมองของลูกพัฒนาได้อย่างรวดเร็วที่สุด คุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ถึงจะต้องผ่าคลอดก็ไม่ต้องกังวล เพราะคุณแม่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเตรียมสมองของเด็กผ่าคลอดให้พร้อมได้ตั้งแต่วันแรก ด้วย สฟิงโกไมอีลิน และบีแล็กทิส ซึ่งเป็นสารอาหารที่พบในนมแม่

                        การคลอดแบบธรรมชาติ เด็กจะถูกคลอดผ่านช่องคลอดของแม่ ซึ่งทำให้ลูกได้รับเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์จากช่องคลอดของแม่ ส่วนการคลอดแบบผ่าคลอดนั้น ลูกจะถูกนำตัวออกมาผ่านหน้าท้องของแม่ จึงทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับจุลินทรีย์ที่ดีผ่านทางช่องคลอด ซึ่งถือว่าเป็นภูมิคุ้มกันแรกของลูกหลังจากลูกลืมตาดูโลก โดยจากการศึกษาพบว่า 1 ใน 7 ของเด็กผ่าคลอดอาจมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้ โดยพบว่าการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองในช่วงเริ่มต้นของเด็กผ่าคลอดมีการเชื่อมโยงที่แตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ นั่นจึงทำให้คุณ แม่ผ่าคลอด หลายคนรู้สึกกังวลเรื่องภูมิคุ้มกันและพัฒนาการทางสมองของลูกรัก โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรกที่ถือเป็นเวลาทองทางพัฒนาการของลูก เพราะเป็นช่วงที่สมองลูกพัฒนาได้รวดเร็วที่สุด คุณแม่ผ่าคลอด จึงต้องใส่ใจกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและพัฒนาการทางสมองให้ลูกเป็นพิเศษ

                        นมแม่ คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างและชดเชยสิ่งที่ขาดให้กับเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดก็แข็งแรงได้ เพราะนมแม่มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกายลูก อย่างสฟิงโกไมอีลิน ที่มีส่วนช่วยในการสร้างไมอีลินในสมอง ช่วยในการทำงานของสมอง ทำให้สมองสามารถส่งสัญญาณประสาทได้อย่างรวดเร็ว สามารถประมวลผลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ จดจำ คิดวิเคราะห์ และการพัฒนาสมองอย่างรวดเร็วเต็มศักยภาพ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ของลูกให้ดียิ่งขึ้น โดยจากการวิจัยค้นพบว่า การให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีสฟิงโกไมอีลินเร็วเท่าไหร่ กระบวนการพัฒนาของสมองของลูกก็จะยิ่งสร้างได้ไวเท่านั้น

                        มากไปกว่านั้นแล้ว นมแม่มีจุลินทรีย์กลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส หรือ โพรไบโอติก บี แล็กทิส (Bifidobacterium lactis หรือ B. lactis) ที่มีส่วนสำคัญสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรง และช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ บรรเทาอาการท้องผูก ลดการติดเชื้อ ลดการอักเสบ ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ได้ดี โดยเฉพาะในเด็กทารกที่ยังมีระบบขับถ่ายไม่แข็งแรง จุลินทรีย์นี้จะช่วยป้องกันอาการท้องเสียเฉียบพลัน และอาการลำไส้แปรปรวนได้

                        ดังนั้นแล้วคุณ แม่ผ่าคลอด เตรียมความพร้อมได้ตั้งแต่วันแรกด้วยนมแม่ ที่ช่วยสร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอด พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันเพราะมีสารอาหารที่สำคัญหลากหลายเช่น โปรตีน แคลเซียม ดีเอชเอ รวมไปถึง สฟิงโกไมอีลิน และ โพรไบโอติกบีแล็กทิส ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระบวนการการทำงานของสมองให้ลูกสมองไว และส่งเสริมภูมิคุ้มกันลูกให้แข็งแรง เพื่อพัฒนาการที่ดีและเตรียมความพร้อมให้ลูกได้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

                        ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
                        สร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอด พร้อมเสริมภูมิคุ้มกัน | S-Mom Club

                        Reference
                        1. Deoni S.C., et al. AJNR Am J Neuroradiol. 2019 Jan;40(1): 169–177.
                        2. Bentley J, et al. Pediatrics. 2016; 138:1-9.
                        3. Polidano C, et al. Sci Rep. 2017; 7: 11483.
                        4. Susuki K. Nature Education. 2010;3(9):59.
                        5. Floch MH,et al.J Clin Gastroenterol 2015;49:S69-S73

                          Tags

                          โรงเรียนจิตตเมตต์

                          เจาะลึก! แนวทางการเรียนการสอน โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) ให้เด็กๆ เรียนรู้ทักษะชีวิตพัฒนาตนเองอย่างมีความสุข

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) โรงเรียนทางเลือกที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาใช้ชีวิต
                          เรียนรู้ทักษะชีวิตและพัฒนาตนเองอย่างมีความสุข

                          ปูพื้นฐานและทักษะชีวิต เพื่อให้เด็กเติบโตไปด้วยความพร้อม

                          School Visit วันนี้จะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงแนวทางการเรียนการสอนของโรงเรียน จิตตเมตต์ (ปฐมวัย ) โรงเรียนทางเลือกย่านตลิ่งชัน ที่หลาย ๆ คนคงรู้จักและได้ยินชื่อเสียงกันมาบ้างแล้ว โรงเรียนจิตตเมตต์เปิดทำการเรียนการสอนมากกว่า 24 ปี โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ 2543  เป็นโรงเรียนที่มุ่งมั่นพัฒนาเด็กสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และเน้นพัฒนาทักษะชีวิต ให้เด็กเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติท่ามกลางธรรมชาติ และมองเห็นคุณค่าในตนเอง ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น เตรียมอนุบาล – อนุบาล 3  ตลอดระยะเวาลาที่ผ่านมา โรงเรียนมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนามาโดยตลอด ด้วยประสบการณ์ของความเป็นครู ผสมผสานกับความเป็นแม่ ทำให้โรงเรียนมองเห็นว่าการจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ หรือการเติบโตของเด็ก ๆ ในแต่ละคนนั้น มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่เป็นเรื่องราวที่สำคัญ   โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          บรรยากาศภายในและภายนอกอาคารเรียน ร่มรื่น อบอุ่นและสบายตา

                           

                          เรียนรวม คละชั้น คละวัย คละอายุ

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ เริ่มเรียนคละอายุเมื่อปี พศ. 2562 เพราะความเป็นจริงในธรรมชาติของมนุษย์ เราต้องอยู่ร่วมกันแบบคละวัย อยู่กับผู้คนที่หลากหลาย ทั้งอยู่ร่วมกับคนวัยเดียวกัน คนที่เด็กกว่าและคนที่โตกว่า ข้อดีของการเรียนคละอายุคือเมื่อมีการอยู่ร่วมกันแบบต่างวัย เด็กๆมีการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการเป็นต้นแบบและการได้เห็น ได้เป็นแรงบันดาลใจ การได้เป็นน้อง การได้เป็นพี่ รู้จักแบ่งปัน  ช่วยเหลือ มีความโอบอ้อมเอื้ออารีต่อกัน มีเมตตาต่อกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงแม้จะมีการทำตามกันการเลียนแบบก็เป็นไปตามวัยในทักษะสังคม ขณะเดียวกันเด็กแต่ละคนก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเอง เด็กๆมีความสามารถเลือกและประเมินตัวเองในการใช้ชีวิตได้ เช่น บางครั้งเขาอาจรู้สึกสบายใจ รู้สึกดีกว่าที่ได้เล่นกับน้องเล็ก มากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เพราะช่วงเวลานั้นเค้ารู้สึกเป็นฮีโร่ของน้อง ๆ  รู้สึกดีกับตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งเป็นการก่อร่างสร้างตัวของคำว่า SELF การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาตินี้เป็นเรื่องราวที่จะสอนให้เกิดขึ้นไม่ได้  เด็ก ๆ จะอยู่ร่วมกันแบบนี้ 3 ปี ในขณะเดียวกันกิจกรรมของโรงเรียนก็จะมีการทำกิจกรรมตามอายุในระดับชั้นเดียวกันด้วยเช่นกัน เช่น กิจกรรมดนตรีและการเคลื่อนไหวสำหรับอนุบาล 1  2 หรือ 3  และมีการจัดกิจกรรมเป็นคู่ห้องหรือคู่ระดับชั้น หรือทำพร้อมกันทั้งหมดในโรงเรียน

                           

                          กิจกรรมวัน Free day

                          โรงเรียนจะมี กิจกรรม Free day ทุกวันจันทร์ เด็ก  ๆ จะได้เรียนรวมกันแบบ คละห้อง คละวัย คละชั้น โดยจะมีฐานกิจกรรมให้เด็ก ๆ ทั้งหมด 6-7 ฐานบนพื้นที่ภายในโรงเรียน คุณครูจะชวนเด็กๆพูดคุยเพื่อให้ตัวเด็กเองได้ทราบข้อมูลเพื่อวางแผนลงในแผ่นบันทึกว่าสนใจฐานไหนบ้าง ซึ่งเด็กแต่ละคนอาจมีความสนใจที่ต่างกัน เด็กบางคนอาจจะอยากเข้าฐานทั้งหมด ก็ต้องวางแผนว่าอยากเข้าฐานไหนเป็นอันดับแรก จากนั้นเด็ก ๆ ก็จะไปเข้าฐานตามแผนของตัวเอง เมื่อจบกิจกรรมคุณครูก็จะชวนเด็ก ๆ มาพูดคุยและให้เด็ก ๆ ได้ประเมินตัวเองทั้งเรื่องความชอบและการทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะอะไร ตัวอย่างกิจกรรมนี้เด็กได้เรียนรู้เรื่องของอารมณ์ความรู้สึก การเลือกการตัดสินใจ การบริหารเวลา รวมถึงการได้รู้ด้วยตัวเองว่าอะไรคืออุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อการตัดสินใจ วางแผนและพัฒนาในครั้งต่อไป

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          ตารางกิจวัตร คือ ทักษะชีวิตอย่างหนึ่งที่เด็กจะได้เรียนรู้ว่า ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำอะไรบ้าง

                           

                          หลักสูตรสอดคล้องกับธรรมชาติและพัฒนาการของเด็ก

                          หลักสูตรของโรงเรียนจะถูกออกแบบขึ้นมาจากพื้นฐานทักษะชีวิตและธรรมชาติของเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยคำนึงถึง พัฒนาการ 4 ด้าน  EF (Executive Function) และ SELF โรงเรียนได้นำดนตรีและการเคลื่อนไหวกับศิลปะมาเป็นอีกหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ที่จะเชื่อมระหว่างโลกภายในตัวเค้าสู่โลกภายนอก อีกทั้งเรื่องของการเล่น ดิน ไม้ ทราย น้ำ และการอยู่กับธรรมชาติ เมื่อเราพูดถึงพัฒนาการความพร้อมก็จะมีความสัมพันธ์ของทั้งกายและใจ ซึ่งดนตรีและการเคลื่อนไหวกับศิลปะและสิ่งที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ทั้งหมด เด็ก ๆ จะได้เรียนที่ห้องศิลปะและห้องดนตรีเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งจะมีความแตกต่างจากที่คุณครูนำไปใช้กับเด็ก ๆ ในห้องเรียนในเรื่องของกระบวนการที่มีความเฉพาะจากคุณครูศิลปะและคุณครูดนตรี การเรียนดนตรีและการเคลื่อนไหวอาจไม่ใช่การเรียนเพื่อการเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่มันคือการที่เขาได้เห็น ได้ฟัง ได้ลงมือทำ ได้ใช้พื้นที่ ได้จับจังหวะ ซึ่งคำว่า “พื้นที่และจังหวะในที่นี้มีความหมายสอดคล้องกันระหว่างพื้นที่และจังหวะของชีวิต ทุกคนจะมีจังหวะเป็นของตัวเองซึ่งในบางครั้งก็ต้องเคลื่อนไหวบรรเลงและใช้ชีวิตไปพร้อมกับผู้อื่น”

                          เด็ก ๆ จะได้เรียนดนตรีและการเคลื่อนไหวด้วยแนวคิดของ Orff Schulwerk คือ การเรียนการสอนดนตรีที่สอดคล้องกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ที่ก่อให้เกิดความสุขและการเห็นคุณค่าในตัวเอง เราอาจจะไม่ได้เริ่มจากการเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เริ่มจากการรู้จักร่างกาย อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงและจังหวะ การปรบมือ ตบตัก แบบ Body Percussion มันคือเสียงธรรมชาติที่ทำให้เกิดดนตรี เกิดจังหวะได้ อีกทั้งการนำบทกลอน บทขับร้องอย่าง เช่น กาเอ๋ยกาบินมาไว ๆ เอามาผสมผสานกับการเล่นตบแผะ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับคุณครูว่าจะออกแบบอย่างไร  การเรียนแบบนี้ทำให้เด็กได้เห็น ได้เรียนรู้การสังเกตุหรือคาดเดาบางครั้งการเรียนดนตรีก็ไม่มีคำสั่ง เช่น เมื่อเด็กเข้ามาในห้อง ครูก็แค่ยิ้มต้อนรับ สบตาแล้วปรบมือ เด็กก็มานั่งแล้วก็ปรบมือตาม โดยที่ไม่ต้องมีคำสั่ง ใช้การเฝ้ามองสบตาและสื่อสารกัน Orff เป็นปรัชญาดนตรีที่สามารถปรับหรือออกแบบเพื่อนำไปใช้ได้อย่างหลากหลายตามบริบทของแต่ละพื้นที่ และใช้ได้กับคนทุกวัย ทุกวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้คือ ความเข้าใจในความแตกที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นการเรียนรู้ผ่านท่วงทำนอง คำร้อง ดนตรีและการเคลื่อนไหวอย่างมีความสุข หากมีเด็กที่ยังไม่พร้อมครูก็จะรอแบบให้กำลังใจ และชวนทำไปด้วยกันจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นความสัมพันธ์กันระหว่างแนวคิดนี้กับการเรียนรู้ของโรงเรียน

                          แนวคิดของ Orff Schulwerk และโรงเรียนได้ให้ความสำคัญกับการเข้าใจความเป็นธรรมชาติของเด็ก  เข้าใจความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ให้โอกาสในการพัฒนาศักยภาพผ่านทางดนตรีและการเคลื่อนไหว กิจกรรม การเล่นอย่างมีความสุข โอกาสที่ให้ทุกคนสามารถนำแนวคิดนี้ไปใช้ในบริบทของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้ในบริบทของบ้านก็ได้ โรงเรียนอื่นที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ก็นำไปใช้ในบริบทของแต่ละประเทศ ใช้เครื่องดนตรี บทเพลง บทกลอนและท่วงทำนองของแต่ละที่  และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่โรงเรียนกับ Orff Schulwerk  มีความสอดคล้องกัน

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          เครื่องดนตรี ตามแนวคิดของ Orff Schulwerk

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          เด็ก ๆ จะได้เรียนศิลปะ ที่หลากหลาย เพื่อฝึกกล้ามเนื้อและทักษะต่าง ๆ

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          เด็ก ๆ ได้เล่นกับธรรมชาติ

                           

                          สอนให้มองเห็นคุณค่าในตัวเอง

                          ที่โรงเรียนจะมีกระบวนการที่ให้เด็กเห็นคุณค่าของตัวเอง กระบวนการและบทบาทของครูจะช่วยให้เด็กมี EF ที่ดี ทำให้เด็กเกิดทักษะหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือครูก็ตาม เราอยากเห็นเขามีพัฒนาการที่ดี อยากเห็นเขามีทักษะ EF ที่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมก็คือ บนกระบวนการที่จะพาเขาไปสู่ความสำเร็จตรงนั้น เราต้องเป็นคนดูแลรักษา SELF ของเขาให้ยังคงอยู่ และเพิ่มมากขึ้น ในอดีตและปัจจุบันเด็กแต่ละคนเติบโตขึ้นมาด้วยการเห็นคุณค่าของตัวเองหรือเปล่า คุณค่าของตัวเองอยู่ที่ไหน คุณค่าของตัวเองอยู่ที่ความคาดหวังของครอบครัวหรือคุณค่าของตัวเองไปถูกแขวนอยู่ที่การยอมรับในสังคมบางอย่างที่มันผิดที่ผิดทาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเด็กคนหนึ่งที่มันไม่ควรจะเป็นความผิดของเขาเลย ดังนั้นการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยควรย้อนกลับมามองเรื่องที่พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน  EF และ SELF จะต้องทำไปพร้อม ๆ กัน

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          กิจกรรมต่างๆ ของเด็ก ๆ

                          การประเมินวัดผล และการบ้าน

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ ไม่ประเมินหรือวัดผลแบบให้คะแนน ให้เกรดในกิจกรรมใด ๆ ถ้าเราเข้าใจเราจะรู้ว่าเด็ก ๆ มีศักยภาพในการประเมินตัวเองอยู่ตลอดเวลาทั้งในขณะที่เล่นหรือทำกิจกรรม เช่น การเล่นปีนป่ายเค้าประเมินตัวเองว่าร่างกายและใจของเค้าพร้อมหรือไม่พร้อมแค่ไหน ทำได้ ไม่ได้ วันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้ลองทำใหม่จนสำเร็จ, วัน Free Day ที่เด็กจะได้ประเมินตัวเองว่าเขาสามารถทำตามแผนต่าง ๆ ได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้เด็กก็จะรู้ด้วยตัวเอง แล้วเริ่มคิดเองได้ว่า ครั้งหน้าควรจะเข้าฐานให้เร็วขึ้นหรือจบอันนี้เพื่อที่จะไปทำอย่างอื่นได้ตามเป้าหมาย การที่เด็กได้โอกาสในการประเมินตัวเองจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดี มีทักษะ EF และ SELF ให้แข็งแรง

                          ที่โรงเรียนจะมีแฟ้มผลงานที่รวบรวมเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ดู เพื่อให้ผู้ปกครองเห็นว่าเด็ก ๆ ได้ทำอะไรบนกระบวนการใด ทำได้ด้วยตัวเอง คุณครูจะเขียนประเมินพัฒนาการต่าง ๆ เป็นรายบุคคล ไม่มีตารางประเมินเปรียบเทียบดี ดีมาก พอใช้ หรือการให้เกรดให้คะแนน

                          ส่วนการบ้านไม่ใช่การบ้านประเภทการคัดเขียนหรือบวกลบเลข ถ้ามีก็จะเป็นการบ้านที่ให้เด็ก ๆ ไปพูดคุยสำรวจ บันทึกอาจบันทึกด้วยการวาดหรือการเขียน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง ครอบครัวหรือสิ่งต่าง ที่มีความสัมพันธ์กับตัวเค้า มีการให้เด็กเล่าเรื่อง บอกเล่าทั้งแบบกลุ่มและรายบุคคล ได้สื่อสารออกไปในหลาย ๆ รูปแบบ เมื่อเด็กได้ทำกิจกรรมที่ใช้มือหรือวาดรูปบ่อย ๆ กล้ามเนื้อมือพร้อม เขาจะมีทักษะการเขียนที่ดีขึ้นตามลำดับ การเขียนอาจเริ่มจากชื่อของเขาเองหรือสิ่งที่เค้าสนใจ สิ่งที่ใกล้ตัวเค้า สิ่งที่เค้าอยากบอกเล่าเพราะเป้าหมายของการเขียนคือ “การสื่อสาร” เริ่มตั้งแต่เด็กเล็กเด็ก ๆ จะมีกิจกรรมที่มีการใช้มือ ใช้นิ้วเช่น งานปั้น การฉีกปะติด Finger Paint มี Free Writing  ขีด ๆ วาด ๆ ที่ให้เด็ก ๆ ได้โอกาสในการใช้มือทั้ง 2 ข้าง พอเข้าสู่วัยอนุบาลการเขียนก็จะพัฒนาขึ้นไปอีก เช่น การบันทึกเป็นรูป  เขียนเมื่อเด็กพร้อมที่จะเขียน เขียนเป็นคำมีความหมายรวมถึงการเขียนตัวเลขที่มีความหมายด้วย ไม่ใช่การฝึกเขียน ก-ฮ เด็กบางคนอาจทำได้จากการได้เห็นบ่อย ๆ และจำนำมาเขียน การเขียนได้ช้า-เร็วก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและศักยภาพของเด็กแต่ละคน ตัวอย่างการเขียนเช่น ชื่อตัวเอง ชื่อเพื่อน ชื่อพ่อแม่ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก วันเดือนปีเกิด และสิ่งที่อยากสื่อสาร

                          โรงเรียนทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง

                          เรื่องที่โรงเรียนอยากพัฒนาให้ที่ดีขึ้น คือให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของรากฐานการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย และเห็นความสำคัญในบทบาทการเป็นพ่อแม่ที่เข้าใจในการเลี้ยงดูลูกอย่างมีความสุขร่วมกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียน เริ่มต้นจากผู้ปกครองเองเป็นผู้ที่จะเลือกโรงเรียนให้กับลูกเราจะคุยกับพ่อแม่ตั้งแต่แรกเลยว่า“เราจะเลี้ยงลูกไปด้วยกัน” ดังนั้นเราจะอยู่ด้วยกันบนความเชื่อมั่น วางใจและให้โอกาสกันและกัน ผู้ปกครองสามารถเข้ามาที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยหรือปรึกษาได้เป็นรายบุคคล เพราะแต่ละครอบครัวมีบริบทที่ไม่เหมือนกัน เหตุและปัจจัยอาจต่างกันการแก้ปัญหาที่จะช่วยดูแลลูกอาจมีความแตกต่างกันไป

                          ที่โรงเรียนมี“บันทึกลูกรัก”เป็นช่องทางการสื่อสารกับพ่อแม่ที่เชื่อมโยงระหว่างเด็กและครู ที่คุณครูจะส่งให้คุณพ่อคุณแม่ทุกวันศุกร์ ให้คุณพ่อคุณแม่เขียนเล่าเรื่องเด็กๆกลับมาในวันจันทร์ให้ครูทราบเช่น ตอนนี้เด็ก ๆ มีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ชื่อว่าอะไร วันหยุดนี้ไปเที่ยวไหนกันมา ได้ทำอะไรกันบ้าง ทำให้คุณครูได้รู้เรื่องราวของเด็ก ๆ และครอบครัว หรือรู้จัก รู้ใจเด็กมากขึ้น เมื่อเด็กมาโรงเรียนช่วงนี้มีความสุขกับอะไรคุณครูก็จะทราบด้วยและในวันที่เขาเศร้าหรือร้องไห้มาคุณครูก็จะปลอบหรือชวนคุยช่วยให้เขามีความสุขได้มากขึ้น

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          กิจกรรม “ครอบครัวที่แสนวิเศษ” เป็นวันที่ทางโรงเรียนให้นักเรียนเชิญครอบครัวมาได้ 1 คน อาจจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ปู่คุณย่าก็ได้ แล้วให้เด็ก ๆ ได้ดูแลและทำกิจกรรมร่วมกันในฐานต่าง ๆ ที่ได้จัดไว้

                          ทุก ๆ พื้นที่ในโรงเรียน ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้

                          การออกแบบอาคารพื้นที่โรงเรียนต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการเรียนรู้ของเด็กทั้งทักษะการใช้ชีวิตและเรื่องของ SI sensory integration เพราะเด็กไม่ได้เรียนรู้แค่ในห้อง เหมือนเราสร้างบ้าน เราไม่ได้ให้เด็กอยู่แค่ในบ้าน เราใช้ชีวิตรอบ ๆ บ้านด้วย ในบ้านหลังนี้ก็มีสวน มีบ่อปลา มีสนามหญ้า มีต้นไม้ มีเครื่องเล่นให้ปีนป่าย มีที่ให้ออกไปเดินเล่น วิ่งเล่น ขี่จักรยาน มีที่อ่านหนังสือ ถ้าฝนตกเวลาเราเข้าบ้านเราทำอะไรกันเล่นกันในบ้าน มันคือสภาพความเป็นจริงของการเป็นอยู่  บรรยากาศห้องเรียนจะเปิดโล่งรับอากาศธรรมชาติ อากาศถ่ายเทได้ดีลดการแพร่ระบาดโรคติดต่อในเด็กรวมถึงในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา

                          ในวันที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง แต่ละห้องก็จะเปิดแอร์พร้อมกับเครื่องฟอกอากาศ  ทางโรงเรียนจะประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสมเพื่อให้เด็กไม่ขาดโอกาสในการเรียนรู้

                          โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

                          เด็ก ๆ ได้เรียนทั้งในและนอกห้องเรียน

                          โรงเรียนจิตตเมตต์

                          ครูกลม-ธนกร กาศยปนันท์ ผู้อำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนจิตตเมตต์

                          เหตุผลที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนจิตตเมตต์ทุกวัน

                          1. อย่างแรกเขามีความสุข ถามว่าความสุขเกิดจากอะไร ความสุขของเด็กคือการที่เขาได้มาอยู่ในพื้นที่ที่มีคนเข้าใจ ทำให้เขาได้มีโอกาสที่จะเริ่มดูแลตัวเอง ได้เล่นได้คิดอิสระ ได้พูดโดยมีคนรับฟังเขา การที่เด็กคนนึงได้เติบโตขึ้นและได้รับอิสระ “อิสระที่มีขอบเขต” การที่เขามาโรงเรียนแล้วได้มีอิสระที่อยู่ในขอบเขต มันทำให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นอย่างมีความสุข ความสุขในการที่ได้ทำสิ่งต่าง ๆโดยที่เขารู้ว่าขอบเขตของเขาอยู่ตรงไหน ขอบเขตที่ทำให้เรารู้ว่าอะไรได้หรือไม่ได้ ทำให้เกิดทักษะ EF คือเขารู้จักการกำกับตัวเอง ยับยั้งชั่งใจ กิจวัตรประจำวันทำให้เด็ก ๆ รู้ว่าต้องทำอะไร เวลาไหนและรู้ว่าในวัน ๆ หนึ่งเขาต้องทำอะไรบ้าง ทำให้ง่ายกับการกำกับตัวเอง และการปรับอารมณ์ ช่วยให้เค้ามีความสุขได้ง่ายขึ้น
                          2. เด็กมาที่โรงเรียนเสมือนเป็นโลกของเขา เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ตามวัย ที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเค้าออกจากอ้อมอกของพ่อแม่ เป็นโอกาสให้เขาติดการพึ่งพาน้อยลง ได้ทำได้คิดด้วยตัวเองมากขึ้น เด็กอยากมีพื้นที่แบบนี้ พื้นที่ที่สามารถทำอะไรด้วยตัวเอง มีคนบอกว่าหนูทำได้ ได้ลองทำ เริ่มใหม่ได้ ไม่มีการตีตราหรือถูกทำโทษ เมื่อมาโรงเรียนเด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนกับคุณครู คุณครูรับฟังความคิดเห็นของพวกเค้า ทำให้ทุกคนได้บอกเล่าความคิดของตัวเอง
                          3. เขาได้รับการเคารพ เด็กเวลาอยู่ที่ไหนก็ตามแล้วเขารู้สึกว่าเขามีตัวตน เป็นพื้นที่ที่เขาได้เห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นที่รัก และถูกเคารพในสิทธิ์ของเขา มันคือโจทย์ใหญ่ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เราก็อยากอยู่ในพื้นที่แบบนี้ พื้นที่นี้คือพื้นที่แห่งการเติบโตของพวกเค้า

                          ♥ Mommy’s Love This ถูกใจแม่!

                          1. ครูที่โรงเรียนจิตตเมตต์จะไม่ตัดสินว่าเด็กถูกหรือผิด ครูจะมีประเมินเป็นรายบุคคลว่าเด็กมีความพร้อมเหมาะสมตามวัยหรือต้องการการส่งเสริมพัฒนาเพิ่มในด้านไหน
                          2. สภาพแวดล้อมดีเยี่ยม โรงเรียนรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เด็ก ๆ ได้ใกล้ชิดและอยู่กับธรรมชาติ
                          3. โรงเรียนเชื่อว่า ไม่มีเด็กดื้อบนโลกใบนี้ เค้าแค่ทดลองทำในสิ่งที่สงสัย เวลาที่เด็กร้องไห้หรือเวลาที่เราบอกว่าเขาดื้อ ความจริงแล้วเขากำลังต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ด้วยความเป็นเด็กบางครั้งเค้าไม่รู้ด้วยว่าอารมณ์นี้คืออะไร เขาจะพาตัวเองออกจากอารมณ์นี้ได้อย่างไร เขาจะหยุดร้องไห้ได้อย่างไร  เด็กก็คงอยากได้คนที่เข้าใจ ปลอบและพาเค้าออกจากความทุกข์นั้น ๆ ถ้าจะเปรียบกับผู้ใหญ่เชื่อว่าเวลาเราทุกข์ เศร้า โกรธหรือมีปัญหาอะไรหลายๆครั้งเราแค่อยากมีคนมานั่งข้าง ๆ หรือปลอบให้รู้สึกดีขึ้น เราไม่ได้ต้องการคนมาดุหรือสอนเราว่าควรทำอย่างไร
                          4. ที่โรงเรียนจิตเมตต์มองเรื่องของทักษะชีวิตเป็นสำคัญ รวมทั้งรากฐานสามมิติของการเติบโตที่ประกอบด้วย พัฒนาการสี่ด้าน EF และ SELF เพื่อให้เด็กเติบโตไปด้วยความพร้อมทั้งกายและใจ ได้ใช้ศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ที่สุด กิจวัตร กิจกรรม การเล่นและการอยู่ร่วมกันเป็น ทักษะชีวิตที่เด็กจะได้เรียนรู้ว่า ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำอะไรบ้าง กับใคร ที่ไหน ตารางกิจวัตรจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ทักษะชีวิต การกิน อยู่ หลับ นอน งานบ้าน งานสวน งานครัว การเล่นอิสระ เด็กจะรู้หน้าที่ มีความรับผิดชอบของตนเองและผู้อื่น สามารถช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้

                          อัตราค่าเล่าเรียน

                          รับนักเรียนตั้งแต่: เตรียมอนุบาล-อนุบาล 3 (อายุ 1.8 – 6 ปี)

                          ค่าแรกเข้า 15,000 บาท

                          ค่าเทอม 83,230 บาท

                           

                          ที่อยู่

                          36/103 ถ.ทุ่งมังกร แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. 10170

                          เบอร์โทร: 02-8841303 , 084-1454886

                          Website: http://www.jittamett.ac.th/

                          Facebook: https://www.facebook.com/jittamett.kindergarten

                          Editor : แม่เลม่อน

                          ภาพ :  สิทธิศักดิ์ น้ำคำ


                          อ่านต่อบทความน่าสนใจ  

                            ผมบาง

                            “ ผมบาง ” แก้โจทย์ไม่ซ้ำ เพื่อคำตอบเฉพาะเคส

                            ที่ผ่านมา ภาพจำของการรักษา อาการผมร่วง ผมบาง มักจะเป็นภาพของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อดูแลปัญหาผมบาง ซึ่งมีตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการผมบางนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะนอกจากปัญหาผมของผู้หญิงกับผู้ชายจะแตกต่างกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังมีรูปแบบและสาเหตุของอาการผมบางไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม จึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

                            และนี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากคุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจากคลินิกนามนิน ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงเห็นภาพว่า อาการผมบางแต่ละแบบ มีทางเลือกที่เป็นไปได้ในการรักษาและฟื้นฟูอย่างไรบ้าง

                            ผมบาง ทั่วศีรษะ

                            สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั้งบริเวณหน้าผากด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลังด้วย คุณหมอไม่แนะนำให้ปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยมาปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยนี้ จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมส่วนอื่น ๆ แต่สำหรับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้มี Safe Zone เหมือนคุณผู้ชาย ในบางคนอาจมีผมต้นทุนที่มีคุณสมบัติต้านการหลุดร่วงอยู่เพียงไม่มาก หรือไม่มีเลย ยิ่งในกรณีที่ผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง นั่นแปลว่าผมตรงส่วนนั้นมีลักษณะลีบ บาง และไม่แข็งแรง จึงไม่ควรเจาะย้ายไปปลูกใหม่ เพราะมีโอกาสสูงที่กราฟต์ผมใหม่จะหลุดร่วงด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมออกไป ก็จะไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแล้ว ส่งผลให้บริเวณด้านหลังท้ายทอยยิ่งดูบางลงไปอีก

                             

                            แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะคุณหมอจะตรวจประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่มบำรุงผม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเหมาะกับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ เพียงแต่เส้นผมมีขนาดลีบเล็ก บาง ไม่แข็งแรง และจะไม่ได้ผลหากรูขุมขนบนหนังศีรษะปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน

                            ผมบาง เฉพาะกลางศีรษะ

                            หากมีอาการผมบางกลางศีรษะ รวมไปถึงรอยแสกผมกว้าง โดยที่ผมด้านหลังท้ายทอยยังดูหนาแน่นเป็นปกติ คุณหมออาจวางแผนการรักษาจากทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากสภาพเส้นผมของคนไข้เป็นหลักนั่นเอง

                            ผมบริเวณหน้าผากถอยร่นหรือเว้าสูง

                            หากปัญหาผมเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผากด้านหน้า โดยที่ผมในบริเวณอื่นไม่ได้มีปัญหาหลุดร่วงหรือมีอาการผมบาง ในกรณีนี้ คุณหมอแนะนำให้ปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio แล้วจึงเสริมการฟื้นบำรุงด้วยการทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน หรือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งสามารถฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์

                             

                            แน่นอนว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ในการประเมินปัญหาเป็นรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการปลูกผมเสมอไป จากนั้นจึงติดตามผลลัพธ์ทุก ๆ ระยะ เพื่อเพิ่มระดับการรักษาให้เข้มข้นขึ้น จนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ การันตีด้วยคนไข้ของคุณหมอนิน ซึ่งมีคนไข้เก่าจำนวนมากที่ยังคงเลือกเข้ารับการรักษาและบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพอใจในผลลัพธ์ และประทับใจในการรักษาที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณหมอนินนั่นเอง

                            สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการปรึกษากับคุณหมอนิน

                            สามารถติดต่อนัดหมายผ่านช่องทาง ดังนี้

                            Line@ : namninclinic

                            โทร. 093-093-5639

                            .

                            หรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ

                            https://www.facebook.com/namninclinic/

                            www.namnin.com

                              นูแชปเตอร์โฮเทล เปิด 3 บริการใหม่ – ซี สปา, คิดส์ คลับ และบีชฟร้อนต์เรสเตอรอง

                              พักผ่อนได้เต็มที่ สไตล์ Family Trip กับ 3 บริการใหม่ สปา, Kids Club และ และบีชฟร้อนต์เรสเตอรอง จาก นูแชปเตอร์โฮเทล

                              หากคุณพ่อคุณแม่กำลังจะพาลูกเที่ยวไปด้วยกัน มองหา Family trip ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น สปาสุดผ่อนคลาย สถานที่ให้เด็กๆ ได้เล่นสนุก พร้อมปลดปล่อยจินตนาการ และร้านอาหารมื้อพิเศษบรรยากาศดีริมทะเล #ทีมแม่ABK ชวนมาที่ โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต

                              โรงแรมวาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล

                              คุณวศุมา คณาธนะวนิชย์ กรรมการบริหาร นู แชปเตอร์ โฮเทล

                              นูแชปเตอร์โฮเทล คือกลุ่มบริหารธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร เปิดตัว โรงแรมวาลา หัวหิน – นู แชปเตอร์ โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต ระดับ 5 ดาว เมื่อปี 2563 ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงโควิด แต่ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี การเล็งเห็นว่ากลุ่มผู้เข้าพัก 70% เป็นครอบครัวยุคใหม่ และคู่รักฮันนีมูน อีกทั้งเทรนด์ การดูแลสุขภาพทั้งกายใจ ที่มาแรง นูแชปเตอร์โฮเทล จึงทุ่มงบกว่า 80 ล้านบาท เพื่อพัฒนาและตอกย้ำแบรนด์ วาลา หัวหิน ด้วยการเปิด 3 บริการใหม่เพื่อตอบโจทย์สำหรับกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะครอบครัวที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ ริมทะเลชะอำ-หัวหิน ดังนี้ค่ะ

                              เซลา ซี แซงชัวรี่ สปา ใน นูแชปเตอร์โฮเทล

                              1. เซลา ซี แซงชัวรี่ สปา (Sela Sea Sanctuary Spa) ซี สปา แห่งแรกที่ชะอำ-หัวหิน คอนเซ็ปต์ Sea Healing หรือ “ทะเลบำบัด” รวมพลังท้องทะเลในการบำบัด ฟื้นฟูกาย ใจ และจิตวิญญาณ เป็นหัวใจหลักของ เซลา ซี แซงชัวรี สปา ในการรังสรรค์ทรีตเมนต์ต่าง ๆ อย่างพิถีพิถัน ครีเอทผลิตภัณฑ์โดยการนำองค์ประกอบต่าง ๆ จากท้องทะเล เช่น เกลือทะเล สาหร่ายทะเล ผสานกับพืชพรรณออร์แกนิก อาทิ มะพร้าว ว่านหางจระเข้ พร้อมบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ เพื่อการผ่อนคลาย ฟื้นฟู เติมพลัง ให้กับร่างกาย และจิตใจ อย่างแท้จริง มอบประสบการณ์ที่โดดเด่น และแตกต่าง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากมาผ่อนคลายมากๆ เลยค่ะ

                              Kids Club ที่ นูแชปเตอร์โฮเทล

                              2. Kids Club Wonder Woods พื้นที่สำหรับเด็กอายุ  2-12 ปี ที่ได้แรงบันดาลใจจากผืนป่า พร้อมให้เด็กๆ มาผจญภัย ภายในคลับมีพื้นที่วิ่งเล่น สนุกไปกับบ่อบอล มินิสไลเดอร์ และปีนป่ายเขาขนาดย่อม ในขณะเดียวกันยังมีโซนศิลปะ และงานฝีมือ สำหรับเด็กๆ ที่ชื่นชอบการสร้างสรรค์และจินตนาการ โดยทุกกิจกรรมผ่านการเลือกเฟ้นมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เข้าใจธรรมชาติ ในบรรยากาศที่สนุกสนาน และสร้างการมีส่วนร่วมกับสนามเด็กเล่นแห่งนี้ ความตั้งใจของ วันเดอร์ วูดส์ คิดส์ คลับ คือ การผสานการเรียนรู้กับความสนุกสนานเข้าด้วยกัน เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ชื่นชมในธรรมชาติ และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ พร้อมกับสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจให้กับเด็ก ๆ อีกด้วยค่ะ

                              3. คาซ่า มาเร่ บีชฟร้อนต์ เรสเตอรอง & เลาจน์  ( Casa Beachfront Restaurant & Lounge) สัญลักษณ์แห่งความสุขริมทะเล เป็นร้านอาหาร stand alone แห่งแรกของ นู แชปเตอร์ โฮเทล ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างชะอำและหัวหินริมทะเล วิวสวยทุกมุมมอง เปิดให้บริการตั้งแต่กลางวันจรดค่ำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Favorite Feast by the Sea . ด้วยเมนูหลากหลายถึง 80 รายการ ทั้งอาหารไทย เอเชียร่วมสมัย และสไตล์ยุโรป โดยเน้นอาหารประเภทซีฟู้ด และเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่สดใหม่ อย่างเมนูเซวิเช่ สัมผัสรสชาติจัดจ้านไปพร้อมกับความสดอร่อยของอาหารทะเล, คุชิยากิ, โรล, เมนูสลัด และจานพาสต้าหลากสไตล์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มหลายชนิดให้เลือกสรร ทั้งค็อกเทลสูตรพิเศษเฉพาะ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเล ไวน์ลิสต์ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน และเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น โฟล์ท สมูทตี้ น้ำผลไม้สด ให้ทั้งครอบครัวมาดื่มด่ำบรรยากาศและอาหารมื้อพิเศษไปด้วยกัน

                               

                              นอกจากโซนเปิดใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่พักสำหรับครอบครัวก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ที่ โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต มีห้อง Family Room ตอบโจทย์สำหรับบ้านที่มีเจ้าตัวน้อยถึง 2 คน มีเตียงคู่ขนาดใหญ่ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และเตียงสองชั้น สำหรับเด็กๆ แถมยังมีโซนอ่างอาบน้ำที่เป็นส่วนตัวให้เด็กๆ สนุกกันได้ที่ริมระเบียง พร้อมต้นไม้บังตา ให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติอีกด้วย ที่สำคัญคือห้อง Family Room นี้อยู่ใกล้กับ Kids Club Wonder Woods มากๆ เลยค่ะ เดินนิดเดียวก็ถึงเลย เป็นการออกแบบประสบการณ์จากทางโรงแรมที่ใส่ใจ ให้ผู้เข้าพักได้รับบริการที่สะดวกที่สุดเลยค่ะ

                              โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจริมทะเล พาทั้งครอบครัวมาฟังเสียงคลื่นไม่ไกลกรุงเทพฯ ในบริการระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก มื้ออาหารแสนพิเศษ และสปาให้คุณแม่สลับกับคุณพ่อไปพักผ่อนกายใจ แถมยังมีพื้นที่สำหรับเด็กๆ ให้วิ่งเล่น ปล่อยพลังและความคิดสร้างสรรค์อย่างสนุกสนาน ครบทุกความต้องการ ถือว่ามาที่นี่แล้วตอบโจทย์กับทุกครอบครัว จริงๆ ค่ะ


                              ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

                              เวบไซต์ โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต
                              https://www.valahuahin.com/

                              เวบไซต์ คาซ่า มาเร่ บีชฟร้อนต์ เรสเตอรอง & เลาจน์
                              https://www.casamarehuahin.com/

                                Tags

                                น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม Enfant สูตร pH Balance ถนอมผ้า ถนอมผิวลูกน้อยตั้งแต่ 0+

                                น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม ที่คุณพ่อคุณแม่เตรียมไว้สำหรับซักผ้าอ้อม ซักเสื้อผ้าลูกน้อย ควรเลือกแบบไหน ที่จะสามารถซักคราบติดแน่นออกได้ง่ายโดยไม่เปลืองแรงขยี้ ทั้งสะอาด หอม ถนอมผ้า และที่สำคัญต้องอ่อนโยน ถนอมผิวลูกน้อยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวบอบบางของแรกเกิด

                                น้ำยาซักผ้าปรับ Enfant คำตอบที่คุณพ่อคุณแม่ตามหา

                                น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม Enfant เป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าเด็กผสมสารปรับผ้านุ่ม สูตร pH Balance ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับซักผ้าเด็กอายุ 0+ โดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ว่า สามารถใช้ซักผ้าอ้อม เสื้อผ้าลูกน้อย หรือผ้าที่ต้องการถนอมเป็นพิเศษได้สะอาดหมดจด พร้อมทั้งปรับผ้าให้นุ่มในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังอ่อนโยนเป็นพิเศษ ด้วยส่วนผสมธรรมชาติจากออแกนิค และปราศจากสารต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการแพ้

                                น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม โดดเด่นด้วยคุณสมบัติพิเศษ 4 in 1

                                Organic Essence Oil ความหอมที่มาจาก Organic Essence Oil 3 ชนิด ได้แก่ ออแกนิคทีทรีออยล์ ซันฟลาวเวอร์ออยล์ และออแกนิค โรสแมรี่ออยล์ ผสมผสานกับน้ำหอมที่คัดสรรมาสำหรับเด็ก ช่วยลดกลิ่นอับของผ้า ช่วยให้ผ้าหอม แม้ตากในร่ม

                                Micella Cleanser สารทำความสะอาดที่พัฒนาจากปาล์ม มะพร้าว ข้าวโพด สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการเกิดกระบวนการ Micellar ทำความสะอาดขจัดคราบสกปรกฝังแน่นได้ถึง 10 คราบสกปรก ช่วยให้ผ้าสะอาดเหมือนใหม่ โดยไม่เปลืองแรงขยี้

                                • คราบสกปรก
                                • คราบเหงื่อไคล
                                • คราบอาหาร
                                • คราบเครื่องดื่ม
                                • คราบอาเจียน
                                • คราบน้ำลาย
                                • คราบฉี่
                                • คราบน้ำนม
                                • คราบอุจจาระ

                                Active Enzyme Complex ช่วยย่อยสลายคราบสกปรกฝังแน่นให้หลุดออกจากผ้าได้อย่างง่ายดาย โดยไม่เปลืองแรงขยี้ พร้อมผสานกับ Cellulase Enzyme ช่วยขจัดขนเล็กๆ บนผ้าที่ตาเราอาจมองไม่เห็น เพื่อขจัดที่ซ่อนความสกปรกทำให้ผ้าสะอาดไม่หมองคล้ำ

                                Fabric Care Softener สารปรับผ้านุ่มในน้ำยาซักผ้า ที่พัฒนามาจาก ซันฟลาวเวอร์ออยล์ และโคโคนัทออยล์ คัดสรรมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ช่วยให้ผ้านุ่ม ลื่น รีดง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มซ้ำ

                                Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้น้ำยาซักผ้าเด็ก Enfant ได้รับรางวัล Editor’s Choice BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

                                นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังมั่นใจได้ว่า น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม Enfant ปลอดภัยต่อผิวลูกน้อย เพราะผ่านการทดสอบทางผิวหนังแล้วว่า ไม่ระคายเคือง และปลอดสารต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการแพ้ ได้แก่

                                • ไม่มีพาราเบน
                                • ไม่มีสารระคายเคือง
                                • ไม่มี SLS
                                • ไม่มี ไตรโคซาน
                                • ไม่มีสารฟอกขาว
                                • ไม่มีสีสังเคราะห์

                                ทั้งสะอาด หอม ปลอดภัย ครบ จบ ในขั้นตอนเดียว ตอบโจทย์คุณแม่ลูกอ่อน ลดเวลาซักผ้า เพิ่มเวลาความสุขให้กับลูกน้อยได้ดีเยี่ยมแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้น้ำยาซักผ้าปรับ Enfant ผสมสารปรับผ้านุ่มได้รับรางวัล  BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

                                สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของน้ำยาซักผ้าเด็กอ่อน Enfant สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/Enfant.MomClub

                                 

                                 

                                  John Wyatt Montessori

                                  John Wyatt Montessori Learning Center ศูนย์การเรียนรู้ทักษะชีวิต ให้เด็กๆสุข สนุก สร้างสรรค์อย่างมีสมาธิ

                                  John Wyatt Montessori Learning Center ศูนย์การเรียนรู้ทักษะชีวิตและวิชาการแนวทางมอนเตสซอรี่ สุข สนุก สร้างสรรค์อย่างมีสมาธิที่เน้นพัฒนาการอย่างยั่งยืน

                                  เมื่อทีมงาน School Visit เดินทางมาถึงที่ John Wyatt Montessori (JWM) ในซอยพหลโยธิน 24 เราได้พบกับบ้านหลังใหญ่ เล่นระดับ สีเอิร์ธโทนที่ดูอุ่นตา ดูแตกต่างจากบ้านบริเวณเดียวกันและโรงเรียนก่อน ๆ ที่พวกเราเคยไป

                                  แม้ว่าโรงเรียนจะอยู่ในเมือง แต่บรรยากาศชุมชนโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบ อาจเป็นเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่หลาย ๆ คนออกไปทำงานแล้ว ภายในโรงเรียนเองก็มีเพียงเสียงทำกิจกรรมเบา ๆ เสียงพูดคุยกันเบา ๆ ทีมงานค่อย ๆ ย่องไปสำรวจทุกพื้นที่ทั้งภายนอกและภายในคลาสเรียน  เด็ก ๆ กำลังง่วนอยู่กับกิจกรรมของตนเอง แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและตั้งใจไปในคราวเดียวกัน บรรยากาศโรงเรียนจะเป็นอย่างไร เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาไปเยี่ยมชมกันค่ะ

                                  ที่ John Wyatt Montessori Learning Center เป็นศูนย์การเรียนรู้ทักษะชีวิตและวิชาการแนวทางมอนเตสซอรี่ เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ระดับ Nursery จนถึงระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนจึงมีทั้งเด็กเล็กและเด็กโตใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆกัน ในบรรยากาศสบายๆ สวยงามสไตล์รีสอร์ท หลักสูตรมอนเตสซอรี่จะเน้นพัฒนาการในระยะยาว แต่ผู้ปกครองจะทราบว่าเด็กๆเรียนรู้ถึงไหนแล้วจาก รายงานที่คุณครูจดบันทึก ซึ่งคุณครูมอนเตสซอรี่จะจดทุกรายละเอียดสิ่งที่เด็ก ๆ มอง หรือสนใจ หยิบจับ ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ กับครู ในแต่ละวัน เพื่อเตรียมงานให้เด็ก ๆ ในขั้นถัดไป  เพื่อพัฒนาตามที่เด็ก ๆ แต่ละคนอยู่ ให้บรรลุเป้าหมายตามช่วงวัย

                                  John Wyatt Montessori

                                  เด็ก ๆ กำลัง “ตั้งใจ” ทำกิจกรรม

                                  John Wyatt Montessori

                                  อุปกรณ์ในการเรียนรู้และเครื่องใช้ที่เหมาะกับวัย

                                   

                                  John Wyatt Montessori John Wyatt Montessori

                                  อุปกรณ์คณิตศาสตร์

                                   

                                  John Wyatt Montessori

                                  Toy farming

                                   

                                  Life : ชีวิตของนักเรียนมอนเตสซอรี่

                                  มอนเตสซอรี่สอนอะไร?

                                  มอนเตสซอรี่เน้นวิชาการมาก ๆ เพียงแต่รูปแบบการสอนแตกต่างจากหลักสูตรอื่น ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนและรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเองโดยการใช้กิจกรรมนำเกือบ 100%

                                   

                                  ความเป็นอยู่เป็นอย่างไร

                                  การมาโรงเรียนเท่ากับการมาใช้ชีวิต เพราะเด็ก ๆ ต้องทำเกือบทุกอย่างด้วยตัวเอง ทางโรงเรียนจะเตรียม “สภาพแวดล้อม” ให้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ขนาดเล็กและปลอดภัย เฟอร์นิเจอร์ขนาดเหมาะสม พื้นที่เรียนที่เล่น สะอาด ปลอดภัย ไม่ลื่น เด็ก ๆ มีหน้าที่เพิ่มเติมคือ มีเวรดูแลของว่างบ้าง เป็นผู้ช่วยเตรียมอาหารบ้าง จัดการรายอาหารบ้าง  เมื่อเด็ก ๆ กลับไปที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่จะเห็นว่าเด็ก ๆ สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ถ้าที่บ้านจัดสภาพแวดล้อมไปในทางมอนเตสซอรี่ก็ยิ่งจะช่วยให้การเรียนรู้ไม่สะดุดเลยค่ะ

                                   

                                  พัฒนาการ

                                  • โรงเรียนมอนเตสซอรี่จะมี ของเล่นและอุปกรณ์มากมายที่ท้าทายเด็ก ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อฝึกฝนจนตัวเองพอใจ และทำสำเร็จ ผลที่ได้คือ เด็กเกิดความภาคภูมิใจ ในทางกลับกันหากยังยังไม่สำเร็จ  เด็ก ๆ ก็จะทำต่อไป นั่นคือการฝึกความอดทนและกระตุ้นให้มีความพยายาม
                                  • การเล่นที่มีเป้าหมายจะทำให้เด็กเรียนรู้จาก process = ประสบการณ์ ทั้งนี้หลักสูตรได้วางตามพัฒนาการตามวัยซึ่งคุณครูจะคอย monitor สังเกตและบันทึกการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก ๆ ตลอดว่า “ถึงไหนแล้ว” และคอยปรับกิจกรรมเพื่อให้ถึง Development Goal ในที่สุด

                                   

                                  John Wyatt Montessori

                                  หลังมาถึงโรงเรียน ด่านแรกคือ การจัดการกับสัมภาระ

                                  John Wyatt Montessori

                                  นักเรียนจะเป็นผู้เลือกทำงานเอง

                                  John Wyatt Montessori

                                  มุมกิจกรรมต่างๆ

                                  John Wyatt Montessori John Wyatt Montessori

                                  ทำงานเดี่ยวก็ได้ ทำงานเป็นคู่ก็ได้

                                   

                                  Learn : เน้นพัฒนาการระยะยาว

                                  Toddler Community (18 เดือน – 3 ปี )

                                  เป็นวัยที่เตรียมความพร้อมสำหรับก้าวขึ้นสู่ชั้นอนุบาล กิจกรรมสำหรับเด็กเล็กจะเน้นไปในด้านต่อไปนี้

                                  • Development of Movement หรือพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวทั้งร่างกาย การทำงานประสานกันระหว่างตาและมือ ฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ผ่านการเล่น, กิจกรรมแนวมอนเตสซอรี่ และการใช้ชีวิตในโรงเรียน
                                  • Language ภาษา รู้จักการแยกเสียง คำศัพท์ จากทั้งการสื่อสาร นิทาน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
                                  • Development of the Senses กิจกรรมที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ
                                  • Fundamental Life Skills การดูแลกิจวัตรของตัวเองเหมือนกับที่คุณพ่อคุณแม่ทำให้
                                  • Natural Science พืชและสัตว์
                                  • Creative Arts ศิลปะและดนตรี

                                  John Wyatt Montessori

                                  น้อง ๆ กำลังเล่นเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่

                                  John Wyatt Montessori

                                  การเรียนรู้วัฒนธรรมไทยก็สำคัญเช่นกันค่ะ

                                  John Wyatt Montessori

                                  กิจกรรมด้านประสาทสัมผัส การเขียน และเศษส่วน

                                  John Wyatt Montessori

                                  ของเล่นสีสันสวยงาม ได้พัฒนาการดับเบิ้ล

                                   

                                  Primary Program ( 3 – 6 ปี )

                                  วัยอนุบาลคือ “วัยค้นหาตัวเอง”

                                  • JWM เป็นชั้นเรียนคละอายุซึ่งเอื้อต่อการเรียนรู้ทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น การให้เกียรติ มีเมตตา เห็นอกเห็นใจ พัฒนาความเป็นผู้นำ และจุดมุ่งหมายสำคัญคือ “การใฝ่รู้
                                  • เด็กแต่ละคนเรียนรู้แตกต่างกัน คุณครูจะเตรียมกิจกรรมที่รองรับการเรียนรู้ทุกรูปแบบเพื่อให้เด็กๆมีอิสระในการเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง
                                  • อุปกรณ์และของเล่นคือสื่อการเรียนรู้ที่จะท้าทายเด็ก ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามพัฒนาการ ถ้าทำได้แล้ว หรือง่ายเกินไป เด็ก ๆ เองก็ไม่สนใจนะคะ
                                  • คุณครูจะทำหน้าที่สังเกตและบันทึกอารมณ์ ชีวิตประจำวัน ปฎิสัมพันธ์ กิจกรรมที่เด็กๆได้ทำอย่างละเอียดเพื่อจัดทำ “แผนการเรียนรายบุคคล” ให้แก่เด็ก ๆ

                                   

                                  เรียนรู้อะไรในชั้นอนุบาล

                                  • Exercise of Practical Life – กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่แบ่งแยกชัดเจน เพื่อฝึกให้เด็กจดจำขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นพื้นฐานของการเรียนคณิตศาสตร์
                                  • Sensorial Skill กิจกรรมประสาทสัมผัส จำแนกตามสัมผัสต่าง ๆ
                                  • Language – ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
                                  • Math – เด็ก ๆ เรียนรู้แนวคิดต่าง ๆ ที่เกี่ยวตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น การนับสัญลักษณ์ ลำดับเลขคู่ เลขคี่การลบ การคูณ การหาร แนวคิดเรื่องเศษส่วน และเรขาคณิต ด้วยของเล่นที่ได้รับการออกแบบมาให้ “จับต้องตัวเลข” ได้
                                  • Cultural Subjects: Science, Geography and History – วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์
                                  • Creative Arts (Music Movement and Visual Arts)
                                  • Languages other than English – ภาษาที่ 3
                                  • Personal Development, Health and Physical Education

                                  John Wyatt Montessori

                                  โรงเรียนบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน

                                  John Wyatt Montessori John Wyatt Montessori

                                  อุปกรณ์สำหรับคณิตศาสตร์แบบมอนเตสซอรี่คือพื้นฐานของจินตาการและคณิตศาสตร์ขั้นสูงต่อไป

                                  John Wyatt Montessori

                                  Learning Station ตามใจฉัน

                                   

                                  Elementary Program (6-12 ปี)

                                  ช่วงวัยนี้เป็นช่วง “เปิดรับ” การเรียนรู้ทั้งวิชาการ วัฒนธรรม จริยธรรม เด็ก ๆ มักจะชอบทำงานเป็นคู่หรือจับกลุ่มกันมากกว่าทำงานเดี่ยว โดยใช้หลักสูตรมอนเตสซอรี่ประถมศึกษา “ Cosmic Education ” Curriculum เป็นบทเรียนที่เชื่อมโยงเด็ก ๆ เข้ากับเรื่องราวอดีตและอนาคต ชี้ให้เห็นถึงสรรพสิ่งและการพึ่งพาซึ่งกันและกันของทุกสิ่งในจักรวาล

                                  หลักสูตรนี้เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และปรัชญาที่ทำให้เด็ก ๆ เริ่มตั้งคำถามว่า ” ฉันเป็นใคร ” เริ่มค้นหาตัวตนและความเชื่อมโยงของทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาเอง แต่ไม่ได้เรียนเป็นคาบ ๆ เหมือนชั้นเรียนทั่วไป เด็ก ๆ ยังคงเลือกเรียนเองเหมือนเดิม โดยมีคุณครูคอยให้คำแนะนำ อธิบาย เป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือรายบุคคล ที่จำเป็น เด็ก ๆ จะเรียนจากอุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน ที่หลากหลายและซับซ้อนมาก ที่สำคัญคือ “จับต้องได้” เพื่อสร้างประสบการณ์ ไม่ได้เรียนแบบเปิดตำรา และสามารถ อ่าน เขียน ค้นคว้าและ Present ได้ (ดีมาก)

                                  เด็ก ๆ กำลังตั้งใจเรียน

                                  Environment : แนวทางเดียวกันช่วยดันให้เด็กๆไปได้ไกล

                                  ครอบครัวที่เลือกการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่ส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจในรูปแบบการสอนอยู่แล้ว หากทางครอบครัวจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำงานของเด็ก ๆ ก็จะยิ่งเป็นการส่งเสริมกันให้ไปได้ไว โรงเรียนและครอบครัวต้องเป็น Team Work กันค่ะ Montessori Environment เอื้อต่อการเรียนรู้แน่นอน 100% อยู่แล้ว เพราะมอนเตสซอรี่วางหลักสูตรให้เด็ก ๆ ได้ลงมือปฎิบัติเพื่อการเรียนรู้ รวมถึงการใช้ชีวิตด้วย

                                  John Wyatt Montessori

                                  ผู้ก่อตั้งโรงเรียน Mrs. Monthana Irani และ Mr. Gustad Irani

                                   

                                  Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !

                                  1. สามารถเรียนต่อชั้นประถมได้ทุกหลักสูตร (ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนทางเลือกอย่างเดียว) เพราะการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่ปูทางให้เด็กๆทุกด้าน..พร้อมเรียนรู้ทุกรูปแบบ
                                  2. มอนเตสซอรี่เน้นวิชาการ เพียงแต่รูปแบบ วิธีการเรียนรู้แตกต่าง และให้ผู้เรียนเป็นผู้เลือก
                                  3. หลักสูตรรายบุคคลเหมาะกับลูกของเรา การดูแลทั่วถึง ใกล้ชิด วางใจหายห่วง
                                  4. เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ดี
                                  5. เด็กมอนเตสซอรี่จะมีความอดทน มีสมาธิ สุขภาพจิตแจ่มใส
                                  6. ของเล่นเยอะมาก และเป็นของเล่นเพื่อการศึกษาทั้งนั้น

                                   

                                  ค่าเทอมต่อปีโดยประมาณ

                                  Toddler (เตรียมอนุบาล) 120,000 – 170,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับ Campus และ โปรแกรมที่เลือก)

                                  Primary (อนุบาล) 140,000 – 170,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับ Campus)

                                  Elementary (ประถมศึกษา) 160,000 – 300,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับ Campus)

                                   

                                  John Wyatt Montessori

                                  Bangkok Campus

                                  2/1 ซอยพหลโยธิน 24 แยก 4-3-4 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

                                  Saraburi Campus

                                  388 หมู่ 1 ตำบล/อำเภอหนองดง จังหวัดสระบุรี 18190

                                   

                                  ติดต่อ

                                  Tel: (66) 89-886-7471 (English/Thai)

                                  (66) 80-094-3696 (Japanese)

                                  Email: [email protected]

                                  www.jwmontessori.com

                                   

                                  Editor : แม่พลอยผิง

                                  ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข


                                  อ่านต่อบทความน่าสนใจ  

                                    เคล็ดลับ! ให้ลูกกินเก่ง เติบโตสมวัย ด้วย อาหารเสริมเด็ก ตามวัย สไตล์เวิร์คกิ้งมัม

                                    คุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องดูแลรับผิดชอบหน้าที่ทุกอย่างในชีวิต ทั้งงานบ้านที่ต้องดูแลให้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทั้งงานที่ทำเพื่อเติมเต็มแพชชั่น และหาเลี้ยงครอบครัว รวมไปถึงหน้าที่สำคัญอย่างการเลี้ยงลูกน้อยให้เติบโตแข็งแรง โดยเฉพาะการเตรียมอาหารให้ลูกรักเติบโตแข็งแรง มีพัฒนาการที่สมวัย คุณแม่จึงต้องรับบทเป็นเวิร์คกิ้งมัมคนเก่ง ที่พร้อมรับมือและเอาอยู่ทุกสถานการณ์

                                    อาหารเสริมตามวัย

                                    ลูกกินง่าย กินเก่ง คือสุดยอดปรารถนาของคุณแม่ทุกคน เพราะสารอาหารคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เสริมสร้างร่างกายของลูกน้อยให้เติบโตแข็งแรง และมีพัฒนาการที่สมวัย คุณแม่จึงอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก อยากดูแลลูกด้วยตัวเอง อยากทำอาหารให้ลูกกินเองกับมือทุกมื้อ เพื่อดูแลอาหารทุกมื้อของลูกให้เป็นมื้อพิเศษที่จะช่วยเสริมพัฒนาการให้ลูกรัก แต่ด้วยเวลาที่จำกัด กับภารกิจแสนวุ่นวายในแต่ละวันของคุณแม่ จึงอาจทำให้คุณแม่หลายคนไม่มีเวลาเตรียมอาหารมากนัก คุณแม่หลายคนจำเป็นต้องอดหลับอดนอน ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมอาหาร หรือเร่งรีบทำอาหารลูก จนละเลยสุขภาพของตนเอง เสียงานเสียการ และกังวลว่าตนเองจะทำหน้าที่ของแม่ ในการดูแลได้ไม่ดีอย่างที่ต้องการ

                                    อาหารเสริมสำหรับเด็ก

                                    สำหรับคุณแม่เวิร์คกิ้งมัมที่กำลังมองหาตัวช่วยดี ๆ สำหรับมื้ออาหารสุดพิเศษของลูกรัก คุณแม่สามารถใช้อาหารเสริมตามวัยที่วางขายตามท้องตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าชั้นนำ มาเป็นอาหารเสริมตามวัยสำหรับลูกน้อยได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกกังวล หรือรู้สึกผิดว่าตนเองจะทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดีพอ ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยในปัจจุบัน ทำให้อาหารเสริมที่วางขายในท้องตลาด มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกายของลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย พร้อมวิธีเตรียมที่ไม่ยุ่งยาก จึงช่วยให้คุณแม่ประหยัดเวลาในการปรุงอาหาร เหมาะสำหรับวันอันแสนเร่งรีบ ที่คุณแม่จะต้องบริหารจัดการเวลาในการดูแลลูกและทำงานไปพร้อมกันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                    แต่คุณแม่ควรเลือกอาหารเสริมตามวัยของลูก ที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรองจาก อย. ว่าเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็ก เพื่อให้คุณแม่มั่นใจได้ถึงคุณภาพและเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยของลูกน้อยจริงๆ และมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับสารอาหารสำคัญในทุกๆ คำ เช่นเดียวกันกับอาหารที่คุณแม่ปรุงเอง ให้คุณแม่มีความสุขกับทุกช่วงเวลาสำคัญของลูกน้อยได้อย่างเต็มที่ มีเวลาได้เฝ้ามองทุกการเติบโต ทุกพัฒนาการของลูกในทุกช่วงวัย

                                    คุณพ่อคุณแม่สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโภชนาการในแต่ละช่วงวัยของลูกน้อย รวมถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับอาหารเสริมตามวัยของลูกน้อยได้ใน https://www.nestlemomandme.in.th/baby-food-tip-tricks หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ NestleMomAndMeได้ทั้งทางแชท หรือ โทร 1162 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ