Page 15 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรงเรียนอัสสัมชัญ

พาชม โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม กิจกรรมดี เน้นให้เด็กๆมีความสุข เสมอภาค เติบโตอย่างมีศักยภาพ

โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม : ถ้าเปรียบเด็กๆ คือเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์น้อยๆเหล่านั้นเกิดมาพร้อมกับศักยภาพของตน

พาชม! โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม
กิจกรรมดี เน้นให้เด็กๆมีความสุข เสมอภาค เติบโตอย่างมีศักยภาพ

ศักยภาพที่จะเติบโตเป็นต้นไม้ที่สามารถงอกงามเขียวชอุ่ม ให้พืชผลที่มีคุณค่า ให้ความชุ่มชื้นได้อย่างงดงามหากได้ถูกปลูกในดินและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาทุกคนมาเยี่ยมชมสถานที่ที่ทุกเมล็ดพันธุ์น้อยๆจะได้รับการดูแลให้เติบโตงดงามในแบบของตัวเอง ที่ที่เด็กๆจะได้ “ชิมลาง” ทุกอย่าง ภาษา ศาสตร์ ศิลป์ กีฬา สุนทรียะ ได้สร้างรากฐานแห่ง “ทักษะและทุนชีวิต” ให้แข็งแกร่งพร้อมเผชิญชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ณ ที่แห่งนี้ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ค่ะ

โรงเรียนอัสสัมชัญ

โรงเรียนอัสสัมชัญ

บรรยากาศด้านหน้าและภายในโรงเรียน

โรงเรียนอัสสัมชัญ

เรียนก็ดี กีฬาก็เด่นนะ

Robot ไม่ใช่แค่สิ่งประดิษฐ์ แต่ช่วยสร้างรูปแบบการคิด วางแผน ปฎิบัติและแก้ปัญหา

Active Learning คือรูปแบบการเรียนที่เป็นประโยชน์มาก

อาซัมซาน กอเล็ศ สู่ อัสสัมชัญ

โรงเรียนอัสสัมชัญก่อตั้ง โดยบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ (ชาวฝรั่งเศส) เจ้าอาวาสวัดอัสสัมชัญ โดยตั้งชื่อโรงเรียนวัดนี้ว่า “โรงเรียนไทย-ฝรั่ง” ในปี พ.ศ. 2420 เพื่อสอนภาษาฝรั่งเศสและภาษาไทยแก่เด็กๆในละแวกวัด และเปลี่ยนชื่อมาเป็น โรงเรียนอาซัมซาน กอเล็ศ ในวันที่16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 หลังจากนั้นโรงเรียนได้เปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนอาซัมซาน กอเล็ศ เป็น “โรงเรียนอัสสัมชัญ” ใช้ชื่อย่อว่า อสช แปลว่า “ตำแหน่งที่สำหรับระงับบาปและหาวิชาความรู้” ในปีพ.ศ. 2453 ซึ่งเป็นโรงเรียนแรกในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ที่รับเฉพาะนักเรียนชายเท่านั้น

 

Learn : เพื่อเรียนรู้

โรงเรียนอัสสัมชัญ ใช้การจัดการศึกษาแบบมงฟอร์ต คือ การมองเห็นมิติทุกด้านของเด็กๆที่ “ทุกคนมีอัจฉริยภาพในตน”

เน้นพัฒนาเด็กๆ 5 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย วิญญาณ ปัญญา อารมณ์ สังคม แนวคิดนี้เชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือถนัด ความสำคัญจึงอยู่ที่ “โอกาส” ที่จะได้ลองและสัมผัส ทุกศาสตร์ ทุกแขนง โอกาสมากเท่าไหร่ ความชอบและถนัดที่แท้จริงจะเห็นได้ชัดขึ้นเท่านั้น

 

ที่ โรงเรียนอัสสัมชัญ เด็กๆจะได้รับอะไรบ้าง?

สำหรับเด็กประถม1 ทางโรงเรียนเข้าใจดีว่า เด็กๆทุกคนมาจากหลากหลายโรงเรียน หลากหลาย Family Background ดังนั้นปีแรกในรั้วอัสสัมชัญจึงเน้นการปรับ แก้ไขและปูพื้นฐานให้ใกล้เคียงกันก่อน เด็กๆจะได้ไปต่อพร้อมกันได้ หลังจากนั้นเด็กๆจะได้เรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning เป็นหนึ่งในกระบวนการบูรณาการความรู้ที่เกิดประโยชน์กับเด็กๆที่สุด ช่วยพัฒนาทักษะการคิด การแก้ปัญหาการนำความรู้ไปใช้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ก่อให้เกิดปฎิสัมพันธ์ทางสังคมทั้งเพื่อนและคุณครู

ทางโรงเรียนจะติดอาวุธด้านภาษาและการสื่อสารให้กับเด็กๆ โดยทุกหลักสูตรจะได้เรียน “ภาษาจีน และ English for Communication” …ถ้ารู้วิชาแล้วแต่ภาษาไม่ได้ ก็จะสื่อสารออกไปลำบากค่ะ

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้เด็กๆทุกคนได้ลองชิมลาง ในรูปแบบชมรม มีทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่

ด้านวิชาการ – ที่ไม่ได้เรียนเพื่อติว แต่เรียนเพื่อเสริมความสนุก

ด้านกีฬา – เสริมทักษะ ความแข็งแรง และบริหารสมอง

ด้านภาษา – เปิดโลกกว้างที่มีทั้งความเฮฮาและสาระ

ด้านศิลปะ ดนตรี-นาฏศิลป์ – สร้างสรรค์ ทำนอง ร้องเต้น เสริมสมาธิและสุนทรีย์ในหัวใจ ต้องมีอย่างน้อยสัก 1 ด้านแน่นอนที่เด็กๆ ชอบเป็นพิเศษ

บรรยากาศห้องเรียน

เด็กๆได้เรียนดนตรีทุกคน ช่วยกล่อมเกลาให้เด็กๆมีความอ่อนโยน แล้วยังช่วยทำให้สมองสองด้านทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมนอกห้องเรียนต่างๆที่ช่วยเสริมพัฒนาการ

 

หลักสูตร Regular Program

รายวิชาพื้นฐาน : 8 กลุ่มสาระรายวิชาพื้นฐาน + ศิลปะ ดนตรี เปียโน (บริหารสมองด้วยความสุนทรีย์)

รายวิชาเพิ่มเติม : World of Maths | World of Science | STEM Education | Computer | Chinese | English for Communication

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน : กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมลูกเสือ ชมรม กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์

 

หลักสูตร English Program (EP)

โรงเรียนนำหลักสูตร Cambridge International School มาผสมผสานเนื้อหาสาระ ทักษะของ Cambridge กับหลักสูตรแกนกลางของประเทศ ปรับให้เข้ากับบริบทของบ้านเรา ใช้การเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อพัฒนาทักษะต่างๆด้านภาษาและสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างเด็กๆ มุ่งเน้นให้เด็กๆ เกิด Confident – มั่นใจในการเรียนรู้ Responsible – รับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น Reflective – นำความรู้ไปใช้ในชีวิตได้ Innovative – กล้าคิดริเริ่ม Self-Discipline – มีวินัยในตนเอง โดยแบบเรียนต่างๆเช่นวิชา English, Mathematics, Science จะใช้ตำราของ Cambridge ออริจินัลจากต้นตำรับ

รายวิชาพื้นฐาน : English | Mathematics1 , Science1, Health and PE ,Computer (Occupations & Technology หรือ อาชีพและเทคโนโลยี)

รายวิชาเพิ่มเติม : English for Communication , Mathematics 2 , Science 2 } STEAM (Science, Technology, Engineering, Art, Mathematics)

 

แผนการเรียน Chinese – English Program (CEP)

หลักสูตร 3 ภาษา จีน-อังกฤษ-ไทย ในรายวิชาเหมือนหลักสูตร English program ในส่วนของ Active Learning เติมความเข้มข้นและจัดการเรียนการสอนโดยคุณครูชาวจีนท่ากับเรียนภาษาจีนอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ โดยมีรายวิชาที่ใช้ภาษาจีน 100% ได้แก่ Chinese หรือ ภาษาจีน | Art | Creative Studies | Health | Global Perspectivesแต่ละห้อง CEP จะมีครูจีนและครูไทย ประจำในห้อง

การเรียนรู้ระหว่างทางคือสิ่งสำคัญ การลงมือทำทำให้เกิดประสบการณ์นะครับ

 

Life : พื้นที่แสดงออก

โรงเรียนอัสสัมชัญไม่ได้เด่นแค่เรื่อง Head (วิชาการ) แต่ Heart ก็เป็นกลไกสำคัญมากที่จะสร้างให้เด็กคนนึงเติบโตได้เป็นอย่างดี ขั้นตอนเหล่านี้คือจำเป็นมาก วัยประถมจะเน้นเตรียมความพร้อม และลองให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ จะนำไปสู่ ความชอบความไม่ชอบ ความถนัดความไม่ถนัด เด็กๆสามารถเสนอแนะและสะท้อนความคิดให้คุณครูหรือผู้ปกครองจากการเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆว่าอยากทำอะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร และให้โอกาสเด็กๆได้เป็น “ผู้นำในเวทีของตนเอง”

เด็กๆรายล้อม คุณภราดาศุภนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียน

ความสุขมาพร้อมกับความสดใส

 

ABK : โรงเรียนอัสสัมชัญ ปลูกฝังอะไร?

Maturity วุฒิภาวะ

ที่สอดแทรกอยู่ในหลักสูตร ทั้งในห้องเรียนและกิจกรรม จะช่วยให้เด็กๆจัดการอารมณ์ วิธีคิด เปลี่ยนปัญหา ความเครียด แรงกดดัน ให้เป็นแรงบวก = พลิกวิกฤต เพราะทุกปัญหาทำให้ชีวิตมีคุณค่าและมีพัฒนาการ

Self-Esteem

การเห็นคุณค่าในตนเอง หรือ ความคิดที่เรามีต่อตัวเอง เช่น เราเป็นคนแบบไหน เราเหมาะกับอะไร เรามีความสามารถด้านไหน เป็นต้น ซึ่งส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการที่จะพัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น รวมถึงความสามารถในการรับมือกับอารมณ์และสถานการณ์ต่าง ๆการให้เด็กๆแต่ละคนได้ “เป็นพระเอก หรือ เป็นผู้นำในเวทีของตัวเอง” เป็นการสร้าง “Leadership” จะทำให้พวกเขามีตัวตน ได้รับการยอมรับ มีคุณค่า มีความภาคภูมิใจในตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกันทางชีวิตให้แข็งแรง

ติดอาวุธทางภาษาการสื่อสาร

เมื่อคิดได้ ก็ต้องสื่อสารได้ จัดระเบียบความคิดได้ “เวทีปราศรัยและการโต้วาที ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ” ที่คลาสสิคแต่สร้างสรรค์นี้แหละค่ะ ที่จะฝึกให้เด็กๆลำดับความคิด – สื่อสารออกมา – debate ด้วยเหตุผล ตามกติกา ไม่ใช้อารมณ์

เวทีสำหรับเด็กช่วยทำให้เด็กๆได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ชอบ สิ่งที่แค่อยากลอง หรือแค่ทำตามเพื่อนๆ อย่างไรพวกเขาก็ได้ประสบการณ์ เพราะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ “อัสสัมชัญ” ทุกคน “สำคัญ” เท่ากันหมด

กิจกรรมในห้องเรียนแต่ละวัน

 

Environment : เตรียมนิเวศน์รอบลูก

ความสำคัญของ บ้าน ,โรงเรียนและสิ่งแวดล้อมลูกเท่ากับทุนชีวิต

ทำไม “ทุนชีวิต” ถึงเป็นประเด็นสำคัญที่ โรงเรียนอัสสัมชัญให้ความสำคัญมาก? เพราะทุนชีวิตนั้นกว้างกว่า “ทักษะชีวิต” (ทักษะชีวิตจะพูดถึงแค่ตัวเอง) แต่ทุนชีวิตพูดถึงทั้งทักษะชีวิตและจิตสำนึกที่มีต่อตนเอง รวมถึงทักษะและจิตสำนึกในการอยู่ร่วมในสังคม

ที่ตนเองอาศัยอยู่ด้วย ทุนชีวิตมี 5 องค์ประกอบ คือ 1. บ้าน 2. ชุมชน 3. โรงเรียน 4. เพื่อน และ 5. ตัวตน ถ้า 4 องค์ประกอบแรกแข็งแรง ก็จะคุมองค์ประกอบสุดท้ายคือตัวตนของเด็กไว้ได้ เช่น ทักษะการจัดการอารมณ์ การมีจิตสำนึกที่ดี ฯลฯ ทุนชีวิตจึงเป็นเครื่องมือในการวัดจิตสำนึกของเด็ก วัดว่าเด็กรู้สึกยังไงกับตัวเอง กับบ้าน กับชุมชน กับโรงเรียน กับเพื่อน

ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้เมื่อบ้านและโรงเรียนร่วมมือและสนับสนุนเด็กๆ ไปในทิศทางเดียวกัน การสื่อสารระหว่างบ้านและโรงเรียนจึงสำคัญมาก

ห้องสมุดสีสันสดใส ดึงดูดเด็กๆได้ดี

โรงเรียนมีสระว่ายน้ำในร่มขนาดมาตรฐานและสนามเด็กเล่นอุปกรณ์ครบครัน

 

ครูคือฟันเฟืองที่ขาดไม่ได้

ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะ Facilitator ผู้อำนวยความสะดวก หรือ Advisor ที่ปรึกษา แต่ครูคือผู้ที่อยู่กับเด็กๆตลอดเวลา เป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในช่วงเวลานั้นๆของชีวิตเด็ก ทางโรงเรียนจึงให้ความสำคัญกับคุณครูมากเช่นกัน

สิ่งที่ไม่ใช่งานของคุณครูจะถูกดึงออกไป

เพื่อให้คุณครูได้ใส่ใจและดูแลเด็กๆ อย่างเต็มที่

เพื่อให้คุณครูใช้เวลาออกแบบและโฟกัสกับกิจกรรมในชั้นเรียน รวมถึงการสังเกต คิด วิเคราะห์ แก้ไขปัญหา

การ Upskill Reskill คุณครูอยู่สม่ำเสมอทำให้คุณครูมีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองไปด้วยเช่นกัน

คุณครูคือสื่อกลาง ต้องเข้าใจผู้ปกครอง เข้าถึงจิตใจของเด็กๆ ผนึกกำลังร่วมกับนักจิตวิทยา โรงเรียนจึงไม่ใช่แค่มาเพื่อเรียน แต่มาเพื่อเรียนรู้ ศึกษาและพัฒนาความเป็นมนุษย์ร่วมกันไปของทั้งสถาบันครอบครัวและโรงเรียน

 

นักจิตวิทยาประจำชั้น

นักจิตวิทยาในโรงเรียน…ช่วยดูแลเรื่องสุขภาพจิตของนักเรียน ซึ่งดูแลในที่นี้คือในเชิงป้องกันปัญหา และให้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการอารมณ์ ทักษะชีวิต ถ้าเจอเพื่อนแกล้ง เราต้องพูดยังไง สื่อสารกับเพื่อนยังไง สิ่งเหล่านี้จะเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคทางจิตในอนาคต

นักจิตวิทยาประจำโรงเรียนอัสสัมชัญจะคอย support ทั้งคุณครูและผู้ปกครอง ดูแลใส่ใจเด็กๆทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

หากมีเรื่องราวเกิดขึ้น การ Alarming หรือ Monitoring จากคุณครู จะรวดเร็ว ทางโรงเรียนสามารถดำเนินการได้ทันท่วงที

โรงเรียนอัสสัมชัญ

คุณภราดาศุภนันท์ ขันธปรีชา ผู้อำนวยการโรงเรียน

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่!

โรงเรียนปรับ คุณครูเปลี่ยน รูปแบบการเรียนการสอนและบทบาทคุณครูเปลี่ยนไป ทำให้ความสามารถและตัวตนของเด็กๆเปล่งประกายออกมา

เด็กๆทุกคนจะได้เรียนศิลปะ ดนตรี เปียโน เพราะสุนทรียะทำให้เด็กๆเกิด สติ สมาธิและอยู่ใกล้ชิดตนเองได้ง่าย ช่วยกล่อมเกลาให้เด็กๆมีความอ่อนโยน แล้วยังช่วยทำให้สมองสองด้านทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ความหลากหลายของชมรมที่โรงเรียนเตรียมไว้ให้ลูกๆ ชิมลาง เช่น หมากล้อม คำคม SPACE ACP and Robotic Monfort Coding โดรน ว่ายน้ำ ฟุตบอล บาสเก็ตบอล แบดมินตัน E-Sport ปิงปอง ติดอาวุธทางภาาา Crossword&Games Audience Reviews The Challenge Club ชมรมศิลปะ ดนตรีพื้นเมือง ดนตรีโยธวาทิต อนุรักษ์โขนไทย วงสตริงคอมโบ พับกระดาษ

Swis App สายตรงจากผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่สามารถสะท้อนเรื่องราวหรือปัญหาต่างๆเพื่อให้เกิดการดำเนินการได้

ความเท่าเทียมกันในหมู่นักเรียน ตั้งแต่การปรับ แก้ไขและปูพื้นฐานให้เท่ากันตั้งแต่ ป.1 จนถึงการดูแลและร่างกาย จิตใจ

เด็กทุกคนมีตัวตนในโรงเรียนเสมอ ช่วยเหลืองานในโรงเรียนได้ ทีมงาน ช่างภาพ ตัดต่อวิดีโอ ฯลฯ enjoy สุดๆไปเลย

บางวันที่เด็กมี bad day จะมีคนมา support อยู่เสมอ จนรู้สึกสบายใจ

 

โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม ค่าเทอม

หลักสูตรสถานศึกษา (Regular Program)

ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในการศึกษาประมาณ 80,000 บาท / ปี

ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายของหลักสูตร English Program และแผนการเรียน Chinese – English Program

โปรดติดต่อสอบถามทางโรงเรียนโดยตรง

 

ที่อยู่ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม

(Assumption College Primary Section)

164 ซอยสาทร11 สาทรใต้

ถนนสาทร กรุงเทพมหานคร 10120

โทรศัพท์ : 0-2675-6970-83

Email : [email protected]

Assumption College Primary Section – www.acp.ac.th


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

ตัวช่วย ลูกเป็นหวัดคัดจมูก หายใจโล่งด้วย น้ำมันหอมแดงออร์แกนิค

ในวันที่อากาศเปลี่ยน เด็กเล็กๆ ที่ยังมีภูมิต้านทานน้อยจึงมักเป็นหวัดได้ง่าย อาการที่พบบ่อยได้แก่ น้ำมูก หายใจไม่สะดวก ซึ่งพบว่าตอนกลางวันลูกยังร่าเริงเหมือนปกติทุกอย่าง แต่พอเวลานอนตอนกลางคืนจะรู้สึกว่าจมูกตัน หายใจครืดคราด ลูกเป็นหวัดคัดจมูก จะนอนก็นอนไม่ได้ หายใจไม่ออก

จำได้ว่า ตอนสมัยที่เรายังเด็ก แม่มักจะทุบหอมแดงมาวางไว้ข้างหมอน ช่วยให้หายใจโล่งสบายขึ้น แต่คุณแม่ยุคใหม่ไม่ต้องทุบหัวหอมอีกต่อไป เพราะมีตัวช่วยดี ๆ ที่เรียกว่าน้ำมันหอมแดง ช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ Magic Dragon น้ำมันหอมแดง ตัวช่วยคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ค่ะ

Magic Dragon น้ำมันหอมแดง ออร์แกนิค และสมุนไพรนานาชนิด

น้ำมันหอมแดง 1 ขวด อุดมไปด้วยสารสกัดจากสมุนไพรหลายชนิด อาทิเช่น หอมแดง เลมอน มะนาว โรสแมรี่ กานพลู เปปเปอร์มินต์ และยูคาลิปตัส ซึ่งเมื่อสรรพคุณของสมุนไพรทุกตัวมารวมกันแล้ว ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบรรเทาหวัดได้อย่างดีเยี่ยม

  • Shallot Essential Oil สารสกัดจากหอมแดง แก้หวัดและบรรเทาอาการท้องอืด ในเด็กเล็ก
  • Lemon Essential Oil ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดอาการหอบหืด ช่วยให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น
  • Lime Essential Oil ช่วยลดอาการหอบหืด ช่วยให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น
  • Rosemary Essential Oil บรรเทาอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ และไมเกรน
  • Clove Essential Oil มีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรีย และต้านการอักเสบ
  • Peppermint Essential Oil ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา บรรเทาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ช่วยให้ผ่อนคลาย สดชื่น กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • Eucalyptus Essential Oil ช่วยเรื่องปัญหาระบบทางเดินหายใจ บรรเทาหวัด คัดจมูก หายใจไม่สะดวก
  • CM-Glucan Forte บรรเทาอาการระคายเคืองและการคันของผิวที่มีอาการภูมิแพ้ทางผิวหนัง

Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ น้ำมันหอมแดง Magic Dragon ได้รับรางวัล BEST COLD RELIEF FOR KIDS สาขา Rising Star จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

น้ำมันหอมแดง Magic Dragon ทำเป็นขวดลูกกลิ้งใช้ง่าย พกพาสะดวก ช่วยให้ลูกน้อย หายใจโล่งสบาย สดชื่น บรรเทาอาการ ลูกเป็นหวัดคัดจมูก ให้ความหอมยาวนานถึง 12 ชั่วโมง และยังปลอดภัยด้วยสารสกัดออร์แกนิคที่ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำ อาทิ

  • ผ่านการทดสอบการแพ้ระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนัง สถาบัน Dermscan Asia
  • ได้รับการรับรอง iOrganic จากประเทศญี่ปุ่น
  • ได้รับการรับรอง USDA Organic ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ได้รับการรับรองมาตรฐาน Ecocert จากยุโรป

คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย สามารถใช้กับลูกน้อยแรกเกิดได้ รวมถึงเด็กที่เป็น G6PD สามารถใช้ได้ เนื่องจากไม่มีสารกระตุ้น G6PD ทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่คัน ไม่ระคายเคืองผิวลูกน้อย

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ น้ำมันหอมแดง Magic Dragon ได้รับรางวัล Rising Star สาขา BEST COLD RELIEF FOR KIDS จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์ Magic Dragon

สามารถติดตามได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/magicdragonbaby

Line Official : https://page.line.me/magicdragon_baby

Instagram : https://www.instagram.com/magicdragon_baby

Shopee : https://shopee.co.th/magicdragon_baby

Tiktok : https://www.tiktok.com/@magicdragon_baby

 

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 สูตรใหม่ คุ้มกว่า ด้วยสฟิงโกไมอีลินที่มากกว่า*

เด็ก 1 ขวบขึ้นไปพัฒนาการด้านร่างกาย และพัฒนาการสมองการเรียนรู้จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และเด็กวัยนี้ยังเป็นช่วงวัยที่ชอบออกไปทำกิจกรรมสนุกๆ นอกบ้าน ชอบที่จะเรียนรู้ค้นหาสิ่งแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการส่งเสริมให้ลูกมีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย และสติปัญญา เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจมากขึ้น วันนี้ทีมกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีนมสูตร 3 สำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไปมาแนะนำให้ค่ะ

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส สูตรใหม่ มีสฟิงโกไมอีลินมากกว่าสูตรเดิม

ลูกวัยขวบขึ้นไปถึงจะรับประทานอาหารมื้อหลักครบ 3 มื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังต้องเสริมนมสำหรับเด็กให้ลูกดื่มนม 3-4 มื้อต่อวันค่ะ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ อย่างผลิตภัณฑ์นมผงเอนฟาโกร สมาร์ทพลัสสำหรับเด็กสูตร 3 ที่คิดค้นเพื่อให้เป็นนมสำหรับเด็กวัยขวบโดยเฉพาะ มีสารอาหารสำคัญสำหรับร่างกายและสมอง ช่วยเสริมโภชนาการให้เด็กพร้อมเรียนรู้สมวัย ซึ่งสูตรนี้ได้มีการเพิ่มเติมในส่วนของสารอาหารสมองอย่างสฟิงโกไมอีลินด้วยค่ะ ในหนึ่งแก้วเด็กๆ จะได้รับสฟิงโกไมอีลินสูงถึง 32 มก.ต่อแก้ว และ มี DHA ถึง 75 มก. ต่อ 3 แก้ว เป็นปริมาณที่พอเหมาะที่จะช่วยพัฒนาสมองของลูก ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ**

**WHO กำหนดให้เด็กอายุ 6 – 24 เดือนควรบริโภค DHA  10 – 12 มก./ 1 กก. (เด็กไทยอายุ 1 ขวบโดยเฉลี่ย มีน้ำหนัก 10 กก. จึงควรบริโภค DHA อย่างน้อย 100 มก.ต่อวัน)

 

Amarin Baby & Kids ยกให้ เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 เป็นนมผงสำหรับเด็ก (สูตร 3) ที่ได้รับรางวัล EDITOR’S CHOICE สาขา BEST GROWING-UP MILK จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

ลูกดื่ม เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 ดีกับร่างกายอย่างไร

สารอาหารที่สำคัญทางโภชนาการในผลิตภัณฑ์เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดให้กับเด็กๆ ทั้ง

  1. สฟิงโกไมอีลิน 32 มก. ต่อแก้ว
  2. ดีเอชเอ 25 มก. ต่อแก้ว หรือ 75 มก.ต่อ 3 แก้ว
  3. สูตรผสมใยอาหาร 2 ชนิด คือ โอลิโกฟรุคโตส และอินนูลิน ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย
  4. วิตามินบี 12 สูง มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง
  5. วิตามินเอ ซี และดีสูง ซึ่งมีส่วนในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
  6. แคลเซียมสูง ซึ่งมีส่วนในการทำงานตามปกติของเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัสBEST GROWING-UP MILK

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส  3 นมสูตร 3 ได้รับการันตีคุณภาพ และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์เหมาะสมกับเด็ก 1 ขวบขึ้นไปที่ต้องการสารอาหารเพื่อส่งเสริมช่วยให้มีพัฒนาการด้านร่างกาย และพัฒนาการด้านสมองการเรียนรู้สมวัยที่มีความพร้อมเต็มไปด้วยประสิทธิภาพและศักยภาพ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 นมสูตร 3 ได้รับรางวัล EDITOR’S CHOICE สาขา BEST GROWING-UP MILK จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ของผลิตภัณฑ์ เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 สามารถติดตามได้ที่                       

https://www.enfababy.com/

Shrewsbury-City-Campus

โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรีกรุงเทพ ซิตี้แคมปัส Shrewsbury International School Bangkok City Campus

ถ้าพูดถึงโรงเรียนนานาชาติ หลาย ๆ คนต้องเคยได้ยิน ชื่อ Shrewsbury International School Bangkok กันแน่นอน เพราะ Shrewsbury International School Bangkok เป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ  ของประเทศ ที่เปิดสอนมากว่า 20 ปีแล้ว ปัจจุบันในประเทศไทยมี 2 สาขา คือ Shrewsbury International School Bangkok Riverside Campus และอีกสาขาที่ School Visit จะพามาเยี่ยมชมในวันนี้คือ Shrewsbury International School Bangkok City Campus ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ย่านสุขุมวิท-พระราม 9 ที่มีพื้นที่กว่า 17 ไร่ บรรยากาศโรงเรียนจะเป็นอย่างไร หลักสูตรการสอนน่าสนใจแค่ไหน วันนี้เราจะพาไปชมกันค่ะ

Shrewsbury International School Bangkok City Campus เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery (หรือวัยก่อนอนุบาล ) จนถึง Year 6 (เรียกตามหลักสูตรอังกฤษ ) หรือชั้นประถมปลาย โดยโรงเรียนสามารถรองรับนักเรียนได้ทั้งหมด 740 คน ในวันนี้เราจะมาพามาเจาะลึกกันที่โซนเด็กน้อย อย่าง Nursery และ Early Years หรือวัยอนุบาลกัน เพราะเด็กเล็กเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ทุกพื้นที่เป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวา น่าตื่นเต้น และท้าทายสำหรับเด็ก ๆ ที่จะเรียนรู้และเติบโต อบอุ่น เป็นมิตร ปลอดภัย เอาใจใส่อย่างเต็มที่ และมุ่งเน้นพัฒนาเด็กในทุก ๆ ด้าน ทั้ง วิชาการ สังคม และอารมณ์ โดยผ่านแนวทางหลักสูตรที่สร้างสรรค์

โรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury International School Bangkok City Campusผนังโลโก้โรงเรียน ที่สวยเด่นสะดุดตาตั้งแต่ทางเข้าโรงเรียน

 

บรรยากาศห้องเรียนของเด็ก ๆ  Nursery และ Early Years หรือ EY ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ตัวอาคารมีประตูและหน้าต่างบานใหญ่เชื่อมต่อกับสวนภายนอก

ฐานกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งศิลปะ ดนตรี ปั้นดิน รวมถึงการเล่นแบบ Free Flow ให้เด็กสามารถเลือกเล่นและเรียนได้ตามความสนใจ เรียนรู้ผ่านการเล่น Play-based Learning เด็กจะได้ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองอย่างเต็มที่

ฐานกิจกรรมด้านนอกที่เชื่อมต่อกับอาคารเรียน มีให้เลือกมากมาย เช่น ขี่จักรยานสามล้อ เล่นทราย เล่นน้ำ (Splash Pool)

หลักสูตร British Curriculum

หลักสูตรของ Shrewsbury International School Bangkok City Campus ส่งตรงมาจากประเทศอังกฤษ รับรองโดยกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ เป็นหลักสูตรที่เหมาะสาหรับชั้นเด็กอนุบาล Early Years (Nursery, EY1, EY2) และมีการใช้หลักสูตรสาหรับพัฒนาเด็กเล็กของประเทศอังกฤษโดยเฉพาะ คือ EYFS (Early Years Foundation Stage) และยังผสมผสานและสอดคล้องกับแนวทางพัฒนาเด็กเล็กแบบ Reggio Emilia Approach โดยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น Play-based Learning เด็กจะได้ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองอย่างเต็มที่ รู้จักสงสัยและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หลักสูตรนี้เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางและผู้นำการเรียนรู้ ที่เรียกว่า Child-center หรือ Child-led Learning ที่ครูจะสอนแบบ Follow the children’s interest ดูว่าเด็กแต่ละคนมีความสนใจเรื่องอะไร ครูจะคอยสังเกตและปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ตามที่เด็กสนใจ เพื่อให้เขามีความสุข สนุก และรักในการเรียนรู้ มีอิสระ มั่นใจ กล้า มีความสุข และอยากมาเรียนทุกวัน สำหรับนักเรียนที่จบ Year 6 จากที่นี่จะได้ไปเรียนต่อระดับชั้นมัธยม หรือ Senior School ที่สาขา Shrewsbury International School Bangkok Riverside โดยอัตโนมัติอีกด้วย

สภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยม

ที่ Shrewsbury International School Bangkok City Campus ออกแบบโรงเรียนให้มีสิ่งแวดล้อมเหมือนบ้าน มีโถงต้อนรับแสนอบอุ่นให้ผู้ปกครองได้ใช้เวลาร่วมกับเด็ก ๆ ในช่วงเช้า สามารถนั่งพูดคุยกับลูกจนกระทั่งถึงเวลาเรียน บรรยากาศภายในตกแต่งด้วยองค์ประกอบจากธรรมชาติเป็นหลัก ทั้งกิ่งไม้ เปลือกไม้ ใบไม้และงานศิลปะที่เด็ก ๆ ได้ช่วยกันลงมือทำด้วยตนเอง ตัวอาคารและห้องเรียน สร้างเพื่อเด็กวัยอนุบาลโดยเฉพาะ มีอาคารแยกออกมาจากอาคารอื่น ๆ เพราะเด็กเล็กมีความต้องการที่แตกต่างจากเด็กโต เหมือนเป็นโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ จึงมีความปลอดภัยสูงมาก นอกจากนี้ยังมีฐานกิจกรรมกระจายอยู่ทั่วทั้งในห้องเรียนและสวนด้านนอก ให้เด็ก ๆ ได้ออกมาสำรวจ สัมผัสและลงมือทำด้วยตนเอง ตามความสนใจ ทั้งลานเล่นทราย ระบายสี เล่นน้ำ (Splash Pool) ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้คุ้นชินกับน้ำ หรือ โซน Forest School ที่เด็ก ๆ จะได้ทำกิจกรรมปีนป่ายต้นไม้ เล่นกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย ทำให้เด็ก ๆ ไม่เบื่อ มีอิสระในการเรียนรู้ เพราะความรู้ไม่ได้จำกัดการเรียนแค่ภายในห้องเรียนแต่สามารถเรียนรู้นอกห้องเรียนได้ด้วย

ที่สำคัญตอนนี้ทางโรงเรียนกำลังสร้างส่วนต่อขยายอาคารเรียนสำหรับเด็กอนุบาล เป็นอาคารอีก 1 หลังเชื่อมต่อ Early Years Hub อาคารเดิม เพื่อรองรับจำนวนนักเรียน Nursery – EY ที่สมัครมาเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาคารหลังใหม่จะสร้างเสร็จพร้อมสำหรับปีการศึกษา ในช่วงเดือนกันยายนปีนี้

โถงภายในอาคารเรียนเด็ก Nursery และ EY บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง ตกแต่งด้วยงานศิลปะจากธรรมชาติมากมาย สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับเด็ก ๆ เวลามาโรงเรียน

กิ่งไม้ธรรมชาติ นำมาตกแต่งทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน

ครัวสำหรับเด็กอนุบาลใน Shrewsbury International School Bangkok City CampusKitchen Area โซนห้องครัวสำหรับเด็กอนุบาล ที่มีอุปกรณ์ครบครัน ใช้งานได้จริงมาให้เด็ก ๆ ได้ทดลองเป็นเชฟตัวน้อย ช่วยฝึกพัฒนาการในหลาย ๆ ด้าน

Forest School การอยู่กับธรรมชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งในหลักสูตรของที่นี่

 

อ่านจนจบแล้ว หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนสนใจ ปลายเดือนนี้ทางโรงเรียนจะมีอีเว้นต์ใหญ่ ชื่องาน Experience Day เป็นงาน Open House พิเศษ ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567 ตั้งแต่ เวลา 9.30 น.เป็นต้นไป คุณพ่อคุณแม่จะได้ชมสถานที่ดูบรรยากาศเรียนและฟังพรีเซนเทชั่นของครูใหญ่และครูผู้บริหารเรื่องหลักสูตรโรงเรียนด้วย นอกจากนี้ยังสามารถพาลูก ๆ มาเล่นกิจกรรม Playgroup ต่อที่อาคาร Early Years Hub ซึ่งจะมีเกมส์และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้เล่นฟรี! เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศโรงเรียน พร้อมได้พูดคุยกับคุณครูด้วย หากผู้ปกครองสนใจ รีบลงทะเบียนกันนะคะ งานนี้ฟรีค่าเข้า

ลงทะเบียน คลิ๊ก https://bit.ly/49LAlCv ( เลือก Experience Day (Open House + Playgroup) – Saturday 30th March 2024)

 

นักเรียนจะได้ทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยตนเอง โดยมีครูคอยสังเกตและช่วยเหลืออยู่ใกล้ ๆ  ส่วนในคาบเรียนวิชาภาษาจีน เด็ก ๆ ก็จะได้เรียนกับเจ้าของภาษา โดยตรงเช่นกัน

Little Gym Shrewsbury International School Bangkok City CampusLittle Gym ห้องที่เด็ก ๆ จะได้วิ่งเล่น ปีนป่าย กระโดด และฝึกฝนท่ากายบริหาร (Gymnastics) กันอย่างเต็มที่ แม้ว่าในช่วงที่อากาศมีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง เด็ก ๆ ก็สามารถใช้พื้นที่นี้สำหรับวิ่งเล่นและออกกำลัง

swimming pool Shrewsbury International School Bangkok City Campusสระว่ายน้ำในร่มระบบน้ำเกลือ ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก

 

ช่วงพักทานอาหารกลางวัน เมนูอาหารที่โรงเรียนจัดให้มีความหลากหลายและครบห้าหมู่ตามหลักโภชนาการ เช่น อาหารเอเชีย อาหารฝรั่ง อาหารไทยมีทั้งเมนูเส้น เมนูข้าว ที่เด็ก ๆ เลือกทานได้ด้วยตนเอง

บรรยากาศห้องสมุด ที่เต็มไปด้วยหนังสือหลายหมวดหมู่ หรือจะมาวาดรูประบายสีก็ได้

3 สิ่งพิเศษที่ทำไมลูกควรเรียนที่นี่

  1. หลักสูตรที่นี่เป็นหลักสูตรพัฒนาเด็กเล็กของอังกฤษ เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น Play-based Learning ที่ช่วยพัฒนาเด็กทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และทักษะพื้นฐานต่าง ๆ เด็ก ๆ จะมีความสุข สนุกสนาน ทำให้อยากมาโรงเรียนทุกวัน คุณพ่อคุณแม่จึงเบาใจได้ ว่าเด็กจะมีพื้นฐานการเรียนรู้และพัฒนาการที่ดี เหมาะสมตามช่วงวัยอย่างแน่นอน
  1. ครูทุกคนที่นี่เป็น Native Speakers และมีวุฒิครูรับรองจากกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ QTS (Qualified Teaching Status) และครูต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 3 ปี ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับการคัดเลือกครูที่มาสอน ต้องได้มาตรฐานเท่านั้น คุณครูใหญ่ของโรงเรียนจะเดินทางกลับไปยังประเทศอังกฤษทุกปี เพื่อคัดเลือกครูด้วยตนเอง ถึงจะเป็นคุณครูที่นี่ได้
  2. สภาพแวดล้อมของโรงเรียน ร่มรื่น รายล้อมไปด้วยธรรมชาติทั้งต้นไม้ดอกไม้ และแสงธรรมชาติ พื้นที่ออกแบบให้มีสวนล้อมรอบอาคารเรียน มีโซน Forest School ให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติ

 

Mommy Love’s This ถูกใจแม่

  1. ความปลอดภัยที่นี่สูงมาก ตั้งแต่การทางเข้าออกหน้าโรงเรียน และตึกเรียนของเด็ก ๆ การออกแบบอาคารเรียนและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ในห้องเรียน ถูกคิดมาเป็นอย่างดีเหมาะสมกับสรีระร่างกายของเด็ก ๆ
  2. เด็ก ๆ ได้ลงมือช่วยเหลือตัวเองแทบทุกอย่าง ทำให้เกิดการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน
  3. เด็ก Nursery มีคุณครูคอยดูแลถึง 4 คนต่อ 1 ห้อง ดูแลเด็ก ๆ ทั่วถึงแน่นอน เด็กนักเรียนจำกัดเพียง 12-15 คนต่อห้อง ส่วน EY1 และ EY2 จะมี Teacher 1 คนและครูผู้ช่วยอีก 2 คน
  4. โรงเรียนอยู่ใกล้โรงพยาบาลมาก หากเกิดอะไรฉุกเฉินทางโรงเรียนก็มีห้องพยาบาลระดับมาตรฐานที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ครบครัน
  5. ไม่ต้องกลัวว่าเด็ก ๆ จะไม่ได้เล่น หากวันไหนค่าฝุ่น PM สูง เพราะที่นี่มีห้อง Little Gym สำหรับออกกาลังกายในร่ม ให้เด็กได้วิ่งเล่นออกกำลังกันเต็มที่

 

อัตราค่าค่าเทอม

Nursery (2 ขวบ)  : 204,900 บาท / เทอม : 614,700 / ปี
EY1 (3-4 ขวบ)      : 211,700 บาท / เทอม : 635,100 / ปี
EY2 (4-5 ขวบ        : 222,900 บาท / เทอม : 668,700 / ปี
ส่วนระดับชั้นประถม Year 1 ถึง Year 6  (5ขวบ-11 ปี) : 250,500-278,000 / เทอม
หรือ 751,500-834,000 / ปี

ที่อยู่

โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรีกรุงเทพ ซิตี้แคมปัส
982 ถนนริมคลองสามเสน (พระราม 9) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310
โทรศัพท์ 02-203-1222

Website : Shrewsbury.ac.th/city
Email : [email protected]
Social Media : @SHBcitycampus

เรื่อง : แม่เลม่อน
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

Tags

Little Treehouse Nursery

“Little Treehouse Nursery” Learning blooms in green spaces Nurturing healthy minds and smiles

การเลือกโรงเรียนหรือเนอสเซอรี่สำหรับลูกน้อย อาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆครอบครัว แต่ถ้ามีเนอสเซอรี่ที่มีบรรยากาศอบอุ่นมีคุณครูคอยใส่ใจเด็กๆ เปรียบเสมือนคนในครอบครัวและเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเด็กๆ ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงอุ่นใจไม่น้อย  School Visit วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชมเนอสเซอรี่ดีๆย่านทองหล่อ ซอย 13 ที่มีชื่อว่า “Little Treehouse Nursery” เนอสเซอรี่ที่จะทำให้เด็กๆอยากมาเรียน เล่น และมีความสุขได้ทุกๆวัน

Little Treehouse Nursery ก่อตั้งโดยคุณแม่ 2 ท่านผู้เป็นอดีตคุณครูที่มีประสบการณ์การสอนมาหลายปีก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้ก่อตั้งและบริหารโรงเรียนของตัวเอง เปิดสอนตั้งแต่ระดับเนอสเซอรี่จนถึงอนุบาล ( Nursery – Kindergarten 2 ) แนวทางการสอนของที่นี่ใช้หลักสูตร British Early Years Foundation และจัดการสอนโดยใช้แนวการศึกษา Reggio Emilia-inspired กับ Montesseri-inspired ควบคู่กันไป  Reggio Emilia เป็นหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยตนเอง เด็กๆ ได้เล่นอย่างอิสระและเกิดการเรียนรู้ขึ้นระหว่างการเล่นแบบค่อยเป็นค่อยไป  เพราะเด็กแต่ละคนมีศักยภาพและมีความถนัดแตกต่างกัน เมื่อลงมือทำด้วยตนเอง เด็กๆจะได้เรียนรู้และ แก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน  คุณเรณิกา กับ คุณทริชา ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของโรงเรียนมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีและเหมาะสมสำหรับเด็กๆ โดยที่โรงเรียนยึดมั่นในสามสิ่งนั่นก็คือ การเล่น (Play), ความรัก(Love), การเติบโต(Grow)

Play-Based Learning

ทุกๆ วัน คุณครูจะจัดเตรียมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น เพราะเชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่แวดล้อมตัวเด็กก็เปรียบเสมือนเป็นครูอีกคนหนึ่งของพวกเขาเช่นกัน ทำให้เด็กนักเรียนของเราพร้อมที่จะสำรวจโลกรอบตัว สนุกที่ได้ตั้งคำถามและต้องการหาคำตอบอยู่เสมอโดยไม่กลัวที่จะเลอะเทอะกันเลย เด็กๆ ที่นี่จะเล่นสนุกกับโคลน, สี, ทราย, และน้ำทุกวัน โดยคุณครูจะเน้นการพัฒนาพื้นฐานให้เด็กๆ นำไปต่อยอดได้ เช่น การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ การเข้าสังคม การมีมารยาทรู้กาลเทศะ และการสร้างความมั่นใจในตัว

ลานกิจกรรมเอาต์ดอร์และสนามเด็กเล่นรอบอาคาร เต็มไปด้วยสีเขียวจากต้นไม้และของเล่นเสริมพัฒนาการมากมาย
มีบ้านต้นไม้ที่คอยชักชวนให้เด็กๆ ขึ้นไปวิ่งเล่น และออกกำลัง

เล่นและเรียนอย่างมีความสุข เป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ

เด็กนักเรียนที่นี่จะได้เรียนรู้และเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ ที่โรงเรียนคุณครูจะช่วยเด็กๆ ในการสื่อสาร แก้ปัญหาและจัดสรรเวลาสำหรับการเรียนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้คุณครูและนักเรียนยังมีส่วนร่วมในการดูแลและสร้างชุมชนภายในห้องเรียนของตัวเอง เช่น นักเรียนช่วยกันตั้งกฎของห้องเรียนตัวเองด้วย  และได้เรียนรู้เรื่องราวแต่ละหัวข้อการเรียนผ่านประสบการณ์จริงๆ เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้อยู่ใน ‘ความทรงจำหลัก (Core Memory) เช่น นำรถดับเพลิงของจริงมาที่โรงเรียนหรือทำ petting zoo ให้เด็กๆ ได้สัมผัสของจริงตามหัวข้อที่เรียน ส่วนวิชาศิลปะที่โรงเรียนจะเป็นศิลปะแบบเน้นกระบวนการ (Process Art) เด็กนักเรียนจะได้ทำงานศิลปะแบบปลายเปิด ได้เลือกอุปกรณ์ที่จะใช้และเลือกว่าจะทำอะไรและทำอย่างไรด้วยตัวเองอย่างอิสระ สร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจให้กับเด็กๆ

นอกจากนี้ที่โรงเรียนจะเน้นการเรียนรู้ตาม ‘หัวข้อ’ มากกว่า ‘รายวิชา’ เวลาคุณครูสอนหัวข้อหนึ่ง เช่น หัวข้อ มหาสมุทร หรือ พืช เด็กๆ จะได้เรียนเกี่ยวกับคำศัพท์ ตัวเลข ศิลปะ วิทยาศาสต์และทักษะอื่นๆ ภายใต้หัวข้อนั้นๆ ช่วยให้เด็กๆได้เรียนรู้และเข้าใจหัวข้อที่เรียนได้มากยิ่งขึ้น เด็กนักเรียนจะพร้อมด้วยทักษะและพร้อมเผชิญกับโลกภายนอก เข้าใจและสามารถสานสัมพันธ์กับเพื่อนจากต่างวัฒนธรรม มีความมั่นใจในตนเอง และเป็นคนช่างคิดช่างสงสัยและมีความคิดสร้างสรรค์

ฝึกปั้นดินต่าง เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก

เด็กๆ ที่นี่จะเล่นสนุกกับโคลน, สี, ทราย, และน้ำทุกวัน

กิจกรรมเล่นแสงและเงา ช่วยส่งเสริมจินตนาการ

เมนูอาหารแสนอร่อยสำหรับเด็กๆ

สภาพแวดล้อมที่ดีเหมือนบ้าน

เพราะเด็กต้องห่างจากคุณพ่อคุณแม่ การทำให้โรงเรียนมีบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกอบอุ่นเหมือนบ้านจะช่วยทำให้เด็กๆรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ที่ Little Treehouse Nursery จึงพยายามสร้างบรรยากาศให้เด็กๆได้รู้สึกว่ามาบ้านหลังที่ 2 มากกว่ามาโรงเรียน ภายนอกอาคารมีพื้นที่อเนกประสงค์เป็นลานสำหรับทำ 24-25 กิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนในสวนก็มีบ้านต้นไม้ที่คอยชักชวนให้เด็กๆ ขึ้นไปวิ่งเล่น และออกกำลังกันอย่างเต็มที่ โดยระหว่างวันเด็กๆ จะวิ่งเล่น ปีนป่าย และทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบไม่ใส่รองเท้าหรือถุงเท้าเลย การที่เด็กๆ เท้าเปล่าทำกิจกรรมจะทำให้ได้สัมผัสพื้นผิวต่างๆ ได้เต็มที่ นอกจากจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสแล้ว ยังสนุกมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ยังมี Sensory garden สวนในร่มที่เน้นการเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่สำหรับเด็กวัยเตรียมอนุบาล  ส่วนห้องเรียนแต่ละห้องจะถูกออกแบบตามแนวคิด Reggio โดยเลือกใช้สีโทนอบอุ่น เพื่อสร้างบรรยากาศ และเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกให้มาก เฟอร์นิเจอร์ต่างๆก็เลือกใช้วัสดุที่ทำจากไม้เป็นหลัก  จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ คือ มุมเสริมการเรียนรู้และพื้นที่เล่นแบบปลายเปิดที่ให้เด็กๆ สามารถเข้าไปเล่นได้ตลอด นอกจากนี้โรงเรียนยังมีมุมอื่นๆที่น่าสนใจอย่าง สตูดิโอสอนเต้นและดนตรี ห้องสมุดบ้านต้นไม้ และสตูดิโอเล่นแสงและอีกด้วย

บรรยากาศมุมต่างๆในโรงเรียน ดูผ่อนคลายและอบอุ่นเหมือนบ้าน ตามแนวคิด Reggio

ฝึกกล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กมัดใหญ่ด้วยกิจกรรมต่างๆ

กิจกรรมในแต่ละวันของเด็กๆ เน้นสนุกและได้ความรู้

สัปดาห์นี้เด็กๆจะได้เรียน หัวข้อเรื่องทะเล เป็นหัวข้อหนึ่งที่เด็กๆสนใจมาก

Mommy’s Love This

  1. ที่ Little Treehouse Nursery มีระบบรักษาความปลอดภัยและติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้อย่างทั่วโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่จึงอุ่นใจเรื่องความปลอดภัยได้
  2. ที่โรงเรียนมีห้องอาหารและครัวสำหรับทำอาหารให้เด็กๆ ซึ่งห้องครัวของโรงเรียนเป็นครัวมังสวิรัติ (vegetarian) รับรองว่าสะอาดและถูกหลักอนามัยแน่นอน เด็กๆจะได้รับประทานผักและผลไม้ รวมถึงโปรตีนจากไข่ นมและพืช ช่วยให้ได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ในทุกมื้อ
  3. ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมตามเทศกาลตลอดทั้งเทอม มีบางกิจกรรมที่จัดให้ผู้ปกครองเข้าร่วมด้วย เช่น วันฮาโลวีนม วันคริสต์มาส, วันลอยกระทง, วันนานาชาติ และยังมีงานประมูลผลงานศิลปะของเด็กๆ ซึ่งงานนี้ปกครองชอบกันมาก รวมถึงมีการจัด Parent’s Orientation Night และงานประชุมครู-ผู้ปกครองด้วย ทำให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมอยู่เสมอ
  4. โรงเรียนมีสัดส่วนคุณครูและนักเรียนเหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
  5. เด็กนักเรียนจึงมีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง เช่น ไทย จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ดัตช์ เยอรมัน โปรตุเกส เป็นต้น ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ความต่างของแต่ละเชื้อชาติและสานสัมพันธ์กับเพื่อนจากต่างวัฒนธรรม

อัตราค่าเล่าเรียน ปี พ.ศ.2567

ค่าแรกเข้า 50,000 บาท

Nursery อายุ 1-2 ปี (ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 3 Days : Term 1 : 83,800 บาท

Term 2 : 57,500 บาท
Term 3 : 47,900 บาท

  • 4 Days : Term 1 : 98,100 บาท

Term 2 : 67,800 บาท
Term 3 : 55,200 บาท

  • 5 Days : Term 1 : 111,900 บาท

Term 2 : 77,100 บาท
Term 3 : 62,800 บาท

Pre-Kindergarten อายุ 2-3 ปี ( ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 3 Days : Term 1 : 93,000 บาท

Term 2 : 64,900 บาท
Term 3 : 52,300 บาท

  • 4 Days : Term 1 : 107,500 บาท

Term 2 : 74,100 บาท
Term 3 : 60,700 บาท

  • 5 Days : Term 1 : 121,100 บาท

Term 2 : 83,600 บาท
Term 3 : 68,100 บาท

Kindergarten 1 อายุ 3-4 ปี ( ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 5 Days : Term 1 : 129,600 บาท

Term 2 : 89,800 บาท
Term 3 : 74,300 บาท

Kindergarten 2 อายุ 4-5 ปี ( ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 5 Days : Term 1 : 149,300 บาท

Term 2 : 102,700 บาท
Term 3 : 83,800 บาท

 

ที่อยู่

41/2 ทองหล่อซอย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110

โทร. 02-077-7513 ,094 -792 -9979
Facebook : https://www.facebook.com/littletreehousenursery

เวบไซต์ : https://littletreehousenursery.com/

Tags

เริ่มต้นดี เรียนรู้ได้ไวกว่า พัฒนาเด็กสมองไว ด้วย สฟิงโกไมอีลิน ในนมแม่

ถึงเทคโนโลยีจะก้าวรุดหน้าไปรวดเร็วเพียงใด แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจไปล่วงหน้า เพราะเทคโนโลยีเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้มนุษย์เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น  ดังนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้ คือการเตรียมความพร้อมให้ลูกรัก เลี้ยงลูกแบบแม่ Gen อนาคต ให้ลูกพร้อมที่จะก้าวไปสู่โลกในอนาคตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง ทั้งความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจ  สอนให้ลูกเรียนรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกวิธี และสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือได้เกิดประโยชน์สูงสุด

พัฒนาสมองเด็กให้แข็งแรง ด้วยสฟิงโกไมอีลิน พัฒนาเด็กสมองไว

สมองของลูกเป็นหัวใจหลักและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกพัฒนาการ ไม่ว่าจะเป็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรกของชีวิตเป็นช่วงเวลาที่สมองของลูกกำลังพัฒนา สร้างเซลล์สมองและสารสื่อประสาทต่าง ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจากการวิจัยพบว่า ทารกที่มีพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน อาจส่งผลทำให้โอกาสของความสำเร็จในวัยเรียนและวัยทำงานแตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นการเริ่มต้นส่งเสริมพัฒนาการของลูกตั้งแต่วัยทารกจึงเป็นการวางรากฐานสู่อนาคตให้กับลูก โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกมี 2 อย่าง ได้แก่ โภชนาการที่ดี และการเลี้ยงดูที่ดี

สมองไว สร้างได้ด้วยสฟิงโกไมอีลินในนมแม่

โภชนาการที่ดี

คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมโภชนาการที่ดีให้ลูกแข็งแรงสมบูรณ์ ก้าวทันโลกได้ ด้วยการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกาย เสมือนการเติมวัตถุดิบให้เพียงพอ เพื่อบำรุงให้สมองของลูกพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ

จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า “สฟิงโกไมอีลิน” ในนมแม่ มีส่วนช่วยให้สมองเชื่อมโยงสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว สามารถส่งผ่านข้อมูลภายในสมองได้อย่างรวดเร็ว สามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกน้อยเกิดการจดจำและการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ไว สฟิงโกไมอีลิน จึงมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง ทั้งกระบวนการทางสติปัญญา การเรียนรู้ และความเฉลียวฉลาด ช่วยในการคิด วิเคราะห์ จดจำ เป็นสารอาหารสมองที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับ โดยเฉพาะในขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของการพัฒนาสมองลูก ลูกน้อยจึงควรได้รับสารอาหารบำรุงสมองที่อยู่ในนมแม่อย่าง สฟิงโกไมอีลิน ที่สามารถให้ได้ต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 1 ขวบขึ้นไป และนานที่สุดเท่าที่จะให้ได้  เพื่อสร้างโอกาสที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของลูกในอนาคต

สฟิงโกไมอีลิน ช่วยพัฒนาเด็กสมองไว

เสริมทักษะลูกน้อย ด้วยสฟิงโกไมอีลิน พัฒนาสมองลูกน้อย

 

การเลี้ยงดูที่ดี

นอกจากการได้รับสารอาหารสำคัญอย่างสฟิงโกไมอีลิน เพื่อให้การเชื่อมต่อของสมองส่วนหน้าของลูกได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการกระตุ้นพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ของลูกผ่านกิจกรรมในครอบครัว ด้วย ‘กิจกรรมแห่งสายใย’ สร้างช่วงเวลาคุณภาพสำหรับทุกคนในครอบครัว ฝึกกระตุ้นสมองของลูกน้อย เพื่อสร้างทักษะสมองขั้นสูง ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต

คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมทักษะ พัฒนาการทางสมอง และเสริมสร้างการเรียนรู้ของลูกได้ตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านการเล่น เพราะยิ่งเล่น สมองของลูกก็ยิ่งแล่น โดยมีเป้าหมายในการฝึกทักษะของลูก 3 เป้าหมาย ได้แก่

  • มีความจำดี นำไปใช้ได้ (Working Memory)

การฝึกทักษะให้ลูกผ่านกิจกรรมที่มีเป้าหมาย จะช่วยให้ลูกมี “ความจำเพื่อใช้งาน” หรือความจำที่สมองเก็บข้อมูลเอาไว้ เพื่อนำมาประมวลผลและดึงข้อมูลมาใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ตามที่ต้องการ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นความสามารถในการจดจำของสมองส่วนหน้าของลูกผ่านการเล่น Flash card การอ่านหนังสือที่เหมาะกับอายุและความสนใจของลูก การเล่านิทานให้ลูกฟัง การอ่านหนังสือกับลูก แล้วชวนลูกคุย ฝึกลูกพูด เกี่ยวกับหนังสือที่อ่าน

  • รู้จักปรับตัว และยืดหยุ่น (Cognitive Flexibility)

เป้าหมายต่อมาคือการมีความยืดหยุ่นทางความคิด รู้จักการพลิกแพลง แก้ปัญหาหลากหลายวิธี รวมไปถึงรู้จักการปรับตัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกลูกให้รู้จักการแก้ปัญหาผ่านการเล่นบอร์ดเกมด้วยกัน

  • สามารถควบคุม และยับยั้งตนเอง (Inhibitory Control)

เป้าหมายสุดท้ายคือ ความสามารถในการทนต่อสิ่งยั่วยุทางอารมณ์ รู้จักยั้งคิด ไตร่ตรอง ควบคุมความต้องการของตนเอง รู้จักการคิดก่อนที่จะทำ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นความสามารถในด้านนี้ของลูกผ่านการฝึกสมาธิด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การต่อเลโก้ ต่อจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก และปั้น playdough เป็นต้น

การเตรียมสมองของลูกให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ ด้วยการดูแลโภชนาการและการเลี้ยงดูลูกอย่างเหมาะสม คือการวางรากฐานเพื่ออนาคต ให้ลูกรักเติบโตไปสู่วัยเรียน และวัยผู้ใหญ่ได้อย่างเข้มแข็ง เพราะพัฒนาการทางสมองอย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งเสริมพัฒนาการตามวัยและพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก มีผลต่อความฉลาด สติปัญญา ทักษะการเรียนรู้ และความสำเร็จของลูกในอนาคต ไม่ว่าในอนาคตนั้นจะเต็มไปด้วยความท้าทายหรือสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ก็สามารถปรับความคิด เปลี่ยนมุมมอง พลิกจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ต่อยอดความสำเร็จไปสู่อนาคตได้ด้วยมือของเราเอง

 

 

คุณพ่อคุณแม่สามารถศึกษากิจกรรมการกระตุ้นสมองเพิ่มเติมได้ใน 
https://www.s-momclub.com/sphingomyelin-speed-brain

หรือ หากคุณแม่มีข้อสงสัย พัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกเพิ่มเติม สามารถปรึกษาทีมพยาบาล S-Mom Club ได้ตลอด 24 ชม.ไม่มีค่าใช้จ่าย

Tags

กรุงเทพประกันชีวิต

กรุงเทพประกันชีวิต กับภารกิจปั้น The Most Caring Brand แบรนด์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต

กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ทันสมัย เดินหน้าสร้าง The Most Caring Brand ผ่านการสำรวจมุมมองลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ พบจุดแข็งที่เหนือกว่าด้วย BLA Every Care บริการเสริมด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดทุกช่วงเวลา จนได้รับการยอมรับให้เป็นแบรนด์ที่ “ใส่ใจ”  ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เตรียมสานต่อปี 2567 ด้วย 3 แคมเปญใหญ่และกิจกรรม CRM ตลอดปี

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตให้ก้าวสู่ The Most Caring Brand หรือ แบรนด์ที่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ และดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เพื่อเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนไทยทุกคน ด้วยการให้คำแนะนำด้านการวางแผนทางการเงิน และการบริการที่ประทับใจผ่านตัวแทน คู่ค้า และพนักงาน อย่างมืออาชีพ

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการวางเป้าหมายเป็น The Most Caring Brand มาจากการทำ Brand Survey ผ่านกระบวนการ Focus Group คนหลายกลุ่ม โดยสิ่งที่ค้นพบคือผู้บริโภคมีความรู้สึกถึงความใส่ใจในการให้บริการของกรุงเทพประกันชีวิต โดยเฉพาะด้านสุขภาพ BLA Every Care บริการเสริมที่ดูแลลูกค้าได้มากกว่าและถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากประกันชีวิตรายอื่น

“คำว่า ใส่ใจ หรือ caring มีความหมายที่ลึกซึ้งในมุมมองของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกว่าเราให้เกินความคาดหวัง ซึ่ง ใส่ใจ ต้องเริ่มจากคำว่า เข้าใจ และจริงใจก่อน เช่น เมื่อพูดถึงประกัน ลูกค้าจะมองที่เรื่องการเคลมเป็นหลัก เมื่อซื้อประกันแล้วไม่สบาย ต้องเคลมได้ ครบถ้วน รวดเร็ว จากการที่ทำสำรวจมา ทำให้เข้าใจได้ว่า ลูกค้ามองว่าเราสามารถดูแลได้มากกว่า เช่น บริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยดูแลหลังจากออกจากโรงพยาบาล หรือการดูแลช่วงพักฟื้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจที่เราอยากให้เค้ามีสุขภาพที่แข็งแรง”

นางสาวอรนาฏกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิตต้องการสื่อสารแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรมากขึ้น โดยเชื่อว่าการเป็น The Most Caring Brand จะทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนเพราะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังเดินหน้าต่อยอดจุดแข็งที่ทำมาตลอดหลายปีด้วยการพัฒนาแบบประกันสุขภาพใหม่ๆที่ตอบโจทย์ และบริการเสริมใหม่ๆจาก  BLA Every Care ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อการสร้างแบรนด์ในปี 2024 ได้ตั้งเป้าหมายการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่  2 กลุ่ม คือ  1. กลุ่มคนอายุ 30-45 ปี ที่อยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง คือ กำลังสร้างครอบครัว แต่งงาน มีลูก จึงมีมุมมองเรื่องความมั่นคงทางการเงิน และมองหาหลักประกันในชีวิต  2. กลุ่มคนวัยเริ่มทำงานอายุ 25-35 ปีที่กำลังสร้างตัวและต้องการบริหารจัดการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เริ่มต้น รวมทั้งมีความกังวลต่อการเจ็บป่วยซึ่งเริ่มปรากฎในกลุ่มคนอายุน้อยมากขึ้น โดยจะสื่อสารผ่านการทำ content ที่เป็นเรื่องราวดีๆและเป็นประโยชน์ รวมทั้งเรื่องราวความประทับใจจากลูกค้า

“แคมเปญ “ใส่ใจ” ที่จะทำในปีนี้ มี 3 โครงการใหญ่ คือ ภาพยนตร์โฆษณาซึ่งน่าจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง โครงการใส่ใจสตอรี่ คือ คลิปวีดีโอ เรื่องเล่าจากลูกค้าจริงที่ประทับใจในความใส่ใจที่กรุงเทพประกันชีวิตมีให้ เป็นโครงการต่อเนื่องจากที่ทำไปในปีที่แล้ว 4 ตอนจากทั้งหมด 12 ตอน  โดยได้ผลตอบรับที่ดีด้วยจำนวนผู้ชมรวมกว่า 6 ล้านวิว และ การ collaborations กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เรื่องความใส่ใจจากแบรนด์ รวมถึงการที่ให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการใส่ใจ สังคม สิ่งแวดล้อม เด็กยากไร้ที่จะเป็นอนาคตของชาติ และผู้สูงอายุที่จะกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมคนไทย ผ่านการทำ CSR มากขึ้น

“เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรายังเปิดตัวกิจกรรม CRM ใหม่เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ตาม Lifestyle ที่ลูกค้าชื่นชอบ 5 ด้าน ได้แก่ 1 Heath มอบ package ตรวจสุขภาพ และ บริการเสริมด้านสุขภาพบางตัวมาให้กับลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน 2 Travel  ซึ่งอยู่ใน Lifestyle ของทุกคน 3 Personalized สิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล ที่ออกแบบสิทธิประโยชน์มาเพื่อสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันแต่งงาน วันคลอดลูก วันที่ลูกรับปริญญา 4 Edutainment คอร์สสัมมนาเสริมความรู้ให้ลูกค้าเราในด้านสุขภาพกายใจและความมั่งคั่ง ด้วยรูปแบบที่น่าสนใจ และ 5 Exclusive Experience การสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้า โดยร่วมกับสยามพิวรรธน์จัดกิจกรรมพิเศษมากมายซึ่งอยากให้ทุกคนได้ติดตามตลอดปีนี้” นางสาวอรนาฏกล่าวในที่สุด

 

Tags

รีวิว เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ สะอาด ปลอดภัยต่อผิวลูกน้อย ลูกน้อยโอเค แม่ก็โอเค

ไอเท็มทำความสะอาดผิวลูกน้อยที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด หนึ่งในนั้นต้องมีเบบี้ไวพส์ค่ะ แต่การใช้เบบี้ไวพส์กับผิวลูกน้อย จะเลือกแค่ราคาถูกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่อย่างนั้นผิวลูกน้อยอาจเกิดการแพ้ระคายเคืองได้ค่ะ เบบี้ไวพส์ขวัญใจแม่ทั่วประเทศตอนนี้เลิฟกันมาก ใช้ดีจนต้องมาบอกต่อให้กับว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังเตรียมของใช้เด็กอ่อน ทีมแม่ ABK ขอแนะนำเพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ ซึ่งได้รับรางวัลการันตีคุณภาพจากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2023

ผิวหนังของเด็กทารก เด็กเล็กนั้นบอบบางและมีโครงสร้างผิวที่ยังไม่แข็งแรง จึงง่ายต่อการระคายเคือง แดง คัน อักเสบ ดังนั้นของใช้ทุกอย่างที่มาสัมผัสกับผิวลูกจะต้องอ่อนโยนมากถึงมากที่สุดค่ะ โดยเฉพาะเบบี้ไวพส์ที่คุณแม่ใช้สำหรับเช็ดผิวก้น ผิวหน้า แขน มือ ขา ลำตัว จะต้องเลือกที่อ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อย

วิธีเลือกเบบี้ไวพส์สำหรับลูกน้อย

  1. ผ่านการรับรองคุณภาพ: คุณสมบัติที่เบบี้ไวพส์จำเป็นต้องมีคือ ผลการทดสอบการแพ้ระคายเคือง เช่น รับรองจากสถาบันผิวหนัง ฯลฯ ก่อนซื้อเบบี้ไวพส์แนะนำคุณแม่เช็กข้อมูลด้านหลังผลิตภัณฑ์ หรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เบบี้ไวพส์ที่เลือกใช้ เพื่อให้ได้เบบี้ไวพส์สำหรับเช็ดทำความสะอาดผิวลูกที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
  2. ไม่มีสารอันตราย: สารเคมีที่ก่อให้เกิดการแพ้ต่อผิวหนังไม่ควรมีอยู่ในเบบี้ไวพส์สำหรับเด็ก เช่น Paraben, Alcohol, Fragrance, SLS, Silicone เป็นต้น
  3. สารให้ความชุ่มชื้น: ส่วนประกอบหลักของเบบี้ไวพส์คือน้ำบริสุทธิ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดีและส่วนผสมควรจะมีสารให้ความชุ่มชื้นผิวที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เมื่อเช็ดเบบี้ไวพส์ที่ผิวแล้วจะให้สัมผัสที่ชุ่มชื้น ไม่แห้งบาดผิว
  4. คุณภาพของผ้า: ต้องมีความหนา นุ่ม เพื่อการทำความสะอาดที่ดีกว่า
  5. สะดวกหยิบใช้: จุดเปิด-ปิดห่อบรรจุภัณฑ์ของเบบี้ไวพส์มีความสะดวกต่อการหยิบใช้งาน สามารถดึงแผ่นเบบี้ไวพส์ออกมาใช้ได้ลื่นแผ่นต่อแผ่น ไม่รวมกันเป็นก้อนเวลาดึงออกมาใช้ มีขนาดให้เลือกใช้หลากหลาย สามารถพกใส่กระเป๋าสะดวกใช้งานนอกบ้าน
  6. หาซื้อง่าย: มีวางจำหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์ และห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วประเทศ และมีราคาที่เหมาะสม

เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ ห่อสีชมพูที่คู่ควรกับผิวลูกน้อย

ทีมแม่ ABK เลือกเบบี้ไวพส์ให้คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จะธรรมดาไม่ได้ ต้องใช้สินค้าดีและมีคุณภาพเพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ การันตีด้วยรางวัล MOMMY’S CHOICE สาขา BEST BABY WIPES จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2023

มาเช็กความเริ่ด ความปัง ของ เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทิฟ กันค่ะ ว่าทำไมคุณแม่ทั่วประเทศต่างเทใจยกให้เป็นเบบี้ไวพส์ในดวงใจ

  • ปลอดภัยเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดและผิวบอบบางแพ้ง่าย
  • ผ่านการทดสอบ Hypoallergenic จากแพทย์ผิวหนัง ว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
  • ผลิตจากน้ำบริสุทธิ์ (Purified water)
  • ผสมคาโมมายน์ ช่วยลดการระคายเคืองผิว
  • 0% สารเคมีอันตราย ปราศจากพาราเบน, คลอรีน, MIT, DEA, Lonolin, Phthalates จึงอ่อนโยนปลอดภัยต่อผิวที่บอบบาง
  • ปราศจากแอลกอฮอลล์ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
  • ปราศจากน้ำหอม ไม่ทำให้เกิดการแพ้
  • เนื้อผ้าขนาด 20×15 ซม. หนานุ่ม ชุ่มชื้นจนแผ่นสุดท้าย
  • ฝาเปิดปิด (Flip-top) สะดวกต่อการใช้งาน ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและคงคุณภาพของสินค้าให้ใหม่สดเสมอ

 

เบบี้ไวพส์ที่คุณสมบัติดีงามขนาดนี้ ถ้าไม่ใช้ถือว่าพลาดของดีนะคะ ทีมแม่ABK อยากให้ทุกครอบครัวได้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ดีที่สุดกับลูกน้อยค่ะ

Pureen เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ มี 2 ขนาดค่ะ สะดวกใช้ ง่ายต่อการพกพา

👶เบบี้ไวพส์ บรรจุ 30 แผ่น

👶เบบี้ไวพส์ บรรจุ 80 แผ่น

📌คุณแม่สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม หรือต้องการซื้อ คลิกได้ที่นี่

Lazada https://www.lazada.co.th/shop/pureen/

Shopee https://shopee.co.th/pureen_officialshop

 

โรงเรียนสอนฟุตบอล

Smile Football Club โรงเรียนสอนฟุตบอล สำหรับเด็ก เล่นฟุตบอลด้วยความสุข สนุกสนานและมีรอยยิ้ม

 โรงเรียนสอนฟุตบอล สำหรับเด็ก Smile Football Club  Play, Fun and Healthy เล่นฟุตบอลด้วยความสุข สนุกสนานและมีรอยยิ้ม

เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเด็กๆ ชอบและรักในการเล่นกีฬาต่างๆ ก็จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น มีความเป็นผู้นำ มีบุคลิกภาพที่ดีและสามารถเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้ดีในอนาคตได้

วันนี้ School Visit เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จัก โรงเรียนสอนกีฬาฟุตบอล Smile Football Club ที่เปิดสอนมาตั้งแต่ปี พศ.2558 จากลูกศิษย์กลุ่มแรกเพียง 3 คน จนปัจจุบันได้สร้างความสุขให้กับเด็กๆ ผ่านการเล่นกีฬาฟุตบอลมาแล้วกว่าหลายพันคน พร้อมเดินหน้ามอบความสุข สนุกสนาน และรอยยิ้ม ให้กับเด็กๆ ตลอดไป ดังสโลแกนที่ว่า Smile Football Club “ เริ่มเล่นฟุตบอล ด้วยความสุข สนุกสนาน มีรอยยิ้ม : ) ”

 

จุดเริ่มต้นของ โรงเรียนสอนกีฬาฟุตบอล Smile Football Club 

ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี พศ.2558 โค้ชกฤษ ผู้ก่อตั้ง Smile Football Club ได้มีโอกาสเป็นโค้ชสอนฟุตบอลเด็กที่ Academy แห่งหนึ่ง ซึ่ง Academy แห่งนี้มีแนวทางการสอน คือการสร้างเด็กเพื่อไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จึงค่อนข้างเข้มงวด เพื่อให้เด็กที่มาเรียนต้องเก่งในระดับที่ดีเยี่ยม แต่สิ่งที่โค้ชกฤษได้มองเห็นได้อีกมุมหนึ่งก็คือเด็กๆ ที่นี่ไม่ได้เก่งทุกคน ซึ่งจะมีเด็กๆ อยู่ประมาณ 30% ของเด็กทั้งหมด ที่ไม่ได้มีความสามารถในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดีตามที่โค้ชต้องการ กระทั่งวันหนึ่ง โค้ชกฤษได้เจอเด็กนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ เด็กคนนี้ คือเด็กที่เล่นฟุตบอลไม่เก่ง เขาโดนโค้ชดุ เพราะทำตามแบบฝึกไม่ได้ วินาทีนั้นผมก็บอกกลับไปว่า…เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องร้องไห้ด้วย มันเป็นเรื่องปกติ โค้ชกฤษถามเด็กไปว่าไม่อยากเป็นนักฟุตบอลเหรอ เด็กตอบด้วยแววตาใสซื่อว่า….ไม่ครับ ผมไม่ได้อยากเป็นนักฟุตบอล… ผมมาเรียนฟุตบอลเพราะผมชอบเล่นฟุตบอล ผมอยากมีร่างกายที่แข็งแรง แล้วก็อยากมาเจอเพื่อนๆ ที่สนาม…คำตอบของเด็กวัย 8 ขวบ ในตอนนั้น ทำให้โค้ชกฤษหยุดคิดไปสักครู่หนึ่ง…แล้วก็คิดได้ว่า (ใช่แล้ว) เด็กที่เล่นฟุตบอลไม่จำเป็นต้องโตไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพทุกคน แค่เขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ได้มาพบเจอเพื่อนใหม่ๆ ที่สนามฟุตบอล แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แค่นี้จริงๆ สำหรับวัยเด็ก

และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้โค้ชกฤษตัดสินใจลาออกจาก Academy แห่งนั้น เพื่อมาเปิด โรงเรียนสอนฟุตบอลเด็ก เป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อ Smile Football Club ที่มีสโลแกนน่ารักๆ ว่า เริ่มเล่นฟุตบอล ด้วยความสุข สนุกสนาน มีรอยยิ้ม : ) เพื่อหวังให้ทุกคนที่อยากเล่นฟุตบอล มาเริ่มเล่นที่นี้อยากมีความสุข

โรงเรียนสอนฟุตบอล

เด็กๆได้พบเพื่อนใหม่ ๆ ที่มีความชอบฟุตบอลเหมือนกัน

  โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล

ได้ฝึกการเล่นเป็นทีม หัดวางแผนและทำงานร่วมกับผู้อื่น

โรงเรียนสอนฟุตบอล

บรรยากาศในการเรียนให้มีความสนุกสนาน ช่วยสร้างรอยยิ้มให้เด็กๆ ได้

 

แนวทางการสอนฟุตบอลของ Smile Football Club

ที่นี่ใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง เพื่อให้เด็กๆ รักที่จะออกกำลังกาย โดยใช้วิธีการสอนฟุตบอลภายใต้แนวคิด เริ่มเล่นฟุตบอลด้วยความสุข สนุกสนาน มีรอยยิ้ม สอนให้เด็กเรียนรู้การปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ปลูกฝังให้เด็กรักการเล่นกีฬา เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีทักษะและพัฒนาการที่ดีทางด้านอารมณ์ ความคิด เรียนรู้ที่จะเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดี นอกจากนี้ยังช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับเด็ก  เด็กๆ ก็จะมีศักยภาพรอบด้าน เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น โดยมี 3 องค์ประกอบหลักสำคัญในการสอนคือ PLAY ,FUN และ HEALTHY

Play : สอนทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดีขึ้นในแต่ละวัน เมื่อเด็กรู้สึกว่าตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ก็จะทำให้เด็กเกิดความภูมิใจในตัวเอง และอยากจะเล่นฟุตบอลในทุกๆ วัน

Fun : สร้างบรรยากาศในการเรียนให้มีความสนุกสนาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเล่นกีฬาฟุตบอล ให้กับเด็กๆ เพื่อทำให้เด็กๆ มีความชอบและรักในการเล่นกีฬาฟุตบอล

Healthy : ให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่ดีในการดูแลสุขภาพร่างกายของเด็กแก่ผู้ปกครอง เพื่อช่วยกันสร้างพัฒนาการที่ดี ทั้งด้านร่างกายและสมองให้เด็กๆ เติบโตสมวัย

 โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล

สอนทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดีขึ้น

 

ปัจจุบัน Smile Football Club เปิดสอนกีฬาฟุตบอลให้กับเด็กๆ หลายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และกำลังขยายจำนวนเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ จึงสะดวกมากๆสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เรียกได้ว่าใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย โดยมีคอร์สฝึกทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล สำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี ซึ่งคอร์สนี้เป็นการฝึกทักษะการเล่นฟุตบอลขั้นพื้นฐานที่เหมาะสำหรับเด็กๆ ที่อาจจะไม่เคยเล่นฟุตบอลมาก่อนหรือเด็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นฟุตบอล โดยการสอนจะไม่เน้นสร้างเด็กเพื่อการแข่งขัน เพราะนอกจากจะทำให้เด็กมีความเครียดและกดดันแล้ว ยังทำให้เด็ก ๆ ไม่สนุกกับการเล่นฟุตบอล แต่ Smile Football Club จะเน้นการเตรียมความพร้อมให้เหมาะสมกับวัย และใช้กีฬาฟุตบอล สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กๆ  คอร์สฝึกทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล สำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี โดยจะแบ่งกลุ่มเรียนตามช่วงอายุ และจัดเป็น Level ดังนี้

 

  • Level 1 : Smart Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 3-4 ปี )

ฝึกการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ให้กับเด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด การข้าม การหลบสิ่งกีดขวางทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะควบคุมกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ซึ่งมีผลในการควบคุมการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพและมีการเคลื่อนไหวพื้นฐานที่ถูกต้อง โดยรูปแบบการสอนจะเน้น Fun Game ให้เด็กสนุกสนาน มีความสุข ในการเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กรักในการออกกำลังกาย

 

  • Level 2 : Motivated Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 5-6 ปี )

สร้างแรงจูงใจให้เด็ก รักและสนุกในการออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาฟุตบอล รูปแบบการสอนจะเน้น Fun Game และสอดแทรกแบบฝึกทักษะเทคนิคการเล่นฟุตบอลขั้นพื้นฐานให้กับเด็กได้เล่นกับลูกฟุตบอล สร้างความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล พร้อมกับพัฒนาเรื่องความเร็วความคล่องตัวของเด็ก

 

  • Level 3 : Intelligent Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 7-8 ปี )

ฝึกให้เด็กมีความเฉลียวฉลาดในการเล่นกีฬาฟุตบอล ฝึกทักษะเทคนิคการเล่นฟุตบอล เช่น การรับ-ส่งบอล การควบคุมบอล การเลี้ยงบอล การยิงประตู ให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น สอนให้เด็กรู้จักคิดและตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดได้ด้วยตัวเอง เริ่มให้เด็กร่วมเล่นแบบกลุ่มเพื่อพัฒนาไปสู่การเล่นเป็นทีมในอนาคต

 

  • Level 4 : Leadership Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 9-10 ปี )

สร้างเด็กให้มีความเป็นผู้นำ ฝึกขบวนการคิด การตัดสินใจ โดยให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในการเล่นกีฬาฟุตบอล เพิ่มทักษะเทคนิคการเล่นกีฬาฟุตบอลแบบเฉพาะตัวให้มากขึ้น ให้เด็กได้เล่นทีมเพื่อสร้างความเข้าใจในการเล่นทีม และบทบาทหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งของผู้เล่นในทีม รวมถึงฝึกให้ทำงานเป็นทีมและมีความรับผิดชอบรวมกันในทีม

 

  • Level 5 : Elegant Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 11-12 ปี )

สร้างเด็กให้มีบุคลิกภาพที่ดีสง่างาม ทั้งภายนอกและภายใน มีน้ำใจเป็นกีฬา มีทัศนคติดีต่อตนเองและผู้อื่น ฝึกให้เด็กมีเทคนิคทักษะความสามารถในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดียิ่งขึ้น มีความเข้าใจในการเล่นทีมที่ดี รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองในการเล่นเป็นทีม รักและสนุกกับการเล่นกีฬาฟุตบอล มีความสุขในการออกกำลังกาย เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต

โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล

ฟุตบอลช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ที่จะผิดหวังจากความพ่ายแพ้ เรียนรู้ที่จะดีใจจากการชนะ และทำงานร่วมกันเป็นทีม

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่ ♥

  1. เด็กๆได้คิดนอกกรอบอย่างมั่นใจ ส่วนหนึ่งมาจากการได้เล่นฟุตบอล ช่วยทำให้เด็กมั่นใจมากขึ้น
  2. ความสนุกของการเล่นฟุตบอล ช่วยสร้างรอยยิ้มและพัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็ก เด็กผ่อนคลายจากการเรียน พ่อแม่ก็ Happy
  3. ฝึกเด็กให้รู้จักการทำงานเป็นทีมเวิร์ค และทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นพื้นฐานที่ดีในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
  4. ช่วยลดหยุดพฤติกรรมติดหน้าจอของลูกด้วยการเล่นฟุตบอลดีกว่า
  5. กีฬาฟุตบอลช่วยให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่เเข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย และยังช่วยให้ร่างกายเติบโตสมวัยอีกด้วย

 

ข้อดีของกีฬาฟุตบอลเยอะขนาดนี้ ต้องรีบพาลูกไปเรียนกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ๆคนไหนสนใจอยากให้ลูกเรียนฟุตบอล ก็สามารถพาเด็กๆมาทดลองเรียนฟรีได้ด้วยนะ หลังทดลองเรียนเสร็จถ้าลูกๆ ชอบ ค่อยสมัครเรียนต่อได้ที่ Add Line ID : @smfootball หรือกดที่ลิ้งค์นี่ https://line.me/R/ti/p/%40smfootball เพื่อจองคิวทดลองเรียนได้เลยค่า

 

ช่องทางติดตามสื่อของ โรงเรียนสอนฟุตบอล Smile Football Club 

Web : www.smilefootballclub.com

Facebook : Smile Football Club

IG : Smile Football Club

YouTube : Smile Football Club

TikTok : Smile Football Club

 

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  ภาพประชาสัมพันธ์ Smile Football Club

 


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

Shrewsbury International School

พาชม Shrewsbury International School สาขาแรกในภูมิภาคเอเชีย

School Visit พาชม Shrewsbury International School Bangkok Riverside โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์ โรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ อันดับต้นของเมืองไทย!

หนึ่งในปัจจัยหลักของชีวิตครอบครัวที่นอกจากเรื่องการวางแผนการเงินให้กับลูกแล้ว การวางแผนการศึกษาเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกบ้านให้ความสำคัญและต้องมีการแบ่งปันความคิดร่วมกัน ทั้งพ่อแม่ รวมถึงลูกเองที่มีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนที่ดี ที่เหมาะสมกับตัวเขาเอง

ซึ่งจะดีมากๆ ถ้าลูกจะได้เรียนโรงเรียนที่มีสภาวะแวดล้อมที่ดี ทั้งผู้คน อาคารสถานที่ จนถึงหลักสูตรที่ตอบโจทย์ทันยุคสมัย เรียนที่เดียวยาวๆ ไปจนจบมัธยมปลาย ผู้ปกครองเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เรียนของลูกอีก และเราเห็นคำตอบนั้นที่โรงเรียนนี้ค่ะ ครั้งนี้เรามีโอกาสไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ อันดับต้นของเมืองไทย ที่มีอายุเก่าแก่ร่วม 500 ปี จากประเทศอังกฤษ และนับเป็นสาขาแรกที่เปิดในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

Shrewsbury International School

ขอเริ่มต้นความว้าวนี้…ด้วยประวัติความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของโรงเรียน ภายใต้แนวคิด Together We Flourish: The Journey from Early Years to University ก็บอกได้แล้วว่าที่นี่ปูพื้นฐานเด็กตั้งแต่ตัวยังเล็ก สร้างการเรียนรู้กันไปจนเติบใหญ่ และอย่างที่เราได้เกริ่นไปเบื้องต้น โรงเรียน Shrewsbury อายุเก่าแก่ร่วม 500 ปีและ ถือเป็น 1 ใน 9 โรงเรียนที่ดีที่สุดของประเทศอังกฤษ ในส่วนของ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ นับเป็นโรงเรียนสาขาแรกของ Shrewsbury UK ที่เปิดในภูมิภาคเอเชียด้วย ปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury ในประเทศไทยมี 2 แคมปัสด้วยกัน โดยทั้งสองแคมปัสตั้งอยู่คนละฝั่งของใจกลางกรุงเทพฯ คือ

Shrewsbury Riverside ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ใกล้กับย่านธุรกิจของถนนสาทร เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Early Years ไปจนถึง Sixth Form หรือตั้งแต่อายุ 3-18 ปี ซึ่งเป็นที่ที่ ทีมแม่ ABK มาเยี่ยมชมในวันนี้ และ Shrewsbury City Campus ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ใกล้กับย่านธุรกิจแถบสุขุมวิท เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery ไปจนถึง Year 6 หรือตั้งแต่อายุ 2 -11 ปี ซึ่งนักเรียนที่นี่ก็จะไปเรียนต่อในระดับชั้นเด็กโต หรือ Senior School ชั้น Year 7 ถึง Year 13 ที่ Shrewsbury Riverside นั่นเอง

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

1. การจัดสรรพื้นที่ในการเรียนการสอน

การออกแบบพื้นที่ต่างๆในโรงเรียนมีความพิเศษและแตกต่างเพื่อการค้นหาตัวตน และการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self-Learning) เป็นสิ่งพื้นฐานที่เด็กยุคใหม่ต้องเรียนรู้และปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก เพราะฉะนั้นในส่วนของ Early Years จึงมีการแบ่งเป็นพื้นที่เฉพาะ แยกจากห้องเรียนนักเรียนชั้นเด็กโต เพราะสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ของเด็กอนุบาล มีความแตกต่างจากเด็กประถมและมัธยมอย่างสิ้นเชิง ทั้งในภาพรวมของสถานที่ เช่นเฟอร์นิเจอร์ หรือโต๊ะเรียน มีการออกแบบและเลือกใช้เหมาะกับขนาดความสูงของเด็กเล็ก และใช้สีสันโทนธรรมชาติที่เป็นมิตรกับเด็ก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่การเรียนรู้นอกอาคารเรียน เป็นโซน outdoor ที่รายล้อมด้วยต้นไม้ ธรรมชาติ บ่อปลา บ่อทรายหรือบ่อน้ำตื้นที่เรียกว่า Splash Pool และที่พิเศษคือยังมี Forest School ที่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ สำรวจสิ่งรอบตัว และสัมผัสกับธรรมชาติจริง ๆ ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และทุกกิจกรรมการเรียนรู้จะมีครูดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมียิมออกกำลังกายภายในอาคาร ในกรณีที่อากาศข้างนอกไม่ดีหรือมีค่าฝุ่น ในปริมาณสูง เด็ก ๆ ก็จะได้ใช้  Little Gym ซึ่งเป็นห้องยิมสำหรับเด็กอนุบาลที่มีอุปกรณ์กีฬาแบบ Soft Play ด้ยวัสดุที่นุ่มและปลอดภัย เหมาะสมกับเด็กเล็ก เด็กๆยังได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กด้วยการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง อย่าง เข้าครัวทำอาหารในโซน Food Technology มีการออกแบบครัวเฉพาะไว้สำหรับเด็กเล็ก ให้เด็กๆได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า Sensory skills อีกด้วย

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

2. หลักสูตรของโรงเรียน และระดับชั้นเรียน

ที่นี่ใช้หลักการเรียนการสอน Reggio Emilia  Approach ที่ใช้มาอย่างยาวนานกับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล Early Years โดยเป็นหลักสูตรที่สอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กเล็กโดยเฉพาะและได้รับการรับรองการกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ เพื่อให้เด็กได้เติบโตสมวัย อย่างเป็นธรรมชาติ และพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในชั้นเด็กเล็กมีการดูแลอย่างใส่ใจและทั่วถึง เพราะ มีชั้นละ 6 ห้อง เท่านั้น จำนวนเด็กในห้องไม่มากเกินไป ครูสามารถดูแลเด็กๆได้อย่างเต็มที่

หลักการสอนของครูที่นี่จะเน้นย้ำในเรื่อง

  • สร้างความเป็นเอกลักษณ์และตัวตนของเด็ก – เชื่อว่าเด็กทุกคนเป็นผู้เรียนที่มีความสามารถตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งสามารถปรับตัวได้อย่างดีและมีความมั่นใจในตนเอง
  • การสร้างความสัมพันธ์เชิงบวก – เด็กๆสามารถเรียนรู้และพัฒนาความเข้มแข็งทั้งใจกาย และเป็นอิสระด้วยพื้นฐานของความรักและความสัมพันธ์ที่มั่นคง
  • สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย – สิ่งแวดล้อมที่ดีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
  • กระตุ้นการเรียนรู้และพัฒนาการ – เด็กจะมีการเรียนรู้ในรูปแบบที่แตกต่างกันแบบเฉพาะตัว ดังนั้นการเรียนรู้และการกระตุ้นพัฒนาการในทุกด้านจึงมีความสำคัญที่เท่าเทียมกันและเชื่อมโยงถึงกัน

ระดับชั้นเรียน

  1. Pre-Prep: Early Years 1 & 2
  2. Prep: Year 3-6
  3. Senior: Year 7-9 และ Year 10-11
  4.  Sixth Form: Year 12-13

ในส่วนของ Year 10-11 นั้น นักเรียนจะได้เริ่มเตรียมตัวสอบ IGCSE examinations หรือหลักสูตรการสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ส่วนการเทียบวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใน Year 12 และ 13 ทางโรงเรียนจะเริ่มเข้าหลักสูตร A-Level ของอังกฤษซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ เรียกได้ว่าปูพื้นฐานไว้สำหรับการศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าในต่างประเทศอย่างเต็มที่

3. กิจกรรมพิเศษสำหรับเด็ก

กิจกรรมที่วางแผนมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ โดยมีกิจกรรมพื้นฐานในห้องเรียนทุกๆวัน อย่าง water play puzzles blocks  threading reading corner rice play และอื่นๆ เด็กๆจะได้เล่นตามอัธยาศัย เป็นการเล่นแบบอิสระและฝึกการทำงานหรือเล่นเป็นกลุ่มด้วย กิจกรรมแบบกลุ่มในตอนท้าย คือการร้องเพลง เล่านิทาน รวมถึงมีผลไม้และของว่างอย่างขนมปังแท่ง เเละพัฟ แสนอร่อยจาก The Bangkok Club สำหรับเด็กๆด้วย

นอกจากนี้ในแต่ละวันจะมีกิจกรรมพิเศษให้เด็กๆได้เข้าร่วมที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น Splash Play, Soft Play, Picnic, Cookery, EY Garden และ Ball Games เป็นต้น

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

ภาพปลาวาฬฝีมือเด็ก ๆ ในแคนทีน ที่ยามเย็นจะปรับเปลี่ยนเป็นกิจกรรม U time ที่เด็กๆ เลือกเองได้

Shrewsbury International School

4. เอกลักษณ์และจุดเด่นของโรงเรียน

เราตื่นเต้นและว้าวไม่หยุด กับบรรยากาศภายในโรงเรียน ทั้งท่าเรือส่วนตัวที่สามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือสะพานตากสินซึ่งมีเรือส่วนตัวมายังโรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ และเดินต่ออีกนิดมายังโรงเรียนได้ มีสนามกีฬาขนาดใหญ่ ส่วนของตึกเรียนต่างๆที่ออกแบบการใช้งานที่ตอบรับกับการเรียนได้อย่างดี เช่น ในส่วนของ Sir David Lees Innovation Centre ตอบรับการเรียน Mathematics ,Robotics, Innovation และ Sixth Form and Higher Education counselling

ส่วนของ Sports Performance Complex ประกอบด้วย Sports Hall ติดแอร์ สนาม basketball สนาม badminton สนาม volleyball และ netball ห้องโยคะ และห้อง fitness รวมไปถึงส่วน Gymnastics studio ในโซนอาคารเดิมอย่าง Physical education ซึ่งเด็กๆสามารถมาเล่นได้ทุกวันและมีครูเฉพาะทางด้านกีฬามาดูแลทุกวัน
นอกจากนี้ยังมี Auditorium ขนาด 580 ที่นั่ง มี Music Recital Hall ขนาด 130 ที่นั่ง, Music School, Junior Innovation Centre, Library, Sixth Form Centre, Aquatics Centre และ Dining Hall ขนาด 700 ที่นั่ง

Shrewsbury International School

Pre-prep building สำหรับนักเรียน EY1-Y2

Shrewsbury International School

Junior school สำหรับนักเรียนชั้น Y1-Y6

Senior school สำหรับนักเรียนชั้น Y7-Y13

Innovation Building Design and Technology

Shrewsbury International School

Robotics

Shrewsbury International School

Memorial Hall

Shrewsbury International School

Junior & Senior Library

Swimming Pool/Football Field/Running Track /Innovation Building

Shrewsbury International School

5. นักเรียนปัจจุบันและนักเรียนที่จบไปแล้ว

ในระดับ Junior school คือตั้งแต่ Early Years 1 ใช้หลักการสอนแบบ Play-based learning เพื่อให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัย และปรับรูปแบบให้มีความเป็น Academic มากขึ้นตามวัย จนเข้มข้นไปถึง IGCSE ของ Year 10-11 และ A Level ของ Year 12-13 เพื่อเตรียมพร้อมไปต่อในมหาวิทยาลัยหรือสายอาชีพ ซึ่งวิธีนี้จะเปิดโอกาสให้เด็กค้นพบตัวตนและสิ่งที่ตนเองสนใจ

Year 12-13 จะได้รับการช่วยเหลือในการสอบ A Level ตั้งแต่การสมัครสอบ แนะแนวทางจนน้อง ๆ สามารถไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะในไทย, อเมริกา, UK หรือออสเตรเลีย เช่น มหาวิทยาลัยใน Ivy League และ Russell Group ซึ่งรวมถึง University of Oxford , University of Cambridge ส่วนใหญ่ศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ อเมริกา

♥ Mommy love this! ♥

A: หมดกังวลทุกความเครียดของลูก เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนที่มี Well-being department เพื่อดูแลเรื่องสุขภาพจิตของเด็กรับปรึกษาเกี่ยวกับการเรียน เพื่อน ครอบครัว

B: กิจกรรมพิเศษที่ถูกใจเด็กๆ อย่าง
• Soft play เล่นสนุกแบบได้ทักษะวิชาพละ Sand play หรือบ่อทราย บ่อปลา, Splash Pool สระน้ำขนาดเล็ก ระดับน้ำแค่ข้อเท้า รวมถึงหน้าห้องทุกห้องปูพื้นยาง เพื่อป้องกันเมื่อเด็กล้มแล้วจะไม่บาดเจ็บ ให้เด็กๆขี่จักรยานได้ มีบรรยากาศต้นไม้รายรอบ เป็นต้น
• ออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เช่น Cooking class ห้องดนตรีและห้องสมุด
• ช่วงเวลา นั้นเด็ก ๆ สามารถเลือกเรียน Extra-Curricular ที่มีให้เลือกตามความสนใจซึ่งมีมากถึง 500 กิจกรรมสามารถเปลี่ยนไปได้ทุกเทอม เช่น หมากรุก เลโก้ ทำอาหาร เป็นต้น

C: ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับการคัดเลือกครูที่มาสอน ต้องได้มาตรฐานและมีวุฒิครูรับรองจากกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ QTS (Qualified Teaching Status) ซึ่งปัจจุบันมีอาจารย์ที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์สูงจำนวน 200 คนประจำอยู่ที่นี่ ครูส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ ยกเว้นครูสอนภาษาผู้เชี่ยวชาญ และครูทุกคนเป็นเจ้าของภาษาด้วย

ใครที่อยากพาลูกมาลองเรียนที่นี่ดู เขามี “Playgroup” สำหรับเด็กที่ไม่ใช่นักเรียน เปิดให้กับเด็กอายุ 1-4 ขวบ โดยจะมีครูที่เชี่ยวชาญด้าน playgroup เปิดรับสมัครคลาสละไม่เกิน 10 คน ด้วยค่ะ

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

หลักสูตรการสอน : British National Curriculum / Early Years Foundation Stage Framework (UK)

วิธีการเรียนการสอนแบบ Reggio Emilia Approach เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ โดยคุณครูผู้สอนจะดึงความสนใจและความอยากรู้ของเด็กออกมาเป็นแกนกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆแบบเฉพาะเจาะจง (Personalized Approach)

  • ชั้นปีที่เปิดสอน : Early Years 1 – Year 13
  • รับอายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 18 ปี

จำนวนนักเรียนทั้งหมด 2000

  • อัตราส่วนครู:นักเรียนต่อห้อง EY1 = 1:5 , EY2 = 1:6
  • อัตราส่วนนร.ต่างชาติ:นร.ไทย 25:75

เวลาเข้าเรียน/เลิกเรียน

  • EY1 – EY2: เริ่ม 7.30 น.และ 8.00 น. – 14.30 น.

shrewsbury international school ค่าเทอม

  Per Term                Per Year
Early YearsEY1211,700635,100
 EY2222,900668,700
    
Pre-Prep  Y1-Y2250,500751,500
PrepY3-Y4268,700806,100
    
Prep Y5-Y6278,000834,000
SeniorY7-Y9287,400862,200
 Y10        368,3001,104,900
 Y11368,300736,600 (มีเรียน 2 เทอม)
 Y12369,8001,109,400
 Y13368,800736,600 (มีเรียน 2 เทอม)

Shrewsbury International School Bangkok Riverside / โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์

  • ที่อยู่ : 1922 (ระหว่างซอย 70-72) ถนนเจริญกรุง แขวง วัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม จังหวัด กรุงเทพ 10120
  • เวปไซต์ www.shrewsburry.ac.th/riverside
  • โทรศัพท์: 02 675 1888

เรื่อง : อัจฉรา จีนคร้าม

ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล

เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม

รีวิว เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม สูตรออร์แกนิค ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง ลูกสุขภาพดี แม่แฮปปี้

สุขภาพลูกจะล้อเล่นไม่ได้ ทุกอย่างที่ลูกใช้ต้องดีที่สุด โดยเฉพาะขวดนม จุกนมที่ลูกต้องเอาเข้าปาก คุณแม่ควรล้างทำความสะอาดอย่างหมดจด และนึ่งหรือต้มเพื่อฆ่าเชื้อทุกครั้งด่านแรกของการทำความสะอาดขวดนม คือการเลือกใช้ น้ำยาล้างขวดนม ที่มาจากส่วนประกอบของธรรมชาติ เพื่อที่ไม่ให้มีสารตกค้างมาทำร้ายสุขภาพลูก ทีมแม่ABK ขอแนะนำไอเท็มทำความสะอาดขวดนมที่ดีที่สุดให้ค่ะ เป็นน้ำยาล้างขวดนมสูตรออร์แกนิคขวัญใจของคุณแม่ ๆ ทั่วประเทศ จนได้รับรางวัลการันตีคุณภาพจากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2023 นั่นก็คือ เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม สูตรออร์แกนิค

ขวดนมจุกนม ล้างไม่สะอาด อันตรายแค่ไหน

ขวดนมเป็นไอเท็มที่คุณแม่ใช้กันตั้งแต่ลูกเกิดเลยค่ะ คุณแม่ส่วนใหญ่ที่ต้องกลับไปทำงาน มักปั๊มนมแม่เก็บไว้ใส่ขวดนมให้ลูกกิน หรือบางครอบครัวอาจเสริมนมสำหรับเด็กที่ต้องชงใส่ขวดนมให้ลูกกินสลับกับนมแม่ ไม่ว่าจะให้ลูกกินนมแม่ล้วน หรือต้องเสริมนม ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใดค่ะ

สิ่งสำคัญอยู่ที่ “ขวดนม” ค่ะ ก่อนนำมาใส่นมให้ลูกกิน คุณแม่ต้องเช็กให้ดีว่าขวดนม จุกนม ล้างสะอาดไม่มีคราบนมหลงเหลือติดอยู่ด้านในขวดหรือบริเวณคอขวดนม รอยหยักของจุกนม รวมถึงขวดนมใหม่แกะกล่องที่ก่อนนำไปใช้ต้องล้างทำความสะอาดก่อนนะคะ

ขวดนม ต้องล้างทำความสะอาด นึ่งฆ่าเชื้อโรค คว่ำให้แห้งทุกครั้ง ก่อนนำขวดนมมาใส่นมให้ลูกน้อยกินนะคะ

ขวดนม จุกนม ที่ล้างไม่สะอาดจะยังมีคราบนมติดอยู่ รู้ไหมคะว่านั่นกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อปรสิต ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการท้องเสีย อาหารเป็นพิษในเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วงขวบปีแรกที่ลูกยังกินนมจากขวดก็เสี่ยงที่จะท้องเสียได้ง่าย เห็นไหมคะว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพลูกน้อยจริง ๆ ถ้ากินนมจากขวดนมหรือจุกนมที่ไม่สะอาด

ปัจจุบันขวดนมเด็กที่นิยมใช้กันนี้มีอยู่ 2 แบบ ซึ่งมีความโดดเด่นและข้อเสียที่พึงระวังแตกต่างกัน ทีมแม่ABK ชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มาทำความรู้จักประเภทของขวดนมมากขึ้นอีกสักนิด เพื่อให้สามารถทำความสะอาดอย่างถูกวิธี

🍼 ขวดนมพลาสติก

ข้อดี: น้ำหนักเบา ทนทาน ไม่แตกง่าย

ข้อเสีย: อายุการใช้งานสั้น แนะนำคุณแม่เลือกซื้อขวดนมแบบพลาสติกที่ปราศจากสาร BPA (Bisphenol A) สาร BPA เป็นอันตรายต่อการทำงานของระบบไร้ท่อในร่างกาย ให้สังเกตข้างกล่องขวดนมจะมีสัญลักษณ์ BPA FREE เขียนกำกับไว้ถือว่าปลอดภัยค่ะ

🍼 ขวดนมแก้ว

ข้อดี: ใช้งานได้นาน

ข้อเสีย: มีน้ำหนักมาก และแตกหากทำหล่น

เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม

 

วิธีการล้างขวดนมและฆ่าเชื้อขวดนมที่ถูกต้อง

  1. ล้างขวดนม จุกนม เกลียวล็อกจุก ฝาครอบจุก ด้วยน้ำยาล้างขวดสูตรออร์แกนิค ที่มีสารสกัดล้างทำความสะอาดจากธรรมชาติ
  2. ใช้แปรงสำหรับล้างขวดนม จุกนมโดยเฉพาะ ขัดถูล้างข้างในขวดนมทุกซอกทุกมุม เน้นตรงคอขวดนมให้มากหน่อย สำหรับจุกนมให้ถอดออกจากเกลียวล็อก ล้างทั้งด้านนอกด้านในจุก
  3. นำขวดนม จุกนม เกลียวล็อกจุก ฝาครอบจุก มาล้างน้ำสะอาด และเปิดให้น้ำไหลผ่านขวดนม และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดอีกครั้ง
  4. นำขวดนม และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดมานึ่งฆ่าเชื้อด้วยเครื่องนึ่งขวดนม หรือนำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที หรือใช้เครื่องอบ UV เพื่อฆ่าเชื้อ
  5. นำขวดนม และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดมาพึ่งลมให้แห้งก่อนนำไปใช้ชงนมให้ลูกน้อย

เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม สูตรออร์แกนิค ที่แม่ยุคใหม่เลือกใช้

ดีขนาดนี้ไม่ใช้ไม่ได้แล้วนะคะ เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนมสูตรออร์แกนิค ที่ล่าสุดได้รับรางวัล MOMMY’S CHOICE สาขา BEST BABY BOTTLE & NIPPLE LIQUID CLEANSER จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2023 รางวัลนี้ได้มาจากการการันตีคุณภาพที่คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้คะแนนกันค่ะ เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนมสูตรออร์แกนิค ที่แม่ใช้แล้วบอกต่อกันมากที่สุด ทีมแม่ABK ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ

เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนมสูตรออร์แกนิค Bottle & Utensil Liquid Cleanser เป็นน้ำยาล้างขวดนมที่มีคุณสมบัติให้ความมั่นใจต่อการใช้ล้างทำความสะอาดขวดนมลูกน้อยที่ดีที่สุด เพราะออกแบบมาจากให้ส่วนผสมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของลูกน้อย และสิ่งแวดล้อม

ปลอดภัยต่อที่ 1: Plant-based ดีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เพราะใช้สารทำความสะอาดที่สกัดจากพืชธรรมชาติ สามารถขจัดคราบนมฝังแน่น เชื้อแบคทีเรีย และกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ในขวดนม จุกนมโดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้างจึงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย และยังย่อยสลายในธรรมชาติได้ง่าย

ปลอดภัยต่อที่ 2: สารสกัดจากธรรมชาติ Organic Coconut Oil ช่วยทำความสะอาดได้อย่างปลอดภัยหมดจด ผ่านการทดสอบ Irritation Tested ว่าไม่ระคายผิวบอบบางของลูกน้อย

 

เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม สูตรออร์แกนิค มาพร้อม 2 สูตร ให้คุณแม่เลือกใช้ตามใจชอบเลยค่ะ เพราะทั้ง 2 สูตรปราศจากน้ำหอม ในรูปแบบขวดปั๊ม และถุงรีฟิว (ลายสีเขียวสดใส) และ สูตรกลิ่นส้มยูซุ ในรูปแบบขวดปั๊ม และถุงรีฟิว (ลายสีส้มสดชื่น)

ทีมแม่ABK พามาดูคุณสมบัติของ เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม สูตรออร์แกนิค ที่คุณแม่ ๆ เลิฟกันมาก ใช้ดีรีบมาบอกต่อให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้ใช้กันค่ะ

🥥 มีส่วนผสมของออร์แกนิคโคโค่นัทออยล์ (USDA)

🌱 สารทำความสะอาดสกัดจากพืชธรรมชาติ ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ (Biodegradable)

🍼 ช่วยขจัดคราบโปรตีนและไขมันบนขวดนม ทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

👶 อ่อนโยน ปลอดภัยจากสารอันตรายทั้ง 7 ชนิด (0% harmful ingredients – SLS, LAS, MIT, Colorant, Lanolin, Paraben, Phosphate)

ผ่านการทดสอบการระคายเคือง Irritation Tested (Dermatological tested)

เพื่อสุขภาพและสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อย แนะนำคุณแม่ใช้น้ำยาล้างขวดนมสูตรออร์แกนิค พร้อมทั้งล้างทำความสะอาดขวดนมให้ถูกวิธี แค่นี้ก็หมดปัญหาคราบนมฝังแน่น กลิ่นเหม็นอับไม่พึงประสงค์ ลูกน้อยกินนมอย่างมีความสุข คุณแม่แฮปปี้ 100% ค่ะ

ทีมแม่ABK ให้ 10 10 10 ไปเลยค่ะกับ เพียวรีน น้ำยาล้างขวดนม สูตรออร์แกนิค และขอชี้เป้าให้คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจ ไปช้อปมาใช้กัน คลิกที่นี่นะคะ 👉

📌 Lazada https://www.lazada.co.th/shop/pureen/

📌 Shopee https://shopee.co.th/pureen_officialshop

 

บุกรร.เอกชนชายล้วน โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เรียนเด่น เล่นดี มี SPIRIT 

พาทัวร์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ส่องหลักสูตรและค่าเทอม โรงเรียนที่นักเรียน เรียนเด่น เล่นดี และ มี SPIRIT

School Visit วันนี้ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ Bangkok Christian College หรือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

โรงเรียนเอกชนชายล้วน แห่งแรกในประเทศไทย ที่ก่อตั้งและมีชื่อเสียงยาวนานมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “โรงเรียนแห่งความสุข – School of Happiness” กว่าร้อยปีที่ผ่านมา โรงเรียนไม่เคยหยุดพัฒนาในทุกๆด้าน จนจุบันโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยมีนักเรียนกว่า 6,000 คน ทำไมใครๆก็อยากให้ลูกเรียนที่นี่ โรงเรียนนี้มีดีอย่างไร และมีหลักสูตรอะไรที่น่าสนใจ วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ

 

โรงเรียนราษฎรแห่งแรกในสยาม : กุฎีจีน-สำเหร่-บางรัก

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก่อตั้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ราว พ.ศ. 2395 ตั้งอยู่ที่ตำบลกุฎีจีน โดยคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียน (American Presbiterian) เป็นโรงเรียนคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ มีซินแสกีเอ็ง ก๊วยเซียนเป็นผู้สอน ในตอนนั้นมีเยาวชนจีนเพียง 8 คนเท่านั้นที่สมัครเป็นนักเรียน จนกระทั้งปี พ.ศ. 2443 ทางคณะมิชชันนารีขยายและย้ายโรงเรียนมาที่ ถนนประมวญ ตำบลสีลม อำเภอบางรัก และสร้างสถาบันการศึกษาขึ้นใหม่เรียกนามว่า “กรุงเทพคริสเตียนไฮสกูล” และเปลี่ยนจากไฮสกูล เป็นคอลเล็จ (COLLEGE) ดังนั้นเองนามของสถาบันการศึกษาแห่งนี้จึงได้เปลี่ยนเป็น “กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย” เรียกชื่อและเขียนตามอักษรโรมันว่า BANGKOK CHRISTIAN COLLEGE ในปี พ.ศ. 2456 หรือในนามย่อๆว่า BCC ตัวย่อ ก.ท

ปัจจุบันโรงเรียนมีเนื้อที่กว่า 17 ไร่ และเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 – ม. 6 เท่ากับ12 ปี ในรั้วม่วง-ทอง

บรรยากาศโรงเรียน

กิจกรรมของเด็กๆชั้นประถม

หอประชุมของโรงเรียนที่ไม่เหมือนใคร รูปทรงคล้ายเรือโนอาห์ และยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญมากที่สุดในโรงเรียน

 

LEARN : SMART

หลักสูตรของโรงเรียนแบ่งออกเป็น 2 โปรแกรม ได้แก่ หลักสูตรสามัญ และหลักสูตร EIP (English Immersion Program) โดยอิงกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการในส่วนวิชาหลัก แต่วิชาเพิ่มเติมจะเป็นแบบ BCC STYLE หลักสูตรจะพัฒนาเด็กๆทั้งด้านวิชาการ หลักวิธีการคิดตามสาขาวิชา ทักษะสำคัญที่จะได้รับในแต่ละวิชา และด้วยพลังของเด็กผู้ชาย.. การใช้รูปแบบการเรียน Active Learning คือถูกต้องที่สุดค่ะ เมื่อเล่นให้เป็นเรียน ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเด็กๆแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่างก็เป็นผู้นำในการเรียนรู้ของตัวเอง แน่นอน BCC เน้นพัฒนาเด็กๆทุกด้าน ให้เป็นไปตามศักยภาพของตน เด็กๆจึง “เก่ง” ในแบบของตัวเอง ความว้าวของหลักสูตรที่พัฒนาใหม่คือ การเรียนในห้องเรียน 4 วัน และในวันศุกร์จะเป็น “ทักษะชีวิต” นอกห้องเรียน ก็โลกกว้างมีไว้ให้ผจญนี่นะ ส่วนวิชาเสริม นอกเหนือวิชาหลัก คือ เยอะมากๆ (เลือกได้ตามใจเลย)

 

CURRICULUM หลักสูตรสามัญ

ประถม

เพิ่มเติม การเรียนรู้ ด้านภาษา IT ROBOT (ชั่วโมงพิเศษ) โดยบริษัท Outsource เฉพาะทางด้าน AI, CODING ให้น้อง ป.1 นำสู่การเรียนการสอนเอง เด็กๆ จะเรียนรู้การใช้สื่อเทคโนโลยีให้เป็น ส่วน ห้องเรียน ป.4-6 เด็กๆจะสร้างสื่อผลงานจาก iPad

มัธยมปลาย

มีแผนการเรียน 15 แผน ทั้งสายวิทย์และศิลป์ ตามอาชีพต่างๆ ที่BCC มีเครือข่ายจากทางมหาวิทยาลัยต่างๆ พร้อมทั้งเชิญคุณครูพิเศษเฉพาะทางมาสอนเด็กๆ ก็ไม่ใช่แค่เด็กๆที่ได้เรียนรู้ คุณครูก็ได้พัฒนาศักยภาพไปด้วย วินวิน ไปเลย

    คาบเรียนที่ใช้ iPad เป็นสื่อการเรียนรู

 

EIP Program ( English Immersion Program )

โปรแกรม EIP คุณครูจะเป็น Native เฉพาะทาง! เรียนเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา ยกเว้น ภาษาไทย สังคมศึกษา และประวัติศาสตร์ เรียน ภาษาจีน 2 คาบ และในปีการศึกษา 2567 จะมีหลักสูตรใหม่ เป็นหลักสูตรสามภาษา หรือ Global Program พุ่งเป้าไปที่ “ภาษาจีน วัฒนธรรม ความรู้รอบจีน Digital Technology” เริ่มที่ชั้น ป.1 จำนวน 1 ห้อง ค่อยๆเติบโตไปทีละปีจนครบ 12 ปี รับรองว่าพื้นฐานแน่น คุณภาพล้นแก้วแน่นอนเพราะภาษาจีนเป็นภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเรียนรู้จัก ‘จีน’ จะช่วยให้เด็กๆเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและทางธุรกิจในอนาคต

ทักษะชีวิตนอกห้องเรียนในวันศุกร์

เด็กชมและเชียร์ แข่งกีฬาฟุตซอล

 

LIFE : ในโรงเรียน

ที่นี่ การเรียนแบบ Active Learning ก็ว่าสร้างประสบการณ์แล้ว กิจกรรมยิ่งสร้างประสบการณ์มากกว่า

เด็ก BCC ขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมมาก…ถึงมากที่สุด กิจกรรมต่างๆ ในรั้วโรงเรียน มักจะให้เด็กๆแสดงเป้าหมายและจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนเพราะกิจกรรมเป็นการแสดงออกถึงตัวตนของเรา แต่ในการทำกิจกรรมก็มีประโยชน์มากมายที่สามารถนำไปใช้เพื่อความสำเร็จ ถึงเเม้จะไม่ได้เกรดก็สามารถให้เราไปสู่เป้าหมายได้ เช่น ทัศนศึกษานอกสถานที่ กิจกรรมลูกเสือ สโมสร ชมรม กีฬา ดนตรี ศิลปะ กิจกรรมจิตอาสา นักเรียนมัคคุเทศก์น้อยหลายภาษา-พาผู้เยี่ยมชมทัวร์หอประวัติศาสตร์ของโรงเรียน นักเรียนบรรณารักษ์และอื่นๆอีกมากมาย

 กิจกรรมนักเรียนบรรณารักษ์

 

กิจกรรมไฮไลท์ BCC

การแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี

เป็นประเพณีการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนชายล้วนเก่าแก่สี่โรงเรียนของประเทศไทย

ประกอบด้วย โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเทพศิรินทร์

ผู้จัดเป็นพี่ ม.5 มีการแปรอักษรและเชียร์อันเป็นเอกลักษณ์ของงาน (จัดทุก 2 ปี แต่ปีไหนไม่มีบอลจตุรมิตรทางโรงเรียนจะให้เด็กๆได้จัดงานใหญ่ทดแทน )

งานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

จัดทุกวันที่ 30 กันยายน เป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ที่จัดโดยพี่ใหญ่ ม.6 ซึ่งเด็กๆจะผู้จัดหลัก ทำเองทั้งหมดโดยมีคุณครูเป็นที่ปรึกษา

ในงานประกอบไปด้วย การแสดงผลงานทางวิชาการ การออกร้าน ซุ้มเกมส์ ละครเวที ณ หอธรรม คอนเสิร์ตที่เชิญศิลปินมาแสดงค่าใช้จ่ายที่เด็กๆจะต้องระดมทุนและหาสปอนเซอร์…เด็กๆดูแลเองทุกอย่าง มีการขายบัตรเข้าชมงานกว่า 20,000 ใบ โดยเด็กๆจะเป็นผู้ดูแลจัดคิว รวมทั้งการวางผังทางเข้า-ออก ภายในวันงานที่ต้องเน้นความปลอดภัย แม้จะมีผู้เข้าชมในวันงานหลักหมื่นๆ เด็กๆก็สามารถจัดการได้ดีมาก ภายในงานเรียบร้อยค่ะ

 

BCC’s Characters ล้วนปลูกฝังจากการทำกิจกรรม ได้แก่

1. สร้างความเป็นผู้นำ

2. การอยู่ร่วมกับผู้อื่น

3. มีความมั่นใจ

4. เอาชนะ(ใจ)ผู้อื่น

5. การสร้างความสนุกสนาน

6. การเสียสละเพื่อส่วนรวม

7. การเเก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

 

 ที่โรงเรียนมีสนามกีฬาและโรงยิมหลายจุด รวมไปถึงสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน ให้ได้ปล่อยพลังกันเต็มที่

 

แข่งปาจรวด

 

ห้องสมุดของโรงเรียน เรียนรู้ ดูหนัง ฟังเพลง เล่มเกมส์ ร้องคาราโอเกะได้ด้วยนะ

 

 การทำกิจกรรม ได้ หรือ ไม่ได้รางวัล ทุกคนได้เท่าๆกันคือ “ประสบการณ์”

 

 โรงอาหารขนาดใหญ่ รองรับนักเรียน ได้เต็มที่

 

กิจกรรมยิ่งมาก ยิ่งดี?

ถูกต้องค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมภายในโรงเรียนหรือกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ วิชาการ หรือ ตามความถนัด

ล้วนก็เป็น PORTFOLIO ที่ดีสำหรับเด็กๆในการยื่นให้มหาวิทยาลัยต่างๆ (เริ่มเก็บตอน ม.4) “การเก็บพอร์ท” นี้จะช่วยให้คณะกรรมการได้มองเห็นถึงความเป็นตัวตนของเราอีกทั้งยังช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ ความสามารถ ทักษะที่มี กิจกรรมที่เคยเข้าร่วม รวมถึงการมีโอกาสได้รับรางวัลต่าง ๆ อีกด้วย (a prize is a plus) และที่โดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใดคือ กิจกรรมสร้างความรักและสามัคคี ระหว่างระบบพี่น้องเข้มแข็งมาก จากรุ่นสู่รุ่น จน BCC เป็นเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่

 

BALANCE :

BCC เป็นโรงเรียนชายล้วนขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนร่วม 6,000 กว่าคน หลายคนอาจจะนึกถึงภาพความโกลาหลในโรงเรียน

เปล่าเลยค่ะ เด็กๆใช้ชีวิตในโรงเรียนอย่างปกติสุขตามสไตล์เด็กผู้ชาย โรงเรียนมีเคล็ดไม่ลับ คือ “เพราะความยืดหยุ่น คือ คำตอบ”

ให้อิสระทางความคิด เด็กๆได้โอกาสออกความคิดเห็นผ่าน “สภานักเรียน” ทางโรงเรียนจะส่งโจทย์ให้พี่ ม. ปลายคิด = นั่นคือการ “ทดลองคิด” คิดกฏเกณฑ์ กติการ – สื่อสาร ยอมรับ เช่น การไว้ทรงผม ทำสีผม ระเบียบรองเท้านักเรียน และการแต่งชุดไปรเวทวันอังคาร…แม้จะไม่ถูกใจเด็กๆ ทุกคน หรือจะขัดใจคุณครูอยู่บ้าง จุดที่พบกันตรงกลาง คือ ความสำเร็จค่ะ เพราะอัตลักษณ์อย่างแรกของโรงเรียนคือ การเป็นผู้นำที่ต้องคิดเป็น วิเคราะห์ได้

 

Life Skills : ฝึกเด็กจากประสบการณ์และสิ่งรอบตัว

ไม่มีสิ่งไหนเรียนรู้ได้ดีเท่าประสบการณ์ ผ่านการ coaching และการใช้จิตวิทยาที่เหมาะสมกับวัย การเติบโตได้อย่างดีจะอาศัยเพียงบางองค์ประกอบไม่ได้ แต่ต้องเป็นการร่วมมือของทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิดค่ะ ทั้งเครือข่ายผู้ปกครอง ศาสนกิจ หลักคำสอนคริสตศาสนา เป็นภูมิคุ้มกันทางชีวิต งานแนะแนว : กิจกรรมโฮมรูม โครงการคลินิกให้คำปรึกษา โครงการผู้ให้คำปรึกษารุ่นเยาว์ โครงการอาชีพสัญจร โครงการพี่พบน้อง โครงการนักขายวัยทีน เป็นต้น (จากทั้งหมดเกือบ 30 โครงการ) กิจการนักเรียน สภานักเรียน เพราะหน้าที่ในการเป็นผู้รับ ผู้ให้ ผู้นำ ผู้ตาม เป็นหน้าที่ของฝ่าย ร่วมเติบโตอย่างสมวัยและออกเดินทางไปพร้อมกับเด็กๆ

อาจารย์วราภรณ์ ทรัพย์สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและมาตรฐานคุณภาพ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ และ ผู้จัดการ

 

Mommy Like This !

Start ป.1 วิ่งยาวถึง ม.6 (12 ปีไปเลยค่ะ) ผ่าน 12 ไปปีไป คุณแม่จะเห็นผลิตผลของ BCC CHARACTERS & SPIRIT ที่ทำให้พวกเขาคือพวกเขาจริงๆ

เด็กๆจะมีความสุข ลูกๆจะอยากไปโรงเรียน เพราะที่นี่คือ School of Happiness

ความรู้เปลี่ยน วิทยาการเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน โลกเปลี่ยน โรงเรียนเปลี่ยนเพื่อให้ดียิ่งกว่าเก่า

เดินทางสะดวก มาเรือ มารถไฟฟ้า มาทางราบ แม้จะติดขัดบางช่วงเวลาแต่มีทีมผู้ปกครองอาสาเป็นจราจรอำนวยความสะดวกให้อยู่นะคะ

โรงเรียนไม่ใช่กรอบ แต่โรงเรียนให้พวกเรา “ช่วยกันสร้างกรอบในแบบของ BCC ครับ”

 

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ค่าเทอม

อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษา ( ปี พ.ศ.2567 )

ประเภทสามัญศึกษา (ราคาไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1 ปีการศึกษามี 2 เทอม )

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 ประมาณ 18,000 – 20,000 บาท ต่อเทอม

English Program (EIP)

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 ประมาณ 113,000 – 143,300 บาทต่อเทอม

หลักสูตร 3 ภาษา หรือ Global Program ( เริ่มปีการศึกษา 2567)

กรุณาติดต่อทางโรงเรียนโดยตรง

 

ที่อยู่

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

35 ถนนประมวญ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

อีเมลล์ : [email protected]

โทร. +66(0)2-637-1852

แฟ็กซ์. +66(0)2-637-9399

http://www.bcc.ac.th/2019/

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข , ภูเบศ บุญเขียว

สเปรย์ฉีดหมอน

รีวิว สเปรย์ฉีดหมอน ออร์แกนิค กำจัดไรฝุ่น 100% หอมละมุน หลับสบาย

รู้หรือไม่คะว่า สเปรย์ฉีดหมอน เป็นไอเท็มที่ช่วยเบาแรงเวลาที่คุณแม่ต้องอุ้มกล่อมลูกน้อยเป็นเวลานานได้ เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการนอนหลับ จึงทำให้ลูกน้อยหลับง่าย สบาย และยาวนาน

เพราะการนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย หากลูกนอนหลับช่วงกลางคืนไม่เพียงพอ โกรทฮอร์โมนจะทำงานได้ไม่เต็มที่อาจทำให้ลูกไม่เติบโตตามวัย และส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ทั้งด้านอารมณ์ ร่างกาย และสมองของลูก ทำให้ไม่ร่าเริงแจ่มใส ไม่กระฉับกระเฉง ความจำไม่ดี เรียนรู้ได้ช้าลง คุณแม่จึงไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการนอนหลับที่เพียงพอตั้งแต่เด็ก

หากบ้านไหนที่ลูกน้อยนอนหลับยาก ลองมาดูรีวิว สเปรย์ฉีดหมอน Master Rabbit Twinkle Spray โดยทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids กันก่อนค่ะ

นวัตกรรม สเปรย์ฉีดหมอน ช่วยลูกน้อยนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

  • กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ช่วยให้ผ่อนคลาย นอนหลับง่าย หลับสนิท ยาวนาน
  • ช่วยกำจัดไรฝุ่น 100% สาเหตุของโรคภูมิแพ้
  • กำจัดเชื้อโรคบนของเล่น และเครื่องใช้ต่างๆ ได้ถึง 99%
  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยสารสกัดออร์แกนิค ที่ผ่านการรับรอง ECOCERT
  • ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ไม่มีพาราเบน สารกันเสีย การแต่งกลิ่นสังเคราะห์ ฟอร์มัลดีไฮด์ พาทาเลต สเตียรอยด์ และไม่มีแอลกอฮอล์
  • สเปรย์ที่ใช้ฉีดได้ทั้งหมอน ที่นอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ชุดนอน ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยผ้า

Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้ สเปรย์ฉีดหมอน Master Rabbit Twinkle Spray ได้รับรางวัล BEST INNOVATIVE NATURAL PILLOW SPRAY 2023

สูตรส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยน ปลอดภัย ใช้ได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด

  • น้ำแร่บริสุทธิ์ สเปรย์น้ำแร่ที่มีเกลือแร่และแร่ธาตุที่หลากหลาย มีประโยชน์ต่อผิว และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเมื่อสัมผัสกับผิว
  • ดอกคาโมมายล์ ออร์แกนิก เป็นสมุนไพรที่นิยมตั้งแต่เมื่อ 1,000 ปีก่อน ด้วยคุณสมบัติ ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และนอนหลับสบาย
  • เมทิลโพเพนไอดอล ช่วยสร้างสมดุลให้บรรยากาศรอบข้าง
  • ดอกลาเวนเดอร์ ออร์แกนิก ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น หลับง่ายขึ้น
  • ลูกพลับญี่ปุ่น ช่วยระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ขจัดไรฝุ่น และแบคทีเรีย
  • ดอกวานิลลา ให้ความหอมสดชื่น ช่วยให้หลับลึก ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรค และไรฝุ่น

เชื่อถือได้ด้วยงานวิจัยและใบรับรองมาตรฐาน

  • ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออร์แกนิคจาก ECOCERT จึงมั่นใจได้ว่า ใช้ส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติ ออร์แกนิก ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ผ่านการทดสอบจากศิริราชให้การรับรองว่ามีประสิทธิภาพกำจัดไรฝุ่น 100%
  • ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียจากมหิดลให้การรับรองว่า กำจัดยับยั้งแบคทีเรียได้ถึง 99.99%
  • ได้รับการรับรองจากอย. ประเทศไทยในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกร่างกาย

Master Rabbit Twinkle Spray ถือเป็นนวัตกรรม สเปรย์ฉีดหมอนสูตรส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่ไม่เพียงช่วยให้การนอนหลับที่ดี แต่ยังช่วยกำจัดไรฝุ่น อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพยับยั้งเชื้อโรคได้ด้วย ที่สำคัญผ่านการรับรองมาตรฐานมีจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ คุณแม่จึงอุ่นใจและมั่นใจได้ในความปลอดภัยต่อลูกน้อย ทีมบรรณาธิการ พิจารณาแล้วว่าเข้าตามหลักเกณฑ์ในสาขา Innovation ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นคุณแม่ที่มีความสุขไปพร้อมทั้ง Intentionการเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการประดิษฐ์ คิดค้น และสร้างสรรค์ใหม่ที่สร้างขึ้นให้ใช้งานได้จริง Intiative นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกที่เกิดจากไอเดียใหม่ และ Invaluable นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกที่มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์จริง

Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ สเปรย์ฉีดหมอน Master Rabbit Twinkle Spray ได้รับรางวัล BEST INNOVATIVE NATURAL PILLOW SPRAY 2023 สาขา Innovation จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์ Master Rabbit สามารถติดตามได้ที่

👉https://masterrabbitthailand.com

🛒https://www.facebook.com/masterrabbitthailand

🛒https://shopee.co.th/masterrabbitthailand

🛒https://www.lazada.co.th/shop/master-rabbit

🛒https://shop.line.me/@masterrabbit

 

 

Mark For Future

Mark For Future Kindergarten โรงเรียนอนุบาลและประถมแบบ 2 ภาษา เอกดนตรีแห่งแรกของประเทศไทย

When we groove, we improve! สมัยนี้คงปฏิเสธไม่ได้ ว่าใครๆก็อยากให้ลูกเรียนดนตรี เพราะการเรียนดนตรีตั้งแต่เด็กจะช่วยพัฒนาสมองให้เจริญเติบโต ทั้งเรื่องความจำ,อารณ์ต่างและยังช่วยพัฒนาร่างกายหลายๆด้านอีกด้วย ถ้ามีโรงเรียนที่เน้นสอนดนตรีให้กับเด็กในชั่วโมงเรียนเลยก็คงจะดีทีเดียว

วันนี้ School Visit จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียน Mark For Future Kindergarten โรงเรียนเอกดนตรีแห่งแรกของประเทศ ที่เด็กๆจะได้เรียนดนตรีทุกรูปแบบและทุกๆวัน อีกด้วย

โรงเรียน Mark For Future Kindergarten

ตั้งอยู่ย่านทวีวัฒนา บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่  เปิดทำการสอนมากว่า 10 ปี โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ,อนุบาลและชั้นประถม ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งโรงเรียนเพียง 120 คน โดยแต่ละห้องรับไม่เกิน 15 คน เพื่อให้เด็กๆทุกคนได้รับการดูแลแบบใกล้ชิด ตามจุดประสงค์ของผู้อำนวยการ คุณพงษ์ธนธรณ์ ศรีทองกุล ผู้อำนวยการโรงเรียน หรือครูแอล ของเด็กๆ ที่สั่งสมประสบการ์ณด้านดนตรีมากมายจากทั่วโลก

ที่โรงเรียน Mark For Future เด็กๆจะได้เรียนรู้เพลงและดนตรีตลอดเวลา เพราะทุกวิชาจะสอดแทรกดนตรี เพื่อเป็นสื่อในการสอน ให้เด็กๆสนุกและมีความสุขตลอดเวลา ได้เรียนทั้ง กีตาร์ เบส กลอง เปียโน ร้องเพลง เต้น และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้โรงเรียนยังมุ่งมั่นที่จะมอบสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมนักเรียนให้รู้จักสำรวจ สงสัย และหาคำตอบด้วยตนเอง ส่งเสริมความรักในการเรียนรู้และพัฒนาทางสังคมและอารมณ์ สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับทางด้านวิชาการในอนาคต และยังเน้นการใช้ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ โดยเด็กๆจะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ (Native) จากประเทศอังกฤษ ในหลากหลายวิชาอีกด้วย

Mark For Future Mark For Future

บรรยกาศอาคารเรียนด้านนอกที่เน้นสีสันสดใส
ส่วนโถงต้อนรับภายในเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีมากมาย กระตุ้นให้เด็กๆอยากเรียนรู้

 

เตรียมอนุบาล อนุบาล  ( Preschool )

เน้น Active Learning โดยเรียนรู้ผ่านการเล่น และใช้ดนตรีเป็นสื่อในการสอน ทุกๆวันเด็กจะได้เรียนดนตรีวันละ 1 คาบ และเรียนรู้เครื่องดนตรีแต่ละชนิดแตกต่างกันไปในแต่ละวัน นอกจากห้องเรียนดนตรีแล้ว ยังมีห้องแดนซ์ สำหรับเรียนบัลเล่ต K-Dance ,K-pop และอื่นๆ เมื่อจบปีการศึกษาเด็กๆจะได้ร่วมตั้งวงดนตรีของตนเองเพื่อจัดคอนเสิร์ต และสามารถเลือกว่าตนเองอยากเล่นตำแหน่งอะไร ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การทำงานแบบ Team Work โดยมีคุณครูคอยสังเกต ว่าเด็กคนไหนถนัดอะไร ควรเสริมอะไร นอกจากสังเกตเป็นรายบุคคลแล้ว คุณครูยังดูภาพรวมของห้อง เช่น ห้องนี้เรียนเด็กชอบเล่นเปียโนและเก่งกันเกือบทั้งห้อง ทางโรงเรียนก็จะเพิ่มคาบเรียนเปียโนจาก 1 คาบเป็น  2 คาบ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับนักเรียน  สำหรับเด็กอนุบาล 3 จะได้มีโอกาสไปเล่นดนตรีโชว์ที่ต่างประเทศ ทั้งประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ เพื่อฝึกความกล้าแสดงออกในที่สาธารณะ เมื่อเด็กๆต้องขึ้นเวทีที่ไหนก็ไม่มีตื่นกลัว นอกจากวิชาดนตรีแล้วทางโรงเรียนก็ยังมีวิชาอื่นๆตามหลักของกระทรวงศึกษาธิการและมีกิจกรรมมากมายเพื่อเสริมทักษะ ทั้ง Cooking วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เป็นต้น

Mark For Future Mark For Future

วิชาพละ เด็กๆจะได้เรียนเตะฟุตบอลกับโค้ชต่างชาติ ( Native )ที่จบทางด้านฟุตบอลโดยตรง และได้ทำกิจกรรมมากมายเพื่อเสริมสร้างทักษะและกล้ามเนื้อต่างๆ

Mark For Future

เด็กๆเตรียมอนุบาล ทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสานาน

Mark For Future Mark For Future Mark For Future

คลาสเรียนวิทยาศาสตร์ เน้นให้เด็กๆได้ทดลองทำด้วยตนเอง

Mark For Future Mark For Future

คลาสดนตรีและคลาสเต้นของเด็กอนุบาล

Mark For Future Mark For Future ห้องเรียน MINI ที่จำกัดนักเรียนแค่ 5 คนต่อห้อง

ประถมศึกษา ปีที่ 1-6 ( Primary School )

สำหรับชั้นประถมจุดเด่นคือแต่ละห้องเรียน จะมีเด็กนักเรียนไม่เกิน 15 คน  ทำให้คุณครูสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง หลักสูตรการเรียนการสอนเน้น คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และวิชาการ 8 กลุ่มสาระ นอกจากนี้ยังมีเรียนหลักสูตร โรบอทและSTEAM  โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกกระบวนการคิดค้นหาตัวเองตั้งแต่วัยประถม ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์เน้นทดลองและลงมือทำด้วยตนเองเด็กๆจะได้เรียนทั้ง Cubelets & Robotics,  Digital Art  Match & Engineering, Coding Lego Robots และการ Coding ทำให้เด็กสนุกในการเรียนและไม่เบื่อ

ส่วนวิชาดนตรีเป็นแบบ Major Minor  เด็กๆสามารถเลือกเรียนตามความสนใจ เลือกเครื่องดนตรีที่ตนเองชอบได้ นอกจากเรียนดนตรีแล้ว ที่โรงเรียนยังสอนเรื่อง Sound Engineer ,Music Engineering  และ Backstage ต่างๆ ให้กับเด็กๆด้วย โดยใช้หลักสูตรดนตรี จากTrinity College London  ที่เป็นบอร์ดสอบดนตรีสากลจากสหราชอาณาจักร โดยมีการสอบวัดระดับมาตรฐานทางดนตรีเทียบกับหลักสูตรของสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ในสาขาวิชาดนตรี เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีทิศทาง สามารถวัดผลการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจนและมีมาตรฐานสากล ผู้สอบจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองที่เป็นมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ กว่า 50 ประเทศประเมินตามเกณฑ์ ของ Trinity โดยมีผู้เชี่ยวชาญ จาก Trinity มาประเมินเด็กด้วยตนเอง เมื่อจบการศึกษาแล้วสามารถเรียนต่อทางด้านดนตรีที่ต่างประเทศในเครือข่ายของ Trinity College London  ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ทางโรงเรียน ยังก่อตั้งวงดนตรี MFF ASA85 ซึ่งเป็นวงดนตรีเยาวชนจิตอาสา ก่อตั้งขึ้นในปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 85 พรรษา เพื่อส่งเสริมการทำความดีตอบแทนสังคมตามรอยเบื้องพระยุคลบาทสืบไป โดยเด็กๆจะได้จัดแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการกุศล เพื่อนำเงินไปซื้อเสื้อเกราะให้ทหาร ทำให้เด็กได้ฝึกฝนในการแสดงดนตรีและยังเรียนรู้ที่จะเป็นจิตอาสาที่ดี ทำดีเพื่อสังคมต่อไป

Mark For Future

   บรรยากาศห้องเรียนเด็กประถม

Mark For Future Mark For Future ห้องเรียนวิทยาศาสตร์เด็กประถม

Mark For Future Mark For Future

ห้องเรียน Coding Lego Robots

 

 อุปกรณ์การเรียนครบครัน และทันสมัย

 Mark For Future Mark For Future Mark For Future

ห้องอัดเสียง ห้องคอนเสิร์ต และห้องเรียนแต่งเพลง

Mark For Future Mark For Future

ทุกห้องเรียนอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ดนตรี เด็กๆจะได้ใช้เครื่องดนตรีแบบ 1:1

  Mark For Future

แม้แต่ห้องรับประทานอาหารก็ยังมีเครื่องดนตรี สมกับที่เป็นโรงเรียนดนตรีจริงๆ

Mark For Future

คุณพงษ์ธนธรณ์ ศรีทองกุล (ครูแอล) ผู้อำนวยการโรงเรียน

Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่

1.ผู้อำนวยการรู้จักเด็ก รู้จักผู้ปกครองทุกคน เอาใจใส่และดูแลเด็กแบบใกล้ชิด เปรียบเสมือนคนในครอบครัว

2.ใครอยากเรียนเสริมดนตรีหรือวิชาอื่นๆหลังเลิกเรียน ไม่ต้องไปไหนไกล เรียนที่โรงเรียนได้เลยเพราะที่นี่มีคลาส After School มากมาย ทั้งเปียโน กลอง อูคูเลเล่  บัลเล่ต์ ศิลปะ ภาษาจีน ไอทีต่างๆ ในราคาพิเศษ

3.กลองชุด ที่เด็กๆใช้เรียน ทางโรงเรียนสั่งทำพิเศษแบบหลากหลายสี ให้เด็กๆเลือกสีที่ตัวเองชอบในแต่ละคลาสเรียน เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆอยากเรียนเพิ่มขึ้น และยังแสดงถึงความเข้าใจและใส่ใจเด็กๆได้เป็นอย่างดี

4.โรงเรียนเชคค่าฝุ่นทุกวัน เพื่อวางแผนการเล่นเอาต์ดอร์ของเด็กๆ และในห้องเรียนมีเครื่องฟอกอากาศทุกห้อง

5.พื้นฐานด้านดนตรีแน่น สามารถเรียนต่อด้านดนตรีได้แบบสบายๆ

6.มี Workshop จากเหล่านักดนตรี นักร้องมืออาชีพชื่อดัง มาช่วยสอนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆอยู่เสมอ เช่น พี่โต๋ ศักดิ์สิทธิ์

7.ค่าเทอม สามารถเลือกจ่ายได้หลายแบบ ทั้งแบบรายเทอม รายปี หรือแบบชำระล่วงหน้า 2- 4 ปี ยิ่งชำระล่วงหน้ายิ่งมีส่วนลดเยอะ ถูกใจแม่มากๆ

8.มีห้องเรียน Mini สำหรับเด็กที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ รับเด็กไม่เกิน 5 คนต่อห้อง เช่น เด็กที่มีพัฒนาการช้า หรือมีอาการแพ้หลายๆอย่าง

9.วันประชุมผู้ปกครอง ผู้ปกครองแต่ละบ้านจะได้คุยแบบตัวต่อตัวกับครูแต่ละคน รวมถึงครูแอลผู้อำนวยการด้วย เพื่อปรึกษาแนวทางการพัฒนาลูกๆของตนเอง

10.ทุกๆเทศกาล ทางครูแอล ผู้อำนวยการ จะแต่งเพลงใหม่ๆให้เด็กๆหัดเล่นหัดร้อง เพื่อเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมนั้น นอกจากสนุกที่ได้เรียนรู้เรื่องเพลงแล้วยังได้ความรู้ไปในตัวอีกด้วย

11.ที่โรงเรียนเด็กๆจะได้ทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ หิวเมื่อไหร่ทานได้ตลอด ทั้งนม ขนมและอาหาร เติมได้ไม่อั้นซึ่งราคารวมอยู่ในค่าเทอมแล้วด้วย

 

อัตราค่าเล่าเรียน ปี 2567

  • ค่าเทอม 60,000 บาท ( รายเทอม )
  • ค่าแรกเข้า 20,000 บาท ( ราคายังไม่รวมค่าอาหาร )

( ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้กับทางโรงเรียน )

 

ที่อยู่ Mark For Future Kindergarten School

732 ซอย ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก 15 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170

LINE : markforfutureschool

Tel. 061 386 6663

Facebook : https://web.facebook.com/mffkindergarten

MARK FOR FUTURE SCHOOL – เรียนรู้อย่างรวดเร็ว • ด้วยความสนุกสนาน • ผ่านขบวนการดนตรี

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  อภินัยน์ ทรรศโนภาส


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

eclampsia คือ

ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง หรือ eclampsia คือ อะไร แม่ท้องต้องรู้ รับมือไว รักษาทัน!

eclampsia คือ ครรภ์เป็นพิษที่รุนแรงจนมีอาการชัก ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด สาเหตุเกิดจากอะไร จะสามารถป้องกันหรือรักษาก่อนคลอดได้หรือไม่ มาดูกันค่ะ

ภาวะครรภ์เป็นพิษ เกิดจากสาเหตุใด

สาเหตุของการเกิดครรภ์เป็นพิษยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันหรือฮอร์โมนต่อมไร้ท่อบางตัวหรือจากกรรมพันธุ์ สันนิษฐานว่าเกิดจากความไม่สมดุลกันระหว่างโปรตีนบางตัวที่สร้างขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดในสตรีมีครรภ์ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถสร้างหลอดเลือดไปเลี้ยงรกได้เพียงพอ ทำให้บางส่วนของรกขาดเลือด เกิดการตายของเนื้อรกบางส่วนและมีการปล่อยสารที่ส่งผลให้หลอดเลือดหดตัว แต่มีข้อสมมติฐานว่า ครรภ์เป็นพิษเกิดได้จากสาเหตุดังนี้

  • รกทำงานผิดปกติ สารบางชนิดกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท
  • ภาวะโปรตีน หรือไข่ขาวรั่วออกมาปะปนอยู่ในปัสสาวะ
  • การฝังตัวไม่แน่นของรกบริเวณผนังมดลูก ทำให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ไม่เพียงพอ เกิดการหลั่งสารพิษบางอย่างเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลเสียต่อแม่ตั้งครรภ์และลูก จนเกิดภาวะแทรกซ้อน
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษพบได้ 5-10% ของการตั้งครรภ์ กลุ่มเสี่ยงคือ แม่ตั้งครรภ์ครั้งแรก แม่มีน้ำหนักตัวมาก แม่เป็นโรคเบาหวาน แม่มีประวัติความดันโลหิตสูง แม่ที่ตั้งครรภ์ตอนอายุเกิน 35 ปี หรือแม่อายุน้อยแต่เป็นครรภ์แรก

 

5 อาการสำคัญของ ครรภ์เป็นพิษ

  • อาการบวมบริเวณใบหน้า มือ และเท้า
  • ทารกดิ้นน้อยลง
  • สายตาพร่ามัวและปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย หน้าผาก โดยรับประทานยาแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • จุกแน่นบริเวณลิ้นปี่หรือหายใจลำบาก หากอาการรุนแรงอาจมีอาการชักกระตุกทั้งตัว เกิดเลือดออกในสมองได้

ภาวะครรภ์เป็นพิษในระยะเริ่มแรกนั้นจะไม่มีอาการภายนอกให้สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน แต่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทราบได้จากการรับการตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นควรจะสังเกตอาการของตัวเองไว้ก่อน หากมีภาวะเสี่ยงหรือคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเหล่านี้ควรมาพบแพทย์ทันที

 

pre eclampsia คือ และ eclampsia คือ อะไร

ความแตกต่างของ Preeclampsia และ Eclampsia คือภาวะของอาการครรภ์เป็นพิษ ที่มีอาการตับทำงานผิดปกติและมีความดันเลือดสูงร่วมด้วย โดยภาวะครรภ์เป็นพิษมี 3 ระดับ ได้แก่

  • ครรภ์เป็นพิษที่ไม่รุนแรง (Preeclampsia)
  • ครรภ์เป็นพิษที่รุนแรง (Preeclampsia with severe features)
  • ครรภ์เป็นพิษที่รุนแรงจนมีอาการชัก Eclampsia คือ อาจทำให้ตับทำงานผิดปกติ หยุดทำงาน และมีการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ

อันตรายของภาวะครรภ์เป็นพิษ

หากครรภ์เป็นพิษชนิดที่รุนแรงมาก ๆ จะทำให้แม่และลูกเสี่ยงอันตราย ทำให้แม่เสียชีวิตได้ ส่วนทารกในครรภ์ ถ้าอายุครรภ์ใกล้คลอดเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 เด็กอาจคลอดก่อนกำหนด กรณีที่อายุครรภ์ยังน้อยอาจต้องยุติการตั้งครรภ์ ถ้าครรภ์เป็นพิษรุนแรงนาน ๆ อาจทำให้ทารกเติบโตช้า ตัวเล็ก และขาดออกซิเจน

eclampsia คือ ครรภ์เป็นพิษ
การพบหมอตามนัดทุกครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษที่รุนแรง

วิธีป้องกันครรภ์เป็นพิษ

  • ครรภ์เป็นพิษมีสาเหตุไม่แน่ชัด หากฝากครรภ์เร็วก็สามารถตรวจร่างกาย ดูความเสี่ยง เช็คโรคประจำตัว และติดตามอาการของแม่ได้เร็ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุก สด สะอาด ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด เพิ่มโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ตับ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารผัดน้ำมัน และอาหารทอด
  • ดื่มน้ำไม่น้อยกว่า 6-8 แก้วต่อวัน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้านอนนาน ๆ ไม่ได้ ก็พยายามหาช่วงเวลางีบหลับระหว่างวัน
  • ออกกำลังกายตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามสูบบุหรี่ และไม่ควรอยู่ใกล้สารเคมีอันตราย

การรักษาครรภ์เป็นพิษ

แพทย์จะประคับประคองแม่และทารกในครรภ์จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรในการคลอด หากอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ขึ้นไป จะสามารถผ่าคลอดหรือเร่งคลอด เพื่อไม่ให้อาการครรภ์เป็นพิษรุนแรงขึ้น

 

เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ควรรีบไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด หมั่นสังเกตร่างกายอยู่เสมอ หากมีความผิดปกติให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด ที่สำคัญ ควรไปโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามการตั้งครรภ์


เรื่อง : PETEPRIM’S MOM

ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลนครธน

 

ครรภ์เป็นพิษเกิดจากอะไร ประสบการณ์ครรภ์เป็นพิษ ต้องยุติการตั้งครรภ์

10 อาการผิดปกติ ตอนท้อง ที่แม่ควรรีบไปหาหมอ!

อาการตั้งครรภ์ สัญญาณเตือนว่าท้อง อาการตลอด 9 เดือน มีแบบไหนบ้าง? เช็คเลย!!

คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

คัดมาเน้นๆ 50 คติสอนใจชีวิตคู่ คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ เอาไปใช้ได้จริง

คัดมาให้แบบเน้นๆ แคปชั่นคู่ชีวิต คติสอนใจชีวิตคู่ คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ เอาไปใช้เป็นแคปชั่นขำๆ หรือเอาไปใช้ในชีวิตจริงก็ช่วยสร้างสีสันในชีวิตได้

รวม 50 คติสอนใจชีวิตคู่ คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

ใครว่าคำคม เป็นเพียงแค่แคปชั่นเท่ๆ ไร้สาระ แต่สำรับบางคนการได้มีอะไรมาเตือนสติ หรือช่วยให้หวนรำลึกความรักครั้งยังข้าวใหม่ปลามัน ก็อาจช่วยให้ความรู้สึกดี ๆ หวนกลับมา เติมเต็มความรักของเราสองให้กลับมาหวานชื่นดั่งเดิมได้เช่นกันค่ะ ทีมแม่ ABK จึงได้รวบรวม คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ คติสอนใจชีวิตคู่ มาเพื่อเป็นข้อคิด สะกิดใจ ให้ความรักของคุณทั้งคู่ได้ทบทวนถึงความหลังเมื่อครั้งยังหวาน เตือนสติ แถมเพิ่มดีกรีความรักให้มากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

  1. อย่ารอที่จะให้คนดี ๆ คนที่ใช่ เข้ามาในชีวิต แต่จงทำให้ตัวเองเป็นคนดี ๆ คนที่ใช่ ที่เดินเข้าไปในชีวิตใครสักคน
  2. เวลาที่เราบอกรัก ไม่ได้บอกเพื่อให้ได้ยินคำว่ารักกลับคืน แต่บอกเพื่อให้เธอรู้ว่ารักต่างหาก
  3. ความรักไม่ใช่สองคนต่างหาคนที่จะมาเติมเต็ม แต่มันคือ การที่สองคนเติมเต็มตัวเองเป็นแล้วมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน
  4. ชีวิตคู่ อย่าใช้คำว่า “ทน” กับปัญหา ให้ใช้คำว่า “เรียนรู้..และแก้ไข” ไปด้วยกัน
  5. สุดท้ายความสำคัญของชีวิตคู่ มันไม่ได้สุดที่การแต่งงาน แต่มันคือความสุขจากความสัมพันธ์ ที่จะจับมือพากันไป จนแก่ด้วยกัน
  6. ทุกคนมีโอกาสที่จะได้มีชีวิตคู่ แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เจอคู่ชีวิต
  7. คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แต่ต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมามันสอนอะไรมาบ้าง
  8. คนรักกัน มันต้องมีบ้างที่ต้องทะเลาะผิดใจกัน แต่ท้ายที่สุดยังคิด…จะอยู่ด้วยกันอีกไหม? นั่นสำคัญที่สุด!!!
  9. ทะเลาะกันแค่ไหนก็ได้ แต่..อย่าปล่อยให้ค้างคา จนเรื่องมันข้ามคืน
  10. คนสองคนคบกัน…ทะเลาะกันต่อให้มีคำแนะนำ จากหลายคน ก็จะมีแค่คนสองคน ที่ต้องเคลียร์กันเอง
  11. ไม่ได้หวังจะเจอรักที่สมบูรณ์แบบ แค่หวังจะได้เจอรักที่ยอมรับในความ ไม่สมบูรณ์แบบของกันและกันได้ และรักในแบบที่ตัวเราเป็นเรา
  12. อย่ารอที่จะเห็น “คุณค่า” ของใคร ในเวลาที่ “สูญเสีย” เค้าไปแล้ว
  13. การตกหลุมรักน่ะง่าย สิ่งสำคัญกว่าคือการดำรงความรักนั้นไว้ต่างหาก
  14. สำหรับชีวิตคู่ อย่าพยายามทำทุกอย่าง คนเดียว
  15. ชีวิตคู่ไม่ได้แฮปปี้ทุกวัน ขอแค่ไม่ทอดทิ้งกันในวันที่ทุกข์ใจ
  16. อาจไม่เสมอต้นเสมอปลายนัก แต่ยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง
  17. ความลับของชีวิตแต่งงานที่มีความสุข คือ จงยอมรับผิดเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด แต่จงเงียบไว้เมื่อคุณเป็นฝ่ายถูก
  18. ชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างหรอก แค่คุณอยู่กับใครแล้วมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว
  19. ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่เดินเคียงคู่กันไปจนตลอดชีวิต
  20. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนเวลาจะพรากไป ใส่ใจคนที่อยู่ข้าง ๆ กายก่อนที่จะไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เรา
  21. เรื่องที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่ก็เรื่องเดิม ๆ ถ้าไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข มันก็ไปกันไม่รอด
  22. ถ้ามัวแต่อุ้มอดีตไว้ แล้วจะเอามือที่ไหนไปคว้าอนาคต
  23. คนรักกัน ต้องยอมทิ้งพยศ ลดมานะ ละทิฐิ ทิ้งความเป็นเธอ ทิ้งความเป็นฉัน แล้วหลอมกันเป็นเรา
  24. “คู่ชีวิต” ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่ควรเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกว่า “ทุกอย่างสมบูรณ์”
  25. บอกรักกันในวันที่มีโอกาส เพราะไม่รู้ว่าเราจะจากกันวันไหน

คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

26 – 50 แคปชั่น คำคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

 

  1. หลงผิดยังมีโรงพัก หลงรักจะพักที่ไหน
  2. ถ้าอยากให้เขาดูแลแสดงว่า “เหงา” ถ้าอยากดูแลเขาแสดงว่า “รัก”
  3. กินอาหารก็ต้องรอคิว ถ้าอยากได้รักชิว ๆ ต้องมาหาพี่
  4. ทุกอย่างบนโลกนี้ดูยาก แต่ตกหลุมรักเธอ ทำไมง่ายจัง
  5. ถึงผมจะไม่ใช่พี่มาก แต่ผมก็รักพี่มากนะครับ
  6. ให้เบื่อง่าย ๆ คงยาก พอดีรักมากซะด้วย
  7. เลิกคุยทั้งอำเภอ หรือเพราะเธอไม่มีเน็ตกันแน่
  8. ถึงหน้าตาเราจะเกเร แต่เราไม่เทเธอแน่นอน
  9. สิ่งที่อยากได้คือใจ สิ่งที่ห่วงใยคือเธอ
  10. เราไม่ได้เลือกคนที่หน้าตา แต่เลือกคนที่พร้อมชราไปด้วยกัน
  11. เขียนโปรแกรมเจอแต่ bug แต่เจอเธอปั๊บ อยากจะรักเธอจังเลย
  12. เราอะหน้าเหมือนหมู แต่เนื้อคู่อะหน้าเหมือนเธอ
  13. ชื่อเราอาจจะไม่เพราะ แต่เราเหมาะกับนามสกุลเธอนะ
  14. วาเลนไทน์มีวันเดียว แต่รักเธอคนเดียวอะมีทุกวัน
  15. ฝนตกเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผมรักคุณมากเป็นเรื่องพิเศษ
  16. เรื่องบางเรื่อง อาจไม่ได้ผ่านไปด้วยดี เเต่มันดีตรงที่ว่า…เราผ่านมันมาด้วยกัน
  17. อดีตเป็นไง ไม่สำคัญ … แต่ปัจจุบันขออยู่เคียงข้างเธอ
  18. ก้าวแรกว่าสำคัญ แต่ก้าวไปด้วยกันสำคัญกว่า
  19. อย่าลดคุณค่าของตัวเอง เพื่อพิสูจน์คำว่า…รักแท้
  20. มันไม่สำคัญว่าใครทำให้คุณเจ็บปวด แต่ที่สำคัญคือใครทำให้คุณยิ้มได้อีกครั้ง
  21. อย่าหลงระเริงกับคำว่ารักแค่เพียงลมปาก แต่ต้องดูที่การกระทำของคนที่พูดว่ารักด้วย
  22. ที่สุดแล้วความรักไม่ได้ต้องการความหรือหวาน แต่ต้องการแค่เพียงความเรียบง่าย เพื่อให้รักกันได้แบบสบายใจเท่านั้น
  23. คำว่าคนรักกันไม่ใช่คนที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่หมายถึงคนที่จะอยู่เคียงข้างเราในเวลาที่เราต้องการ
  24. ไม่มีใครถูกใจใครได้หมดทุกอย่าง จงรับข้อเสียของกันและกันให้ได้
  25. ชีวิตคู่ไม่ได้แฮปปี้ทุกวัน ขอแค่ไม่ทอดทิ้งกันในวันที่ทุกข์ใจให้อภัย และเข้าใจชีวิตคู่ควรมี

ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้ชีวิตคู่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคุยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ พฤติกรรมทางการกระทำต่างๆ อย่าคาดหวังว่าคนรักของคุณจะเข้าใจคุณทุกเรื่อง คุณควรบอกคนรักของคุณให้ชัดเจนว่าคุณต้องการอะไรต้องการให้เขาหรือเธอทำอะไร และบอกอย่างมีศิลปะ เพราะวิธีการบอกของคุณจะมีผล มาต่อการกระทำของเขาหรือเธอ เมื่อคุณทั้งสองรู้ความต้องการของกันและกันแล้ว ต้องพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของการและการให้ได้อย่างเหมาะสม และควรตระหนักว่าคนรักของคน คือบุคคลที่ควรจะเอาใจใส่และถนอมน้ำใจมากที่สุด การมีวุฒิภาวะที่เพียงพอ ตลอดจนมีการเติบโตทางอารมณ์และความคิด รวมทั้งการมีความใส่ใจและความเข้าใจความรู้สึกของคนรัก จะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความรักของคุณเติบโตและเข้มแข็ง

การเปิดเผยตนเองจะสามารถตอบสนองความต้องการของกันและกันได้มากขึ้น โดยมีวิธีปฏิบัติและแง่คิดที่จะช่วยให้คุณสามารถตอบสนองความต้องการของการได้ดังนี้

  1. บอกความต้องการของกันและกันอย่างตรงไปตรงมา
  2. ถามความต้องการของคนรักให้ชัดเจน
  3. ตอบสนองความต้องการของกันและกัน
  4. แสดงให้คนรักรู้ว่าคุณแคร์และเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำให้มากเพียงใด
  5. เรียนรู้และพยายามกระทำในสิ่งที่คนรักชอบและหลีกเลี่ยงในสิ่งที่คนรักของคุณไม่ชอบ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือทำอย่างไรที่จะตอบสนองความต้องการของกันและกันให้มากที่สุด เพื่อให้คุณทั้งสองจะได้มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนั่นเอง


อ่านต่อบทความอื่นๆ น่าสนใจ

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS โรงเรียนแห่งนวัตกรรม ระบบอเมริกันชั้นนำ

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS หรือ โรงเรียนสาธิตนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โรงเรียนนานาชาติ Science and Tech แห่งแรกของประเทศไทย

พาทัวร์ โรงเรียนนานาชาติ KMIDS
โรงเรียนแห่งนวัตกรรม ระบบอเมริกันชั้นนำ

School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK ขอพาทุกท่านท่องไปในโรงเรียนมัธยมนานาชาติแห่งอนาคต King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang International Demonstration School (KMIDS) หรือ โรงเรียนสาธิตนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง “The Master of Innovation” กันค่ะ

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS หรือ โรงเรียนสาธิตนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMIDS) ก่อตั้งโดย ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Middle School (G6 – G8) และ High School (G9 – G12) เป็นโรงเรียนนานาชาติเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งแรกในไทยเลยก็ว่าได้ และยังเป็นโรงเรียนต้นแบบที่เตรียมความพร้อมให้นักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ในสายวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมการบินนานาชาติทั้งในและต่างประเทศ รองรับเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ พร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นสุดยอดผู้นำและกลายเป็นนักขับเคลื่อนนวัตกรรมในอนาคต

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

อาคารเรียนถูกออกแบบภายใต้แนวคิดที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง รูปทรงทันสมัยเข้าหลักสูตรและเด็กในยุคศตวรรษที่ 21

 

Curriculum Overview ( ภาพรวมหลักสูตร )

โรงเรียนใช้หลักสูตรตามระบบของประเทศสหรัฐอเมริกา ผสมผสานสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทย และหลักสูตรสะตีมศึกษา (STEAM Curriculum) ใช้การศึกษาแบบองค์รวม โดยการรวมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะ และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกันในทุกด้านของหลักสูตร เพราะเด็กรุ่นใหม่กำลังเติบโตในยุคที่ต้องใช้ Sciences and Technology Skills เช่น IT , AI ,CODING นอกจากนี้ยังมีวิชาศิลปะเป็นวิชาหลัก บูรณาการศิลปะในเชิงทักษะยุคใหม่ (Art ประยุกต์) โดยใช้เทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมการคิดและการออกแบบ ผสมผสานเพื่อให้เกิดความสมดุลในการเรียนรู้ระหว่างศาสตร์และศิลป์ไปในตัว

ที่ โรงเรียนนานาชาติ KMIDS เน้นการเรียนรู้แบบ Project-Based Learning และ Inquiry Based- Learning ซึ่งจะกระตุ้นให้เด็กๆถาม เรียนรู้ผ่านกระบวนการทำชิ้นงาน สำคัญมากๆ เพราะคือการ Develop ทั้ง Hard และ Soft Skills ไปในคราวเดียวกัน ในช่วงแรกในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนได้พัฒนาร่วมกับ Carnegie Mellon University (CMU) ชัดเจนในด้านคอมพิวเตอร์และ AI จนปัจจุบันกลายเป็นทักษะที่จำเป็นไปแล้วสำหรับเด็กในยุคศตวรรษที่ 2

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

ห้องเรียน STEM

Project-Based Learning สร้างทั้ง Hard และ Soft Skills

Middle School ( มัธยมต้น ) = ปูพื้นฐานให้แน่น

นักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้ามาเรียนที่ KMIDS จะมีเป้าหมายที่ชัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น อยากเรียนทางแพทย์ อยากเรียนสถาปัตย์ อยากไปต่อทางวิศวะ เด็กๆก็จะได้เรียนเกี่ยวกับ STEM ROBOTIC AI ตั้งแต่ชั้น G.7 (ม.1) ถึงแม้เด็กๆอาจจะไม่ได้ไปต่อทางด้านคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่ “ทักษะ” จะติดตัวตลอดไปและสักวันเด็กๆก็จะได้ใช้ทักษะนั้น

 

High School (ม.ปลาย) = ทะยานไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง

เน้นเตรียมความพร้อมให้นักเรียนตั้งแต่ขึ้น High School (G. 9-10) ผ่านการใช้ Career Test Preparation, ชั่วโมง Counseling, เชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยและผู้เชียวชาญในสายวิชาต่างๆมาช่วยแนะแนวให้เด็กๆ, หรือแม้กระทั่ง Agency มหาวิทยาลัยต่างประเทศ เพราะช่วง ม.ปลายเป็นโอกาสในการที่จะช่วยเด็กๆค้นหาทางเลือกที่ใช่สำหรับพวกเขาจริงๆ

นอกจากนี้ยังมี โครงการ KMITL Pathway – ค้นหาตัวเองด้วยประสบการณ์ตรง ที่จัดปีการศึกษาละ 2 ครั้ง (2 เทอม)

เป็นโครงการที่พี่ ม.ปลาย (G.11-12) จะมีโอกาสได้ไปเรียนร่วมกับพี่ๆ มหาวิทยาลัย ( KMITL) เพื่อให้เด็กๆค้นหาตัวตนให้เจอ ว่า “ชอบ หรือ ไม่ชอบ” ถ้าใช่! โอกาสนี้จะเป็นไฟและแรงบันดาลใจของเด็กๆที่จะขับเคลื่อนตัวเองให้ไปถึงเป้าหมาย แต่ถ้าไม่ใช่! เด็กๆก็ยังมีโอกาสพลิกมาเลือกเรียนในสาขาวิชาชีพอื่นค่ะ เด็กๆจะได้ทำ “โปรเจคจบ” ในปีสุดท้ายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดย สามารถประยุกต์องค์ความรู้ต่างๆ เพื่อไปตามแนวทางที่ตัวเองต้องการ

บรรยากาศภายในห้องเรียนต่างๆ

 

AP Courses (Advanced Placement)

เด็กมัธยมปลายจะมีโอกาสได้เรียนในขั้นสูง (เนื้อหาในระดับมหาวิทยาลัย) สำหรับระดับ G.10 จะได้เรียน AP Courses บางวิชา ส่วนระดับ G11 และ G12 จะเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ได้เปรียบในการสอบสาขาเฉพาะทางหรือวิชาชีพที่ต้องการ เช่น แพทย์ วิศวะ ทันตะ สถาปัตย์ เป็นต้น ใช้เตรียมความพร้อมก่อนการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หรือถ้ามีคะแนนที่สูงเพียงพอก็สามารถใช้หน่วยกิต transfer เข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้เลย (KMITL)

เช่น AP Biology เพื่อเตรียมสอบ BioMedical Admission Test ( BMAT) = การสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสาขาการแพทย์ สัตวแพทย์ และทันตแพทย์

 

Interaction leads to Future Soft Skills

ทักษะทางสังคม (Soft Skills) คือสิ่งจำเป็นในศตวรรษที่ 21

KMIDS ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นของเด็กๆเป็นหลัก

การนำรูปแบบ Project-Based Learning มาใช้ ทำให้บรรยากาศการเรียนสนุกเด็กๆจะเรียนเป็นกลุ่ม ช่วยกัน ทักษะที่ได้จากการทำงานกลุ่มเป็นสิ่งที่เด็กๆ สามารถนำไปใช้งานได้จริง จัดไปเลยค่ะ 7 สิ่ง

– Critical thinking & Problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)

– Creativity & Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)

– Cross-cultural understanding (ทักษะความเข้าใจต่างวัฒนธรรม)

– Collaboration, Teamwork & Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะความเป็นผู้นำ)

– Communications, Information & Media literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ)

– Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)

– Career & Learning skills (ทักษะด้านอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)tivity ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะเอามาใช้ในการทำงานและการคิดแก้ปัญหา

ชิ้นผลงานคือคำตอบแห่งการประยุกต์ทักษะต่างๆ

 

การวัดผลเน้นพัฒนาการระหว่างทางเรียน

การสอบเป็นการเขียนอธิบาย เพื่อจะได้เห็น “มุมมองและวิธีการคิด” ของเด็กๆ เช่น Essay ซึ่งจะมาพร้อมกับ Formative Assessment (การวัดผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เข้าใจมาก-น้อยแค่ไหน) มากกว่าจะมาวัดกันที่ ถูกผิด แบบ Multiple choices (เพราะข้อที่ถูก คุณอาจจะเดาก็ได้)

 

ห้องLab และ ห้องสมุดของโรงเรียน

ห้องเรียนเปียโน

 

RENWEB IS EVERYTHING

ที่โรงเรียนมี ระบบ RENWEB ซึ่งเป็นระบบสื่อสาร Interactive แบบ 360 องศา บนคลาวด์แห่งอนาคต ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ทั้งฝ่ายบริหาร ผู้ปกครอง นักเรียน และห้องเรียน รองรับการจัดการเรียนรู้ทุกประเภท รวมไปถึงงานหลังบ้านเช่น ระบบ Admissions, Enrollment, Scheduling, Student Billing, Lunchroom Management, ParentsWeb และ Mobile apps สำหรับคุณครู ผู้ปกครอง และนักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการเต็มรูปแบบได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น

ระบบจะเตือนให้คุณครูประเมินผลการเรียน

ผู้ปกครองสามารถเข้ามาดูผลการเรียน+ผลงาน และสามารถประเมินเด็กได้เช่นเดียวกับคุณครู

ทุกคนสามารถเข้าถึง รายงานสุขภาพ, การเข้าชั้นเรียน, ตารางเรียน, Grade Book, Report Cards, Transcripts “ได้อย่างโปร่งใส”

เด็กๆ ทำการบ้าน หรือ ส่งผลงานต่างๆผ่าน RENWEB เด็กๆ สามารถ Feedback ได้ (เดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กๆ ตามให้คุณครูมาคอมเมนต์นะคะ)

 

 

BALANCE : วิชาเลือกแนวศาสตร์แห่งศิลป์

ด้วยความที่วิชาหลักเป็น Science and Technology เพื่อไม่ให้เด็กๆตึงจนเกินไป วิชาเลือกแนว Life Skills และ Soft Skills จึงเป็นตัวบาลานซ์ให้ชีวิตมีความลงตัวค่ะ ตัวอย่างเช่น ภาษาที่ 3 อย่างภาษาจีน วิชาดนตรี เช่น เปียโน ไวโอลิน เครื่องสาย Ukulele , Soft Skills = Public Speaking , Social Science Study , Advanced AI (สำหรับกลุ่มที่อยากเจาะลึก)

นอกจากนี้ ยังมี Club ต่างๆ ตามใจเด็กๆ เช่น ชมรมกีฬา ชมรมวิชาการ ชมรมกึ่งวิชาการ ชมรมตามความชื่นชอบ e.g. ปีนเขา งานฝีมือ เด็กๆ สามารถเสนอเข้ามาได้ (เขียน Proposal เข้ามา เพื่อจะได้ฝึกการเรียนรู้การจัดการเพื่อให้โครงการเกิดขึ้นจริง) เมื่อ Life Skill จะเกิด Collaborative Skill ก็มา ได้เรียนรู้ Leadership Skill ไปด้วยในตัวอีกด้วย

Students’ Leisure Time

 

หมั่นคอยดูแล และรักษาดวงใจ ( Student Academic Service )

ทางโรงเรียนมีทีม Counseling Service และ ทีม Student Activity ซึ่งอยู่ในหน่วยงาน Student Academic Service จะคอยดูแลและ monitor เด็กๆทุกระดับ เพราะการมีระบบ RENWEB จะทำให้คุณครูสังเกตได้ง่ายขึ้นว่า เด็กๆคนไหนมีพฤติกรรมหรือพัฒนาการที่เปลี่ยนไป เหตุเพราะ เรื่องเรียน? สุขภาพ? ปัญหาส่วนตัว? ในกรณีที่เด็กมีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ จะมี Counseling Service จะคอยเป็นที่ปรึกษา หรือถ้าเด็กเรียนอ่อน ทีม Student Academic Support ก็จะพยายามช่วยเหลือ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในชั้นเรียน ส่วนเด็กที่เรียนเก่ง ทางหน่วยจะส่งเสริมให้เด็กพัฒนาศักยภาพให้โดดเด่น จัดเป็นหน่วยงานที่ Popular มาก เพราะเป็นพื้นที่สบายใจ เด็กๆจึงไว้วางใจ

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

หลักสูตร Science and Tech ตอบโจทย์เด็กๆ KMIDS ที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน

เด็กๆ KMIDS ส่วนใหญ่ “ชวนกันเรียน”

RENWEB ที่ทำให้ทุกคน เข้าถึง-รวดเร็ว-โปร่งใส-ตรวจสอบได้

ความคิดเห็น ความร่วมมือ และพลัง Community ของผู้ปกครอง เป็นกำลังสำคัญช่วยให้ KMIDS ปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับทั้งความต้องการของเด็กๆ อย่างแท้จริง

KMIDS กำลังจะเปิดชั้นอนุบาล และประถมศึกษา ในอีก 2-3 ปี (เน้นไปในทาง Science and Technology เหมือนเดิมค่ะ)

Career Test Preparation = แบบทดสอบวัดความถนัด วัด Aptitude ที่ถามอย่างละเอียด เด็กๆจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วเราถนัดด้านไหนกันนะ?

 

5 สิ่งที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

เพราะเลือกแล้ว จึงเป็นหลักสูตรที่ใช่ ชอบสายวิทย์ เชิญทางนี้ค่ะ

เพื่อนๆ พูดภาษาเดียวกัน เพราะมีความชอบใกล้เคียงกัน

Facilities ทันสมัย อุปกรณ์ตอบโจทย์ “The Master of Innovation” จินตนาการไม่เคยมีคำว่า “มากเกินไปที่ KMIDS

Student Council สภานักเรียนที่มีส่วนสำคัญในการ “ร่วมตัดสินใจ” กับทางโรงเรียน

Student Academic Service/Support ที่ monitor ทั้ง Head and Heart ของเด็กๆ

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

ผศ.ดร.อำภาพรรณ ตันตินาครกูล ผู้อำนวยการโรงเรียน

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

 

อักตราค่าเล่าเรียนต่อปีการศึกษา ( ปีพ.ศ.2567 )

G.6-8 : ปีการศึกษาละ 546,000 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

G.9-12 : ปีการศึกษาละ 567,000 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

 

ที่อยู่

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ที่อยู่: 1 ถนน ฉลองกรุง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

Admission and Marketing

โทร .062-595-4222

[email protected]

Public Relations

โทร .065-982-0427

[email protected]

www.kmids.ac.th

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : นันทิยา บุษบงค์


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

สังเกตให้ดี อาการแบบนี้ลูกเป็น โรคลมชัก หรือไม่? รู้ไว รักษาเร็ว ลดความเสี่ยง

องค์กรอนามัยโลก (WHO) ร่วมมือกับองค์กรด้าน โรคลมชักสากล ได้กำหนดให้ จันทร์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี เป็นวันโรคลมชักสากล โดยปี 2567 นี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. ค่ะ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงการมีอยู่ของผู้ป่วยโรคลมชัก วิธีการรับมือเมื่อต้องเจอผู้ป่วย รวมถึงการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยอย่างเข้าใจ การเป็น โรคลมชัก ในเด็ก มีความอันตรายอย่างไร เมื่อเป็นแล้วจะเกิดความเสี่ยงในด้านใด #กองบรรณาธิการABK ได้ขอข้อมูลจากคุณหมอกระต่าย ผศ. (พิเศษ) นพ. กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มาให้คำตอบในเรื่องนี้ค่ะ

โรคลมชัก ในเด็ก
WHO กำหนดให้วันจันทร์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี เป็นวันโรคลมชักสากล โดยมีสีม่วงเป็นสัญลักษณ์เพื่อความตระหนักถึงการมีอยู่ของผู้ป่วยโรคลมชัก

สังเกต โรคลมชัก หรือ แค่อาการชัก ในเด็ก เป็นอาการที่พบบ่อย โดยจะแบ่งเป็น

  • อาการชักจากการเป็นไข้ โดยจะเป็นเพียงช่วง 6 เดือน – 5 ปี เมื่อโตขึ้นจะสามารถหายได้เอง
  • อาการชัก 1 ครั้ง และไม่มีไข้ อาจเป็นภาวะหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มสังเกตลูก
  • อาการชักมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป อาจเป็นโรคลมชัก ควรรีบพาไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจและรักษาต่อไปค่ะ

โรคลมชักเป็นโรคทางประสาทที่พบได้บ่อยในเด็กไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเด็กๆ เป็นอย่างมาก ทั้งด้านพัฒนาการ การเรียน การใช้ชีวิตประจำวัน และอาจนำไปสู่อุบัติเหตุบาดเจ็บรุนแรง เพราะเป็นโรคที่สามารถแสดงอาการได้ทุกเมื่อค่ะ

สาเหตุของ โรคลมชัก

สาเหตุของ โรคลมชัก ในเด็ก จะต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคนเช่น ความผิดปกติของสมองแต่กำเนิด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ การบาดเจ็บบริเวณศีรษะ เนื้องอกในสมอง พันธุกรรม และโรคอื่น ๆ

ในผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ยาก การรักษาโรคลมชักจึงมุ่งเน้นไปที่การรักษาอาการชัก

อาการของ โรคลมชัก

อาการของโรคลมชักมีหลายลักษณะ ไม่จำเป็นต้องแสดงอาการเกร็งทั้งตัว บาครั้งเป็นอาการกระตุกที่แขน ขา บางรายเป็นอาการเหม่อลอย สูญเสียสติ การรับรู้ และการตอบสนองไปชั่วขณะ เป็นต้น ซึ่งอาการอาจต่างกันไปตามช่วงอายุ โดยจะเกิดขึ้นทันทีทันใด ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

โรคลมชักในเด็กจะสามารถพบได้ตั้งแต่แรกเกิด วัยทารก เด็กเล็กไปจนถึงวัยรุ่นหรือหลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของโรค โดยเด็กที่เป็นโรคลมชักบางคนอาจไม่ได้แสดงอาการที่แน่ชัด แต่จะพบความผิดปกติบางอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น ผวา สะดุ้ง ผงกหัว เป็นต้น มองภายนอกอาจสังเกตเห็นอาการได้ไม่ชัดเจน หากคุณพ่อคุณแม่พบอาการในข้างต้น หรืออาการที่สื่อถึงความผิดปกติด้านร่างกายและสมอง ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการหาสาเหตุ และรักษาต่อไปค่ะ

โรคลมชัก ในเด็ก ส่งผลต่อพัฒนาการ และสภาพจิตใจ
โรคลมชัก ส่งผลต่อพัฒนาการ และสภาพจิตใจของเด็ก

โรคลมชัก ในเด็ก ส่งผลต่อทั้งร่ายกายและจิตใจ

อาการลมชักในเด็ก ยิ่งเจอตั้งแต่ยังเล็ก ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะมีอาการรุนแรงขึ้น หากได้รับการวินิจฉัยล่าช้า หรือได้รับการรักษา และคำแนะนำที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบดังนี้

  • อุบัติเหตุจากการชัก ที่เกิดจากสูญเสียการควบคุมร่างกาย และอาการเหม่อที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น หกล้ม จมน้ำ รถชน หรืออุบัติเหตุอื่นๆ
  • ปัญหาทางด้านพัฒนาการ และการเรียนรู้ เนื่องจากลมชัก เป็นสาเหตุหนึงที่ทำให้การทำงานของสมอง ทำให้การรับรู้ และการวิเคราะห์ช้าลง ทำให้ลูกพัมนาการช้าลงไปด้วย
  • ปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ เมื่อเด็กๆ เริ่มเข้าสังคม อาจรู้สึกแปลกแยกจากเพื่อนวัยเดียวกัน จนเกิดความเครียม วิตกกังวล และซึมเศร้า

ซึ่งในความเป็นจริงเด็กที่เป็นโรคลมชัก สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเด็กทั่วไป เพียงแต่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยเกิดความบาดเจ็บ หรืออันตรายอันเนื่องมาจากการชักได้

โรคลมชัก รักษาได้

โรคลมชัก ในเด็ก ส่วนใหญ่ มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ยิ่งได้เข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์เร็วเท่าใด ก็ยิ่งป้องกันผลกระทบที่่กล่าวมาข้างต้นได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยวิธีการรักษามีดังนี้ค่ะ

  • การรักษาโดยให้ยากันชัก (Antiseizure medication) – เป็นวิธีการรักษาหลักของโรคลมชักในเด็ก ซึ่งผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่มีโอกาสหายขาดจากโรคนี้จากการกินยา แต่ละคนอาจตอบสนองยาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของอาการและสาเหตุ ต้องใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด ต้องติดตามอาการ ผลข้างเคียง และผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะอย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยถึง 1 ใน 3 ที่มีอาการดื้อยากันชัก ทำให้คุมอาการได้ยาก แพทย์จึงต้องพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่น ได้แก่
  • การผ่าตัดสมอง – สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยากันชัก แพทย์จะประเมินว่าสามารถผ่าตัดได้หรือไม่ โดยพิจารณาจากความปลอดภัย เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อนและความเสี่ยงสูง ต้องใช้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประสิทธิภาพการรักษาและการลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด
  • การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นประสาท VNS – เป็นการรักษาทางเลือกสำหรับโรคลมชักในเด็กที่ดื้อต่อยากันชักและแพทย์ประเมินแล้วว่าเด็กไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดสมองได้ เครื่องมือนี้จะกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาทที่อยู่บริเวณคอเพื่อยับยั้งคลื่นสมองโดยอัตโนมัติ และเมื่อใช้ร่วมกับยากันชัก เครื่องมือนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งอาการชัก ลดขนาดและจำนวนยากันชัก ลดอัตราการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันจากโรคลมชัก และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
  • การกินอาหารแบบคีโตน – ในผู้ป่วยเด็กที่ดื้อต่อยากันชักบางราย แพทย์อาจพิจารณาให้กินอาหารแบบคีโตน (Ketogenic Diet) ซึ่งเป็นการกินอาหารที่เน้นอาหารไขมันสูงและอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตต่ำ เนื่องจากพบว่าสารอาหารเหล่านี้ส่งผลต่อสารคีโตน (Ketones) ที่ช่วยปรับการทำงานของสมองและลดอาการชักได้ แต่การกินอาหารแบบคีโตนอาจไม่ได้เหมาะกับผู้ป่วยทุกคน เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กินข้าวเป็นอาหารหลัก ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินและทำตามที่แพทย์แนะนำอย่างเหมาะสม รวมกับใช้ยาตามแพทย์สั่งควบคู่ไปด้วย

อาการของ โรคลมชัก ในเด็ก
อาการของ โรคลมชักในเด็ก อาจเป็นภาวะเหม่อ ผงกหัว หรือกระตุกโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตลูกว่ามีอาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือไม่

โรคลมชักในเด็กอาจพบในช่วงอายุใดก็ได้ ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตสัญญาณของโรค โดยเฉพาะ อาการเหม่ออย่างฉับพลัน ยืนนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อการเรียกชื่อ แขนหรือขาชักเกร็งกระตุก ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาแต่เนิ่น ๆ เพราะการวินิจฉัยและเข้ารับรักษาเร็วอาจเพิ่มโอกาสในการรักษา ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ปกติ และลดความเสี่ยงของผลกระทบจากโรคค่ะ

ในประเทศไทยมีหน่วยงานและองค์กรที่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับโรคลมชักในเด็กโดยเฉพาะ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจว่าลูกของเราเป็นโรคลมชักหรือไม่ สามารถเข้าปรึกษากับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคในเด็ก อย่างที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีหรือโรงพยาบาลเด็ก เพื่อที่จะช่วยแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาและดูแลลูกที่มีอาการโรคลมชักได้อย่างถูกต้องค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก

มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

ผศ. (พิเศษ) นพ. กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล
หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

 

ร่วมบริจาคค่าผ่าตัดให้ผู้ป่วยลมชักดื้อยา
มีโอกาสหายขาดจากโรคลมชัก และมีโอกาสใช้ชีวิตปกติ

ชื่อบัญชี สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก 

ธนาคารไทยพาณิชย์ 051-301807-1 

ธนาคารกรุงไทย 661-055841-8

ส่งหลักฐานโอนเงินเพื่อรวมยอดและออกใบเสร็จรับเงิน

ที่ https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=354rudqs

หมายเหตุ : ใบเสร็จสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 090-663-1479

Tags