ฝากเงินให้ลูก

ฝากเงินให้ลูก เทียบเงินฝากปลอดภาษี ธนาคารไหนดอกเบี้ยสูง?

Alternative Textaccount_circle
event
ฝากเงินให้ลูก
ฝากเงินให้ลูก

เป็นธรรมดาที่พ่อแม่ทุกคนจะห่วงอนาคตของลูกการ ฝากเงินให้ลูก เพื่อสำรองไว้ใช้เมื่อลูกโตขึ้น ก็เป็นสิ่งที่สามารถรับประกันได้ว่าลูกจะมีเงินก้อนไว้ใช้ในยามจำเป็น มาดูกันว่าธนาคารไหนให้ผลตอบแทนสูงที่สุด

ฝากเงินให้ลูก เทียบเงินฝากปลอดภาษี ธนาคารไหนดอกเบี้ยสูง?

การ ฝากเงินให้ลูก เป็นสิ่งที่ดี แต่คุณพ่อคุณแม่จะต้องมั่นใจว่า การเก็บเงินให้ลูกแต่ละบาทนั้น เงินเก็บจะอยู่อย่างปลอดภัย และยังสามารถได้รับผลตอบแทนสูง การฝากเงินในรูปแบบของการฝากประจำหรือฝากออมทรัพย์ อาจได้รับผลตอบแทนที่ต่ำแต่มีความปลอดภัยสูง ในขณะที่การฝากเงินในรูปแบบอื่น ๆ ที่ได้รับผลตอบแทนสูงแต่กลับเสี่ยงที่จะสูญเงินได้เช่นกัน แล้วจะมีไหม? ที่การเก็บเงินสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจพร้อมทั้งปลอดภัยไปในพร้อม ๆ กัน ขอบอกว่ามีและปลอดภัยแน่นอนค่ะ กับเงินฝากในรูปแบบของ เงินฝากปลอดภาษี นั่นเอง

เงินฝากปลอดภาษีคืออะไร?

เงินฝากปลอดภาษีคือการออมเงินอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 2 ปี ไปจนถึง 5 ปี ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน ดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่ในระดับสูงกว่า 2% ต่อปี และไม่ต้องเสียภาษี 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ ยิ่งระยะเวลาเงินฝากยิ่งนาน ผู้ฝากก็ยิ่งได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น  เช่น เงินฝากปลอดภาษีระยะเวลา 2 ปี ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.25% ต่อปี แต่ถ้าระยะเวลายาวนานขึ้น อัตราดอกเบี้ยมักจะปรับสูงขึ้นอีกประมาณ 0.25% ปัจจุบันเกือบทุกธนาคารมีการออกเงินฝากปลอดภาษีมาให้เลือกฝาก แต่ต้องฝากอย่างไร ฝากธนาคารไหนถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด มาดูกันค่ะ

เงินฝากปลอดภาษี
เงินฝากปลอดภาษี คือการฝากเงินในเงื่อนไขที่กำหนดแล้วจะได้รับดอกเบี้ยโดยไม่ต้องจ่ายภาษีดอกเบี้ยรับ

เงื่อนไขของเงินฝากปลอดภาษี

  1. ต้องฝากเป็นประจำทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน โดยแต่ละธนาคาจะกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำในแต่ละเดือนไม่เท่ากัน แต่จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องฝากจะอยู่ที่ 300-1,000 บาท เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถกำหนดได้ว่าต้องการจะฝากเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ไว้ล่วงหน้าได้เลย วิธีการแบบนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ฝึกวินัยเรื่องการออมเงินได้อีกด้วย
  2.  ต้องฝากในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารกำหนด โดยส่วนมากจะอยู่ที่ 24 เดือนขึ้นไป และยิ่งอายุสัญญาในการฝากเงินยิ่งนานเท่าไร ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตามระยะเวลา
  3. ต้องฝากให้ครบจำนวน และฝากให้ตรงเวลา ถ้าอยากจะมั่นใจว่า ดอกเบี้ยของเราจะปลอดภาษีแน่ ๆ ก็ต้องมั่นใจว่า เราจะสามารถฝากได้ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ได้ทุกเดือนไปจนครบกำหนดอายุเงินฝาก เพราะถ้าเกิดทำผิดเงื่อนไข เช่น ฝากไม่ครบจำนวน หรือ ฝากไม่ครบเวลา (ส่วนใหญ่จะกำหนดให้ขาดการฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้ง) เราก็อาจจะไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่หวังไว้ เพราะอาจจะได้เท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ หรือ กลับไปเสียภาษีดอกเบี้ยเหมือนกับเงินฝากประจำแบบปกตินั่นเอง
  4. จะได้รับยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร หากทำตามเงื่อนไขที่กำหนด
  5. หากถอนหรือปิดบัญชีก่อน 3 เดือน จะไม่ได้รับดอกเบี้ย
  6. สามารถเปิดได้เพียงคนละ 1 บัญชีเท่านั้น (รวมบัญชีประเภทเดียวกันนี้ทุกธนาคาร)

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อ ตารางเปรียบเทียบดอกเบี้ยและเงื่อนไข ฝากเงินให้ลูก ธนาคารไหนดี?

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up