ปิดเทอมทำอะไรดี

ปิดเทอมทำอะไรดี ฉลาดเล่นกับกิจกรรมดี ๆ แถมสนุก

Alternative Textaccount_circle
event
ปิดเทอมทำอะไรดี
ปิดเทอมทำอะไรดี

ช่วงวัยแต่ละช่วง เหมาะกับกิจกรรมใด

  • ช่วงชั้นอนุบาลจนถึงประถมต้น ยังมีพัฒนาการที่ไม่มาก ยังคงสนุกกับการเล่น และความสามารถในการตั้งใจจดจ่อ ความมีสมาธิต่อกิจกรรมใดหนึ่งนาน ๆ นั้นยังไม่พัฒนามาก ดังนั้นกิจกรรมที่เหมาะจึงคือ กิจกรรมที่เน้นการพัฒนาทางกายภาพ การเล่น กีฬา โดยสอดแทรกการพัฒนาสมองและอารมณ์ผ่านความชอบและกิจกรรมเหล่านั้น กิจกรรมทางเลือกสำหรับช่วงวัยนี้อันกำลังเป็นที่นิยม คือ กีฬาต่าง ๆ เพราะเน้นการการทำงานเป็นทีม เกมที่มีการวางแผนที่ไม่ซับซ้อนมากและเน้นความสนุกสนาน เช่น ฟุตบอล ฮอกกี้ การแล่นเรือใบ
  • ช่วงวัยประถมปลายถึงมัธยม การพัฒนาการของสมองของเด็กจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ มีการพัฒนาความสามารถให้การคิด วิเคราะห์ วางแผน สมาธิ และสภาวะทางอารมณ์ ทำให้สามารถรองรับความเข้มข้นของระดับความยากของกิจกรรมได้ และเข้าใจภาวะการแข่งขันและความพ่ายแพ้ได้ กิจกรรมที่เหมาะกับช่วงวัยนี้จึงหลากหลายมากขึ้น สมควรเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ สร้างภูมิคุ้นกันความเข้าใจโลก เข้าใจธรรมชาติของกิจกรรม การพบปะเพื่อนและเข้าร่วมในสังคม ตลอดจนรับให้ได้กับความพ่ายแพ้จากการแข่งขัน กิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงวัยนี้ จึงควรเพิ่มความซับซ้อนเพื่อพัฒนาสมอง เช่น การเรียนภาษา ดนตรี หรือกิจกรรมที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เช่น การโค้ดดิ้ง (Coding) การประกอบและพัฒนาหุ่นยนต์ หรือการประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่จะเป็นพื้นฐานปูทางสู่การประยุกต์สิ่งที่เด็กเรียนรู้ในเชิงวิชาการในห้องเรียนสู่ชิ้นงานหุ่นยนต์

    10 กิจกรรมช่วง ปิดเทอม
    10 กิจกรรมช่วง ปิดเทอม

10 กิจกรรมช่วงปิดเทอม ดีต่อใจ ร่างกาย และสมอง แถมสนุก!!

1. อ่านหนังสือ ดูหนัง ดูซีรีย์ : ฝึกภาษา

ในยุคสมัยนี้ การเรียนภาษาที่สอง ที่สาม ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และควรเป็นทักษะที่เด็กยุคใหม่นี้มีติดตัวไว้ นอกจากภาษาไทย นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการที่เด็กรู้มากกว่าหนึ่งภาษา จะช่วยเป็นใบเบิกทางให้ได้รับโอกาส และความรู้ที่กว้าง และไกลมากยิ่งขึ้น ในยุคสมัยที่โลกเปิดกว้าง และเชื่อมโยงถึงกัน การฝึกภาษาไม่จำเป็นต้องเป็นการนั่งเรียน เขียนอ่านเท่านั้น การที่เราให้ลูกได้ฝึกภาษาจากการซึมซับจากหนัง หรือซีรีย์ภาษาต่างประเทศที่เขาชอบจะช่วยให้ลูกมีความสุขกับการเรียนภาษาไปด้วย ทำให้การเรียนรู้เป็นไปได้เร็วมากขึ้น ลองเปิดหนัง หรือซีรีย์ที่ลูกชอบเป็นพากย์เสียงภาษาอังกฤษ ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ สิ่งที่ได้นั่นก็คือ เราก็จะเข้าใจสำเนียงวิธีการพูดภาษาอังกฤษของแต่ละประเทศ อีกทั้งได้เข้าใจศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะเลย

2. เรียนดนตรี : พัฒนาสมอง บำบัดจิตใจ

ดนตรีเป็นเครื่องบำบัดจิตใจ ฝึกสมาธิได้เป็นอย่างดี ดังนั้น หากรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต และมีเวลาว่างมากพอ ลองใหัลูกสนใจเครื่องดนตรีสักชิ้น เช่น เปียโน ไวโอลีน  ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยในเรื่องของสมาธิ ดนตรียังช่วยพัฒนาสมองของลูกได้ และช่วยให้จิตใจมีชีวิตชีวาขึ้น เรียกว่า ดนตรีบำบัด ไงล่ะ

3. เรียนศิลปะ : ศิลปะเพาะบ่มความมุ่งมั่น อดทน

บางครั้งศิลปะก็ไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์ทั้งหมด แต่เกิดจากการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ใครที่อยากให้ลูกรักงานศิลปะ ลองลงคอร์สเรียนศิลปะ ไม่แน่ลูกของคุณอาจจะกลายเป็นจิตรกรระดับโลกก็เป็นได้ แต่หากไม่ถึงขั้นนั้น ก็รับรองได้ว่า การที่เด็กได้เรียนศิลปะเป็นการฝึกให้ลูกรู้จักการรอคอย การวางแผนการทำงาน เพราะการจะวาดรูปลงบนกระดาษเปล่า สีขาวทั้งใบ จะจัดเรียงองค์ประกอบของภาพอย่างไร สิ่งนี้เท่ากับเป็นการฝึกฝนให้เด็กรู้จักการวางแผนได้อย่างเป็นระบบ และจะเป็นสกิลที่ดีที่ติดตัวลูกไปได้ตลอด

4. เรียนทำอาหาร

ลองให้ลูกเข้าคอร์สเรียนทำอาหารแบบจริงจังดูสิ เพราะไม่เพียงแต่ทำให้คนที่บ้านได้รับประทานอาหารอร่อย ๆ เท่านั้น ยังสามารถนำสูตรต่าง ๆ ที่ได้เรียนมา ไปเปิดเป็นธุรกิจร้านอาหารในอนาคตได้อีกด้วย การทำอาหารถือเป็นทักษะที่มีประโยชน์ และจำเป็นในชีวิต ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาการพึ่งพาตัวเองในอนาคตเท่านั้นแต่การทำอาหารยังช่วยพัฒนาทักษะด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการนับ การหาร ชั่ง ตวง วัด เวลา และเรียนรู้การถนอมอาหารอีกด้วย

5. ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ

การเที่ยวมีหลายรูปแบบ แต่การท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติจะช่วยปลูกฝังให้เด็กๆ รักธรรมชาติ และรู้จักวงจรชีวิตของสิ่งต่างๆ รอบตัว ปลูกจิตสำนึกต่อส่วนรวมให้กับลูกได้อีกด้วย

กิจกรรมปิดภาคเรียน
กิจกรรมปิดเทอมควรมีความท้าทาย และใช้ความสามารถที่มีอยู่ให้เต็มที่

6. จิตอาสา

การหากิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ งานจิตอาสาให้กับเด็ก ๆ กิจกรรมเหล่านี้นอกจากจะเป็นการปลูกฝังความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ยังส่งผลดีต่อตัวลูกอีกด้วย การที่เด็กมีหน้าที่รับผิดชอบในการไปทำงานจิตอาสา และเด็กได้เห็นผลลัพธ์จากการกระทำของเขาเลย เช่น การอ่านหนังสือเสียงให้คนตาบอด การช่วยทาสีกำแพงโรงเรียนห่างไกล เป็นต้น นั่นเป็นการเสริมสร้าง ความรู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเองของลูก การเห็นคุณค่าในตนเองนั้น ความจริงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพของเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อมั่น เห็นคุณค่าในตนเอง เด็กจะกล้าเรียนรู้ และพัฒนาตนเอง

7. เล่นเกมฝึกสมอง

ของเล่นเป็นสิ่งที่คู่กับวัยเด็กอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าไหม หากของเล่นที่คุณพ่อคุณแม่จะซื้อให้ลูกนั้น ลองเลือกเป็นของเล่นที่ช่วยฝึกสมอง ฝึกพัฒนาการของลูก เช่น เกมการ์ด บล็อกไม้สำหรับเด็ก เป็นต้น และไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการซื้อของเล่นมาให้ลูก เพราะความเป็นจริงแล้วของเล่นชิ้นไหน ๆ ก็ไม่ดีเท่ากับการที่พ่อแม่เข้าใจ และลงมาร่วมเล่นกับลูกแน่นอน

8.ออกกำลังกาย เล่นกีฬาพิเศษ 

กีฬาพิเศษในที่นี้ เช่น เทนนิส ฮอกกี้ ขี้ม้า แล่นเรือใบ เป็นต้น เป็นกีฬาที่นอกเหนือจากกีฬาที่เป็นที่นิยมต่าง ๆ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นอกจากจะช่วยให้พัฒนาการทางร่างกายดีแล้ว ยังพัฒนาทักษะด้าน EQ ให้เรียนรู้ในการทำงานเป็นทีม มีสปิริตนักกีฬารู้จักแพ้รู้จักชนะ มีวินัย และเคารพต่อระเบียบ ซึ่งจะช่วยให้เด็กเติบโตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข

9. ค่ายวิทยาศาสตร์ STEM หรือคอร์สเกี่ยวกับหุ่นยนต์ 

เป็นทางเลือกที่ผสมผสานระหว่างวิชาการและความสนุกสนาน ทุกกระบวนการเรียนรู้แฝงความสนุกสนานภายใต้การทดลองที่ง่าย ไม่ต้องท่องจำเพราะเห็นผลจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในไทย และก็มีเหรียญรางวัลมากมายรออยู่ทั้งในไทยและต่างประเทศ

10. ทำงานพิเศษ

แทนที่จะใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมเที่ยวเล่นไปวัน ๆ คุณลองฝึกให้เขามีวินัยในการทำงาน อาจใช้การทำงานบ้าน โดยมีค่าตอบแทนเป็นเงินหรือของเล่นที่เขาอยากได้ ในกรณีที่ลูกยังเล็ก และถ้าโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ การทำงานพิเศษ เพื่อให้ได้รับเงินค่าจ้างก็เป็นอีกกิจกรรมที่นอกจากจะได้ฝึกให้ลูกรู้จักการทำงานจริง ๆ ที่ไม่ใช่การทำงานกับพ่อแม่ ที่ไม่ต้องใช้ความรับผิดชอบ แต่การทำงานพิเศษนั้น เด็กจะได้ฝึกความรับผิดชอบต่องาน ได้รับเงินเดือน แถมยังน่าสนุกอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.thaiticketmajor.com , www1.si.mahidol.ac.th,www.bangkokbiznews.com

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

12 กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม สนุกสร้างสรรค์ทั้งครอบครัว

เสื้อผ้าของเล่นลูกไม่ใช้อย่าทิ้งมา ทำบุญ ส่งต่อความสุขกัน

วิธีทำความสะอาด ของเล่นเด็ก ให้ปลอดภัยห่างไกลโรค

เทคนิค “เลี้ยงลูกสาว” ให้อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up