เมื่อลูกเริ่มโต คุณ (อาจ) จะรักลูกไม่เท่ากัน

Kid safety พ่อแม่หรือคุณครูสอนเพศศึกษาแก่เด็กอย่างไรจึงเหมาะสม?

Alternative Textaccount_circle
event
เมื่อลูกเริ่มโต คุณ (อาจ) จะรักลูกไม่เท่ากัน
เมื่อลูกเริ่มโต คุณ (อาจ) จะรักลูกไม่เท่ากัน

เด็กเล็กสามารถเรียนรู้จากรูปภาพลายเส้นได้ว่า เด็กตัวเล็กๆนั้นมีอวัยวะภายนอกต่างๆอะไรบ้าง เช่นหัว แขน มือ นิ้ว ขา เท้า นม ก้น อวัยวะเพศ (ที่ใช้เรียกกันง่ายๆ ว่าจิ๋ม หรือ จุ๊ดจู๋) แล้วอธิบายต่อให้รู้ว่ามีหน้าที่อย่างไร เช่น จิ๋มมีไว้ฉี่ และ เวลาแม่ตั้งท้อง มีเด็กในท้อง เด็กโตเต็มที่แล้วจะออกมาทางจิ๋ม ถ้าออกยากหมอก็ช่วยผ่าตัดให้ออกมาทางหน้าท้อง คุณแม่อาจจะใช้รูปหญิงตั้งท้อง มีเด็กอยู่ข้างในมาช่วยอธิบายก็จะเพิ่มความสนุกเข้าไปอีก แต่ละขั้นตอนมีรูปภาพลายเส้นช่วย เล่าเรื่องประกอบน้ำเสียงให้สนุกสนานด้วยนะครับ ไม่ต้องวันเดียวจบก็ได้ ขึ้นกับสมาธิของเด็ก แต่โดยทั่วไปถ้าเล่าสนุกเด็กก็จะชอบติดตามเพราะเนื้อเรื่องเป็นเรื่องร่างกายของเขาเองที่เขาอยากรู้ครับ

ถึงตอนนี้ก็เริ่มอธิบายความแตกต่างของหญิงกับชาย ให้ดูภาพลายเส้นของเพศตรงข้าม โดยดูเปรียบเทียบกัน เริ่มตั้งแต่ผมสั้น ผมยาว จนถึงผู้ชายมีจู๋ ใช้ฉี่ได้ เหมือนของผู้หญิงที่มีจิ๋ม ลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย คุณพ่อ คุณแม่ใครเป็นหญิงใครเป็นชาย

ต่อจากนั้นก็อธิบายต่อเรื่องอวัยวะส่วนตัว เช่น ก้น นม จิ๋ม หรือจู๋ก็ตามแต่ เป็นอวัยวะส่วนตัว ก่อนสามขวบ คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดให้เด็กแต่งตัวอย่างเหมาะสมกับเพศ และสภาพแวดล้อม ไม่ให้เด็กชายแต่งแบบหญิง หรือไม่ให้หญิงไปแต่งแบบชาย รวมทั้งไม่สนับสนุนการแต่งแบบโป๊ๆ แล้วชมเชยกันใหญ่ว่าสวย หรือเซ็กซี่ ซึ่งเป็นการปลูกฝังนิสัยแต่เด็ก เวลาดูแลอาบน้ำให้ก็อย่าลืมสอนให้เด็กหัดทำความสะอาดอวัยวะในร่มผ้าไปด้วย ผู้ดูแลเด็กต้องไม่แกล้งเด็กโดยการจับอวัยวะเพศ ถอดกางเกงให้เห็นก้นด้วยความสนุกสนาน

เด็กสามขวบขึ้นไปต้องถูกสอนให้ทำความสะอาดเองได้ รู้จักปกปิดอวัยวะส่วนตัว ไม่เล่นเปิดโชว์กัน เวลาอาบน้ำออกมารู้จักห่มผ้า ไม่วิ่งโทงโทง หากใครมาจับต้อง สัมผัสอวัยวะส่วนตัวต้องปัดมือออก อย่าให้จับ และต้องบอกพ่อแม่เสมอ ไม่สอนให้เด็กไปไล่กอดไล่ปล้ำ ไล่หอมแก้ม เปิดกระโปรง เปิดกางเกง เพื่อนทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม เด็กต้องเรียนรู้ความรักนวลสงวนอวัยวะส่วนตัวแล้วต้องเรียนรู้การเคารพเพศตรงข้าม ไม่เห็นการรังแกทางเพศเป็นเรื่องสนุกสนานด้วย

วัยนี้ผู้ปกครองต้องไม่ปล่อยให้คนที่เด็กไม่คุ้นเคยมาสัมผัสเด็กอย่างใกล้ชิด เช่น หอมแก้ม เปลี่ยนเสื้อผ้า พาไปอาบน้ำ เป็นต้น ผู้ปกครองป้องกันไม่ให้เด็กร่วมรับรู้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ใหญ่หรือพฤติกรรมที่น่ากลัวสำหรับเด็ก เช่นการทะเลาะเบาะแว้ง การใช้ความรุนแรง พฤติกรรมทางเพศ เป็นต้น และผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่เหมาะสมทางเพศ เช่น แต่งตัวเรียบร้อย ไม่แสดงความประพฤติทางเพศที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าเด็ก

เมื่อเข้าสู่ระดับประถมห้า ประถมหกก็คงต้องเริ่มสอนการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์จากฮอร์โมนเพศ การสืบพันธ์ุ ผลเสียจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย ความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างเพศหญิงเพศชาย การแสดงออกที่เหมาะสมกับเพื่อนเพศตรงข้าม ภัยที่มีอยู่จริงในสังคม และทักษะการหลีกเลี่ยงภัยเหล่านี้

ข่าวพบศพทารกในครรภ์ 2,002 ศพ ที่วัดไผ่เงิน ยังคงอยุ่ในความสุดสังเวชใจ คงสะท้อนถึงความบกพร่องหลายๆ อย่างในสังคมบ้านเรา และที่จะปฏิเสธมิได้ก็คือ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องให้ความสำคัญเรื่องการให้ความรู้เพศศึกษา รู้เท่าทันเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสม คือมิได้ ยั่วยุหรือยุยงให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนแต่สร้างค่านิยมให้เด็ก (รวมถึงผู้ใหญ่) ให้มีความอดกลั้น ตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมา มีความรับผิดชอบ และรู้จักป้องกันตัวเองหากมีเพศสัมพันธ์

 

เรื่อง : รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์

ภาพ : shutterstock

จากคอลัมน์ : Kid Safety ฉบับเดือนมิถุนายน 2554

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up