แค่ปรับไลฟ์สไตล์ ก็ “ท้อง” ได้

Alternative Textaccount_circle
event

4. งดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์

หากครอบครัวไหนกำลังใช้เทคโนโลยีผสมเทียมเข้ามาช่วย จะเห็นผลเสียของคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ชัดเจน โดยงานวิจัยของ Fertility and Sterility พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 1 เดือนขึ้นไป ก่อนการทำเด็กหลอดแก้ว จะส่งผลต่อการเก็บไข่ อัตราการตั้งครรภ์ และอัตราการแท้ง อีกทั้งพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ชายก็มีผลทำให้เพิ่มอัตราการแท้งในขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วของภรรยาด้วย ดังนั้น ผู้หญิงที่วางแผนจะมีลูกควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทั้งหมด และจำกัดการดื่มคาเฟอีนต่อวัน ดังนี้ กาแฟ 1 แก้วเล็ก ชา 2 แก้วเล็ก และน้ำอัดลม 2 แก้วเล็ก ส่วนคุณผู้ชายก็จำกัดแอลกอฮอล์เช่นกัน โดยไวน์ครึ่งแก้วหรือเบียร์ครึ่งแก้วต่อวัน

5. กินผักที่มีโปรตีน

จากผลงานวิจัยที่ศึกษากลุ่มพยาบาลผู้วางแผนจะตั้งครรภ์จำนวน 19,000 คน พบว่า นอกจากปัจจัยของการสูบบุหรี่ การบริโภคไขมัน และน้ำหนักแล้ว ผู้หญิงที่กินโปรตีนมากมักพบปัญหาเรื่องการตกไข่ถึง 41% แต่เมื่อเจาะลึกลงไป โดยแยกโปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากพืช พบว่า ผู้หญิงที่กินโปรตีนจากสัตว์มีบุตรยากกว่าผู้หญิงที่กินโปรตีนจากพืชถึง 39% ดังนั้นคนที่ตั้งใจจะมีลูกจึงควรจำกัดการกินเนื้อสัตว์ให้น้อยกว่า 1-2 หน่วยบริโภคต่อวัน และกินพืชผักที่ให้โปรตีนแทน

6. ท่าถูก ได้ชัยไปกว่าครึ่ง

ท่าที่มีโอกาสทำให้ตั้งครรภ์มากที่สุดคือ ท่ามิชชันนารี (ผู้ชายอยู่ด้านบน) โดยธรรมชาติช่องคลอดจะเอียงลาดไปทางด้านหลัง การนอนหงายของผู้หญิงจึงช่วยได้ดี แต่จะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากผู้หญิงยกเข่าขึ้น วางเท้าบนกำแพง และสอดหมอนเล็กๆไว้ใต้สะโพก ท่านี้จะช่วยให้สเปิร์มอยู่บริเวณในสุดของช่องคลอด เพราะยิ่งทำให้สเปิร์มใกล้ปากมดลูกมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีโอกาสปฏิสนธิมากเท่านั้น และควรนอนหลับทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ไม่ควรมีกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้สเปิร์มอยู่นานที่สุด

For Men Only

7. รักษาอุณหภูมิ

การผลิตสเปิร์มของคุณผู้ชายจะผลิตได้ดีก็ต่อเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ ดังนั้นจึงควรงดการใส่ชั้นในแบบรัดๆ ขี่จักรยานเป็นเวลานานๆ แช่น้ำร้อน หรืออาบน้ำอุ่น หรือแม้กระทั่งวางแล็ปท็อปไว้บนตัก เพราะเหล่านี้ทำให้อุณหภูมิบริเวณถุงอัณฑะสูงขึ้นได้

 

บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง

ภาพ: shutterstock

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up