โรคหัดในเด็ก

โรคหัดในเด็ก ภัยสุขภาพที่ต้องระวังในเด็กเล็ก

Alternative Textaccount_circle
event
โรคหัดในเด็ก
โรคหัดในเด็ก

โรคหัดในเด็ก กับอาการแทรกซ้อนที่ต้องระวัง!

อย่างที่เกริ่นให้คุณพ่อคุณแม่ทราบกันไปในเบื้องต้นแล้วว่าโรคหัดนั้นสามารถติดต่อกันได้เพียงแค่อยู่คลุกคลี หรือสัมผัสกับผู้ป่วยโรคนี้ และเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่ยังมีภูมิคุ้มกันโรคที่ไม่แข็งแรง เมื่อเป็นหัดแล้วอาจเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นได้ ซึ่งที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ก็คือ

1. ทางระบบทางเดินหายใจ คือ หูส่วนกลางอักเสบ (otitis media), หลอดลมอักเสบ croup และปอดอักเสบ

2. ทางระบบทางเดินอาหาร พบอุจจาระร่วง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการ

3. สมองอักเสบพบได้ประมาณ 1 ใน 1000 ราย ซึ่งจะทำให้มีความพิการเหลืออยู่ ถ้าไม่เสียชีวิต

4. ในเด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเอ อาการจะรุนแรงและอาจทำให้มีตาบอด[1]

และสำหรับโรคหัดในเด็ก ส่วนใหญ่แล้วจะให้การรักษาอาการของโรค ดังนี้…  

  1. ให้การรักษาตามอาการ ถ้าไข้สูงมากให้ยาลดไข้เป็นครั้งคราว ร่วมกับการเช็ดตัว ให้ยาแก้ไอที่เป็นยาขับเสมหะได้เป็นครั้งคราว
  2. ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ นอกจากรายที่มีโรคแทรกซ้อนเช่น ปอดอักเสบหูอักเสบ
  3. ให้อาหารอ่อน ให้วิตามินเสริมโดยเฉพาะวิตามินเอ องค์การอนามัยโลกและ unicef แนะนำให้วิตามินเอแก่เด็กที่เป็นหัดทุกรายในพื้นที่ที่มีอุบัติการณ์ของการขาดวิตามินเอสูง และอัตราป่วยตายของโรคหัดเกิน 1% เนื่องจากผลของการศึกษาในประเทศด้อยพัฒนาหลายแห่งแสดงให้เห็นว่าให้วิตามินเอเสริมแก่เด็กที่เป็นหัดจะช่วยลดอัตราตายจากหัดลงได้[2]
บทความแนะนำ ไข้ดำแดง คืออะไร น่ากลัวแค่ไหน พ่อแม่ต้องรู้
โรคหัดในเด็ก
Credit Photo : กรมควบคุมโรค

คุณพ่อคุณแม่เตือนไว้เสมอว่า หากลูกเล็กๆ หรือคนอื่นๆ ในครอบครัวป่วยเป็นหัด สิ่งที่ต้องทำคือการแยกคนป่วยออกจากคนอื่นในบ้านอย่างน้อย   ประมาณ 4 วัน โดยมากแล้วมักจะพักรักษาอาการจนหายเป็นปกติที่โรงพยาบาล เพื่อจะได้รับการดูแลรักษาอาการให้ทุเลา  จนหายป่วยดีแล้ว จึงค่อยกลับมาพักฟื้นร่างกายต่อที่บ้านค่ะ

อ่านต่อ การป้องกันโรคหัดที่ดีที่สุดต้องให้ลูกได้รับฉีดวัคซีน คลิกหน้า 3

   

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up