เทคนิคดี๊ ดี เสริมภูมิคุ้มกันปกป้องร่างกายลูกให้แข็งแรง

event

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก ตั้งแต่ 3 ขวบปีแรก ถือเป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดต่อการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกัน โดยในน้ำนมแม่มีองค์ประกอบที่ช่วย เสริมภูมิคุ้มกัน ให้กับลูกน้อย โดยเฉพาะน้ำนมในระยะแรก ที่เรียกว่า “หัวน้ำนม” หรือ น้ำนมเหลือง (โคลอสตรัม) เป็นน้ำนมที่มีประโยชน์ที่สุด มีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่างๆ ทั้งโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร อย่างท้องร่วง และโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด ขณะเดียวกันนมแม่ก็จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองขึ้นด้วย

เสริมภูมิคุ้มกัน

ดังนั้น “นมแม่” ในช่วงขวบปีแรกจึงมีประโยชน์กับลูกน้อยมากๆ ที่จะเป็นแหล่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูก ก่อนที่ลูกจะเติบโตขึ้น และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เอง ซึ่งนอกจากนมแม่แล้ว คุณแม่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต้านทานและปกป้องร่างกายลูกให้แข็งแรง ได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

เสริมภูมิคุ้มกัน ปกป้องร่างกายลูกให้แข็งแรง

1. วัคซีนเสริมภูมิคุ้มกัน

การให้วัคซีน เป็นการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันที่ช่วยดูแลลูกให้ปลอดภัยจากโรคต่างๆ การให้วัคซีนกับลูกจำเป็นต้องให้ตามเวลา และลูกควรได้รับวัคซีนจำเป็นอย่างครบถ้วน ซึ่งคุณแม่อย่าลืมพาลูกๆ ไปรับวัคซีนตามกำหนดด้วย

2. อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน

เมื่อลูกน้อย 6 เดือนขึ้นไป คุณแม่สามารถให้อาหารเสริมกับลูกควบคู่ไปด้วยได้แล้ว ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งอาหารก็สามารถเป็นแหล่งที่เสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี และวิตามินอี อาหารที่แร่ธาตุสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืช ปลาที่มีไขมันสูง เป็นต้น

3. ความสะอาดในบ้าน

บ้านที่สะอาดและอากาศที่บริสุทธิ์จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ได้ รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนแออัดเพราะลูกน้อยวัยทารก มีภูมิคุ้มกันที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ติดเชื้อโรคต่างๆ และเจ็บป่วยไม่สบายได้ง่าย ซึ่งการพาลูกน้อยไปในสถานที่แออัดหรือชุมชน จะทำให้ลูกเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคร้ายต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ติดต่อได้ง่ายผ่านการไอ จาม เสมหะและอื่นๆ ซึ่งหากเลี่ยงได้ควรเลี่ยง

4. เลือกนมที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

อย่างนมแพะที่มีระบบการให้น้ำนมแบบเดียวกับนมแม่ ที่เรียกว่า ระบบอะโพรไคน์ ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณสูง เรียกว่า Bioactive component ประกอบด้วย ทอรีน ช่วยให้การทำงานของจอประสาทตาดีขึ้น นิวคลีโอไทด์จากธรรมชาติ 5 ชนิด ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน มีโพลีเอมีนส์ (Polyamines) ช่วยลดปฏิกิริยาของการแพ้อาหาร มีโกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) ชนิดไอจีเอฟวัน (IGF-1) และทีจีเอฟ เบต้า (TGF- β) ช่วยให้เกิดการพัฒนาของระบบลำไส้ และการย่อยสมบูรณ์ พร้อมทั้งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ครบถ้วน

นอกจากนี้ ในนมแพะยังมีพรีไบโอติก ชนิด Oligosaccharide เช่น Inulin และ Oligofructose โดยจะกระตุ้นการทำงาน และส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพ อย่างเช่น แล็กโทบาซิลลัส (LACTOBACILLUS) และไบฟิโด แบคทีเรีย (BIFIDOBACTERIA) จึงช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ ที่สำคัญช่วยเสริมสร้างการพัฒนาของระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเด็กได้เป็นอย่างดี

เสริมภูมิคุ้มกัน

5. การพักผ่อนที่เพียงพอและออกกำลังเป็นประจำ

การที่ลูกน้อยนอนหลับและพักผ่อนอย่างเพียงพอเต็มที่แล้ว จะช่วยให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก เด็กๆ จึงควรได้รับการพักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชม.ต่อวัน รวมไปถึงคุณแม่ควรให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และนำออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยหากิจกรรมที่ช่วยให้ลูกได้ใช้ออกแรงเล่น หรือได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแสงแดดอ่อนๆ ก็ช่วยได้

อย่างไรก็ตาม การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกน้อยล้วนมาจากความรักที่พ่อแม่มีให้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลทั้งด้านจิตใจและร่างกาย ซึ่งการมอบความรักและความอบอุ่นของพ่อแม่ให้กับลูกน้อย ถือเป็นภูมิคุ้มกันสุขภาพอย่างดีเลยทีเดียว เพราะมีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า การที่เด็กๆ หัวเราะ มองโลกในแง่ดี และการพูดคุยเรื่องขำขันสามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้

ในส่วนของร่างกายจำเป็นอย่างยิ่งที่ลูกน้อยต้องได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนเพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกน้อย และแม้จะมีผลิตภัณฑ์นมให้เลือกซื้อจำนวนมากในท้องตลาด แต่นมแม่ ก็ยังถือว่าเป็นนมที่ดีที่สุดของลูกน้อยดังที่กล่าวมาข้างต้น  แต่ในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องให้นมอื่นทดแทน ก็ควรเลือกอย่างละเอียดและต้องใส่ใจกับสารอาหารที่ลูกจะได้รับ ว่าเป็นสารอาหารจากธรรมชาติ หรือสารสังเคราะห์ เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาสมองและร่างกายของลูกน้อยให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up