ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์

ผนึกกำลัง 3 ภาคีป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเด็ก จัดเสวนา “ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์”
รณรงค์ให้คนไทยตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการป้องกันไข้หวัดใหญ่
แนะนำ “วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก” ทางเลือกใหม่สำหรับเด็กกลัวเข็ม

โรคไข้หวัดใหญ่ หลาย ๆ คนอาจคิดว่าคือโรคทั่วไปเหมือนไข้หวัดปกติที่เป็นแล้วเดี๋ยวก็หาย แต่จริงๆ แล้ว “ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ และสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ บางรายอาจมีอาการปอดอักเสบ ไข้สมองอักเสบ ที่สำคัญคืออาจแพร่เชื้อมาติดคนในครอบครัว

สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่แห่งประเทศไทย จัดเสวนา “ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์” เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตื่นตัวและหันมาป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่กันมากขึ้น รวมทั้งแนะนำ “วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก” ทางเลือกใหม่ในการป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้กลัวเข็ม

ไข้หวัดใหญ่ไม่เคยหายไป แต่เราเรียนรู้การป้องกันได้

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่แห่งประเทศไทย กล่าวถึงความรุนแรงของ ‘ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์’ ว่า

“ไข้หวัดใหญ่มีมาตั้งแต่ 6,000 ปีก่อนคริสตกาล และอยู่มาตลอดไม่สูญหายไปไหนเลย โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเพื่อหนีภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ จากเดิมไข้หวัดใหญ่เป็นโรคตามฤดูกาล เช่น ฤดูฝน ฤดูหนาว แต่ปัจจุบันมีการติดได้บ่อยขึ้นในช่วง “ฤดูเทศกาล” ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก จากการวิจัยทางการแพทย์ในหลายประเทศพบว่า ผู้ใหญ่ 10% มีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ ในขณะที่เด็กมีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ถึง 30% ต่อปี โดยสัดส่วนมากกว่า 3 เท่า และเด็กยังเป็นกลุ่มที่แพร่เชื้อในครอบครัว

การป้องกันจึงเป็นทางที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็น 1) การใส่หน้ากากอนามัย 2) ล้างมือบ่อยๆ และ 3) การรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เพิ่มจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เราคุ้นเคย”

พญ.สุเนตร ชื่นกิจมงคล รองผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงการป้องกันไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยว่า

“ปัจจุบันการรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยจะเป็นวัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สามารถรับได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไปจนอายุ 100 กว่าปี และตอนนี้ประเทศไทยมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบใหม่ “แบบพ่นจมูก” เข้ามาให้บริการในโรงพยาบาล

โดยสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 2-49 ปี เหมาะสำหรับเด็กที่กลัวเข็ม เนื่องจากไม่มีเข็มจึงไม่เจ็บและทรมานจากแผลฉีดยา ส่วนการใช้งานก็เหมือนการพ่นยาที่จมูกที่เด็กๆ คุ้นชิน เป็นการพ่นปีละครั้ง ไม่ต้องเจ็บตัวและปลอดภัย โดยได้รับการยอมรับและใช้มาอย่างแพร่หลายกว่า 200 ล้านโดสทั่วโลก และใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และยุโรป มาแล้วกว่า 20 ปี”

ศ. (เกียรติคุณ) พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการทำงานของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นว่า

“วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก เพิ่งนำเข้ามาเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในปี 2568 เป็นเชื้อไวรัสแบบมีชีวิตแบบอ่อนฤทธิ์ มีความสามารถในการเพิ่มจำนวนได้ในโพรงจมูกที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าร่างกาย เมื่อเข้าสู่ร่างกายที่มีอุณหภูมิ 37 องศา เชื้อจะหยุดการแบ่งตัวทันทีไม่สามารถเจริญเติบโตในร่างกายได้ จึงสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ 2 ทางคือ 1) บริเวณเยื่อบุโพรงจมูก และ 2) ในกระแสเลือด

ในขณะที่วัคซีนแบบฉีดจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันในกระแสเลือดเท่านั้น ส่วนเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพนั้น วัคซีนแบบพ่นจมูกเป็นที่นิยมมากในประเทศอังกฤษ มีการกำหนดให้ใช้ในผู้ที่มีอายุ 2 – 18 ปี เป็นวัคซีนตัวแรกถ้าไม่มีค่อยใช้แบบฉีด ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกาใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นมาหลายสิบปีแล้ว โดยในปีนี้ที่สหรัฐอเมริกาสามารถไปซื้อวัคซีนชนิดพ่นจมูกนี้ที่ร้านยา และพ่นที่บ้านเองได้อีกด้วย สำหรับประเทศไทยวัคซีนแบบพ่นจมูกเพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนและพร้อมใช้เป็นปีแรก”

ด้าน เนย โชติกา วงศ์วิลาศ คุณแม่สุดแซ่บ ที่ทุ่มเทเวลาดูแลลูกทั้ง 2 คนอย่างเต็มที่ เล่าถึงประสบการณ์ไข้หวัดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กๆ และตัวเองว่า

“เนยเพิ่งหายจากฤทธิ์ไข้หวัดใหญ่ ติดมาจาก “น้องอคิณ” ที่ติดมาจากเพื่อนที่โรงเรียนเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา จะบอกว่าติดเชื้อครั้งนี้เนยเป็นหนักมากจนต้องหยุดงานเลย

ในขณะที่อคิณมีอาการเล็กน้อย เพราะได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีนี้มาแล้ว ตอนที่ครอบครัวไปฉีดกัน เนยไม่ได้ไปด้วย เลยเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน เลยเกม

จะบอกว่าการได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เป็นสิ่งที่ควรทำทุกปี แต่เชื่อว่าหลาย ๆ ครอบครัวต้องเจอกับการที่เด็ก ๆ มักจะดราม่าตลอด พอได้ยินว่าว่านัดฉีดวัคซีน ก็จะถามว่าไปวันไหน เจ็บมั้ย เหมือนมดกี่ตัว มดแดงมดดำ มีความกังวล พอไปถึงโรงพยาบาลก็งอแง ร้องไห้ ก็ต้องกอดเอาไว้ กว่าจะฉีดยาได้ ต้องเปิด YouTube หรือเอาวิตามินมาล่อ แล้วระหว่างทางก่อนจะฉีด ก็จะมีเด็กคนอื่นที่ฉีดแล้วออกมาร้องไห้

เนยเชื่อว่า “วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก” เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ขนาดพ่อแม่ในห้องเดียวกันรู้ว่าจะมางานนี้ ก็สนใจกันเกือบทุกคน และพอฟังที่เนยเล่า หลายคนต้องสนใจแน่ๆ อะไรจะดีเท่ากับการที่ลูกไม่ต้องเจ็บตัว แถมสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีก”