พฤติกรรมก้าวร้าวแบบไหน คือรุนแรง และพ่อแม่ควรกังวล
“พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก แค่ไหนคือปัญหา หรือเป็นแค่ช่วงวัย? ”
คุณแม่เคยรู้สึกเป็นกังวลใช่ไหมคะ เวลาที่เห็นเจ้าตัวน้อยที่น่ารักของเรากลายร่างเป็นเจ้าหนูขี้โมโหเวลาที่ไม่พอใจอะไรสักอย่าง และเรามักมีคำถามในใจว่า ลูกเราเป็นอะไร เราดูแลเขาได้ไม่ดีหรือเปล่า หรือ แบบนี้ผิดปกติไหมนะ แต่ความจริงแล้ว พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ค่ะ เพราะเด็กๆนั้นยังไม่รู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง ทำให้เขาเผลอแสดงพฤติกรรมไม่น่ารักออกมา สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องรับมือกับอารมณ์ของตนเองก่อน ไม่รีบดุ ว่ากล่าว หรือตอบโต้ด้วยอารมณ์ที่รุนแรงกลับ
เพราะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยอนุบาลหรือประถม พฤติกรรมของเขาจะเริ่มซับซ้อนขึ้น ทั้งทางด้านอารมณ์ สังคม และการแสดงออก การที่ลูกแสดงความก้าวร้าวบ้าง เช่น งอแง โวยวาย หรือผลักเพื่อน เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในช่วงวัยนี้ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมก้าวร้าวบางอย่างอาจไม่ใช่แค่ “พฤติกรรมธรรมดาตามวัย” แต่อาจเข้าข่าย พฤติกรรมก้าวร้าวที่รุนแรง ซึ่งควรสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูก ความสัมพันธ์ในครอบครัว และการปรับตัวของเขาในโรงเรียนได้ค่ะ
พฤติกรรมก้าวร้าวแบบไหนบ้างที่เรียกว่า รุนแรง และพ่อแม่ควรกังวล ?
- เกิดขึ้นบ่อย ถ้าคุณแม่สังเกตว่าลูก ๆ มีพฤติกรรมก้าวร้าวแบบซ้ำ ๆ เช่น ตีเพื่อน พูดด้วยอารมณ์รุนแรงและมีคำหยาบ ตะโกนใส่คนรอบข้าง หรือขว้างปาข้าวของ แม้เราจะคอยเตือนหรือสอนหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม ซึ่งพฤติกรรมที่เกิดซ้ำ ๆ เช่นนี้ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ลูกอาจมีปัญหาในการจัดการอารมณ์หรือไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกและบอกความต้องการได้อย่างเหมาะสม ซึ่งหากเราละเลยและปล่อยไว้อาจจะส่งผลต่อความมั่นคงทางอารมณ์ในระยะยาวได้ค่ะ
- มีความรุนแรง ถึงแม้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่หากพฤติกรรมที่ลูกแสดงออกมานั้นรุนแรงและก้าวร้าวเกินวัย หรือเป็นอันตรายต่อผู้อื่นหรือตนเอง ก็ถือว่าเข้าข่ายที่น่าเป็นห่วงและต้องแก้ไข เช่น ลูกใช้ของตีหัวเพื่อนในห้องเรียน หรือใช้คำพูดที่รุนแรงเพียงเพราะไม่พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม้จะเกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง ก็อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของคนรอบข้างได้
- ส่งผลกระทลต่อความสัมพันธ์และการดำเนินชีวิตประจำวัน ถ้าพฤติกรรมของลูกเริ่มส่งผลอย่างชัดเจน เช่น เพื่อนไม่อยากเล่นด้วย หรือที่บ้านพ่อกับแม่ทะเลาะกันเพราะพฤติกรรมของลูก หรือทำให้ชีวิตประจำวันของเขาและคนรอบข้างไม่เป็นปกติ นั่นเป็นสัญญาณว่าลูกต้องได้รับดูแลอย่างจริงจัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าครอบครัวและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กเล็ก พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดี ด้วยการควบคุมอารมณ์และหลีกเลี่ยงการดุหรือลงโทษด้วยความรุนแรง ควรสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ควบคู่กับการสอนทักษะควบคุมอารมณ์และส่งเสริมพฤติกรรมดีด้วยคำชื่นชนหรือบอกถึงพฤติกรรมที่เขาควรทำ เพื่อให้เด็กเรียนรู้วิธีแสดงออกอย่างเหมาะสม ดังนั้น เรามาดูวิธีที่พ่อแม่สามารถช่วยปรับพฤติกรรมก้าวร้าวของลูกกันค่ะ
- ยอมรับอารมณ์ของเด็ก แต่ไม่ยอมรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
เช่น “หนูโกรธได้นะ แม่เข้าใจ แต่เราไม่ตีใครนะ” เพื่อให้เด็กรู้ว่ารู้สึกโกรธได้แต่ต้องแสดงออกอย่างถูกวิธี - เข้าควบคุมสถานการณ์ทันทีหากเกิดอันตราย
ถ้าเด็กใช้ความรุนแรง เช่น ตีหรือทำร้ายตัวเอง ให้พาออกจากสถานการณ์นั้นอย่างปลอดภัยทันที - รับฟังเด็กอย่างตั้งใจ ไม่รีบตัดสินหรือดุ
ให้เวลาลูกพูดความรู้สึก เพื่อเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังพฤติกรรมนั้น และช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ตัวเอง - ชี้แจงเหตุผลและผลลัพธ์อย่างเข้าใจง่าย
อธิบายด้วยคำพูดที่เด็กเข้าใจ เช่น “ถ้าเราโกรธแล้วตีน้อง น้องจะเจ็บและเสียใจนะ” เพื่อให้เด็กเรียนรู้ผลของการกระทำ - หลีกเลี่ยงการใช้คำดูถูก หรือคำตำหนิแบบติดป้าย เช่น เมื่อเห็นลูกไม่พอใจแล้วตีเพื่อน ควรหลีกเลี่ยง “ทำไมนิสัยไม่ดีแบบนี้ ตีเพื่อนได้ยังไง” เปลี่ยนเป็น “ แม่เข้าใจว่าลูกโกรธ แต่เพื่อนเจ็บนะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเล่าให้แม่ฟังได้ไหม”
- ให้เด็กรับผิดชอบผลของการกระทำ หมายถึง ไม่ปกป้อง ไม่ลงโทษเกินกว่าเหตุ แต่ให้เขา เผชิญและเรียนรู้จากผลลัพธ์ ของพฤติกรรมที่เขาเลือกทำด้วยตัวเอง สิ่งที่ไม่ควรทำคือ ขอโทษแทนลูก หรือ ดุลงโทษลูกแรงๆต่อหน้าคนอื่น เราควรให้ลูกเรียนรู้และรับผิดชอบการกระทำนั้น เช่น “ลูกอาจจะโกรธ แต่การตีทำให้คนอื่นเจ็บ ลูกคิดว่าควรแก้ยังไงดี ”
พฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กเล็กเป็นเรื่องที่พบได้ค่ะ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยหรือรุนแรงเกินไป พ่อแม่ควรรีบจัดการอย่างเหมาะสม และพ่อแม่คือแบบอย่างที่สำคัญที่สุด อย่าลืมควบคุมอารมณ์ตัวเองก่อน สร้างบรรยากาศอบอุ่น และสอนลูกให้รู้จักควบคุมอารมณ์อย่างถูกวิธีเมื่อเด็กก้าวร้าว ต้องยอมรับอารมณ์ที่ไม่น่ารักของเขา พร้อมรับฟังและเข้าใจลูกด้วยวิธีเหล่านี้ เพื่อให้เด็กน้อยคนเก่งของเราเติบโตอย่างมีสุขภาพใจที่ดีและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.manarom.com
นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย
กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์
เรื่อง: แม่กุ๊ก