โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด

พาทัวร์ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด พ่อแม่ยุคใหม่ห้ามพลาด! เน้นเสริม EFs สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้ลูกน้อย

event
โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด
โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด

เพราะการเรียนรู้ผ่านการเล่น ช่วยให้เด็กเข้าใจและจดจำได้ง่ายกว่าการเรียนรู้ผ่านการท่องจำ..จึงกลายมาเป็น โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด

โรงเรียนอนุบาลที่มีชื่อเหมือนนกน้อยตัวเล็กที่แสนปราดเปรียว และสามารถบินถอยหลังได้ แค่ที่มาของชื่อก็ฟังดูว้าวแล้ว!! แต่ยังมีความว้าวอีกหลายอย่างใน โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด ที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องห้ามพลาด! บ้านไหนที่กำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลให้ลูกน้อยอยู่ แวะมาอ่านความว้าวของที่นี่กันก่อนค่ะ เพราะที่นี่เป็นมากกว่าโรงเรียนอนุบาล แน่นอน!!

Hummingbird International Kindergarten เป็นโรงเรียนอนุบาลนานาชาติที่ใช้หลักสูตร Early Years Foundation Stage (EYFS) จากประเทศอังกฤษ ควบคู่กับองค์ความรู้ Executive Functions (EF) เพื่อการพัฒนาทักษะสมอง และยังมีการนำเอาแนวคิด ‘101s เทคนิคสร้างวินัยเชิงบวก’ ที่เน้นการจัดการกับพฤติกรรม (ที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจและคิดว่า) ไม่น่ารักของเด็กๆ ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ เข้ามาร่วมใช้สอนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กๆ ด้วย โรงเรียนถูกก่อตั้งขึ้นโดย เพื่อน 3 คน ที่มองเห็นไปทางเดียวกันว่า การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

จุดเริ่มต้นของ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด

ที่มาที่ไปของการก่อสร้างโรงเรียนที่มาจากชื่อของนกฮัมมิ่งเบิร์ด เป็นนกที่เล็กที่สุดในโลก มันสามารถบินถอยหลังได้และเป็นนกที่มีความกล้าหาญมาก สามารถเข้าปะทะกับสัตว์ใหญ่กว่ามันได้หลายเท่า เพราะความสามารถเกินตัวของเจ้านกฮัมมิ่งเบิร์ด จึงทำให้ผู้ก่อตั้งโรงเรียนมองเห็นว่า เด็กๆ ที่มาเรียนก็สามารถเก่ง มีทักษะการใช้ชีวิตในโลกที่แสนกว้างใหญ่อย่างมีความสุขได้

ซึ่งเรื่องราวก็เริ่มมาจาก คุณพ่อลูกสาม คุณชิน-ทศพล ชัยชนะวิชชกิจ ที่มองหาโรงเรียนให้ลูกที่ไม่ใช่แค่การเรียนรู้ที่เน้นวิชาการ ร่วมกับคุณเคส-เกศินี วัฒนะวีระชัย สถาปนิกและภูมิสถาปนิกผู้มีประสบการณ์การทำงานในเมลเบิร์น ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทางด้านการออกแบบ Educational Institution โดยเฉพาะ Early Learning Centre และ Primary School เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการเด็ก และคุณโบ-อารยา ทองใบ ผู้ร่วมก่อตั้งและบริหารโรงเรียนนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด ทายาทธุรกิจโรงแรมผู้รักการบริการและเชื่อเรื่องการพัฒนาคน เพราะคุณโบเชื่อว่ามนุษย์พัฒนาได้เสมอ และคุณชินยังกล่าวอีกว่าช่วงเวลาที่สำคัญในการเรียนรู้ในการสร้างศักยภาพหลายๆอย่าง ก็คือวัยอนุบาล ซึ่งเปรียบเสมือนเราสร้างบ้านเราก็ต้องมีเสาเข็มที่แข็งแรง กว่าจะสวยต้องใช้เวลา และที่สำคัญเสาเข็มก็ต้องแข็งแรงก่อนด้วย บ้านถึงจะมั่นคง สวยงาม จึงเกิดมาเป็น โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด

3 แกนหลักของโรงเรียนที่เน้นการพัฒนาเด็กมากกว่าแค่เรื่องเรียน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด ใช้หลักสูตร Early Years Foundation Stage (EYFS) จากประเทศอังกฤษ ควบคู่กับองค์ความรู้ Executive Functions (EF) เนื่องจากคุณชินได้เลือกโรงเรียนอินเตอร์ให้ลูกคนโต เพราะเห็นถึงความสำคัญของหลักสูตรและทักษะการใช้ภาษาที่ลูกน่าจะมีโอกาสได้ใช้ตอนโต แต่ก็พบว่าลูกยังขาดทักษะบางอย่างที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในอนาคต โดยคุณชินเชื่อว่าประสบการณ์คือสิ่งที่ยิ่งมีเยอะ เราจะยิ่งตัดสินใจทำอะไรได้ง่ายขึ้น จนได้มาเจอกับทักษะ EF และวินัยเชิงบวก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Hummingbird ที่ได้เปลี่ยนความคิดพวกเขาเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กๆ ไปเลยทีเดียว

ทักษะ EF และวินัยเชิงบวก (Positive Discipline) คือสิ่งที่ผู้ก่อตั้งทั้งสามคนเห็นตรงกัน และเลือกมาใช้ประกอบกับหลักสูตรการเรียนการสอนแบบอังกฤษ (EYFS) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

โดยสิ่งที่ทางโรงเรียนให้ความสำคัญในการพัฒนาเด็กๆ คือเรื่องของ EF หรือ Executive Functions ซึ่งเป็นการฝึกทักษะสมองส่วนหน้า สมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนสัญชาตญาณที่เราใช้หายใจ กะพริบตา รวมถึงกระบวนอัตโนมัติต่างๆ ของร่างกาย และจะโตเต็มที่ตั้งแต่แรกเกิด ส่วนที่สองคืออารมณ์ และสุดท้าย สมองส่วนหน้า หรือที่เรียกกันว่า EF คือความอดทน รอคอย คิด วิเคราะห์

โดยเรื่องนี้คุณโบ ได้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า ช่วงเวลาทองของสมองเด็กที่พร้อมจะเรียนรู้ และพัฒนาได้เต็มที่ คือ วัย อนุบาล  จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โรงเรียน นำเรื่องการพัฒนาสมองส่วน EF เข้ามาผสมผสานกับหลักสูตร EYFS และใช้วินัยเชิงบวก (Positive Discipline) ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยจัดการพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของเด็กอย่างสร้างสรรค์ เช่น ถ้าลูกวิ่งการตะโกนบอกว่า ‘หยุด อย่าวิ่ง’ นั่นคือวินัยเชิงลบ เพราะเป็นการออกคำสั่งให้ทำโดยไม่อธิบายเหตุผลและไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้ฝึกคิด ในทางตรงกันข้ามการใช้วินัยเชิงบวกคือการบอกในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกทำ เช่น เปลี่ยนจากการบอกว่า อย่าวิ่ง หยุดวิ่ง เป็น..บอกลูกไปเลยว่า เดินนะคะ หรือ สอนให้ลูกคิดตามได้ว่าถ้าหนูวิ่งแล้วจะเกิดอันตราย ล้มแล้วจะเจ็บตัว การใช้คำพูดที่เปิดโอกาสให้เด็กคิด รู้จักรับผิดชอบตัวเองจะค่อยๆ สร้างเด็กให้เจริญเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิด ความรับผิดชอบ โดยเริ่มจากดูแลตัวเองไปถึงการดูแลและใส่ใจคนรอบข้าง

การคัดเลือกคุณครูของ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด ที่เป็นมากกว่าคุณครู

ห้องเรียนของฮัมมิ่งเบิร์ด จะจัดครูเป็นทีม ในทีมประกอบด้วย Lead Teacher เป็นครูเจ้าของภาษา (Native Speaker) พร้อมด้วย Co-Teacher และ Teaching Assistant ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารเป็นหลัก โดยใช้อัตราส่วนคุณครู 1 คนต่อนักเรียน 3 คน สำหรับชั้นเตรียมอนุบาล 1-2 และคุณครู 1 คน ต่อนักเรียน 5 คน สำหรับชั้นอนุบาล 1-3 ห้องเรียนหนึ่งจะมีเด็กไม่เกิน 15 คน

ซึ่งครูทุกคนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเด็กเล็ก ต้องผ่านการเข้าอบรมเรื่อง EF และวินัยเชิงบวก อีกทั้งทางโรงเรียน ยังมี ครูใหม่-ดร.ปิยวลี ธนเศรษฐกร ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสมองและศักยภาพเด็กด้วยวินัยเชิงบวก วันโอวัน เอ๊ดดูแคร์ เซ็นเตอร์ เป็นที่ปรึกษาในการออกแบบหลักสูตร พัฒนาบุคลากรและวัดผลเพื่อรักษาคุณภาพอีกด้วย

โดยที่นี่เลือกที่จะไม่มี Nanny หรือ พี่เลี้ยงเด็ก แต่จะใช้คุณครูทั้งหมด และครูทุกคนต้องเข้าใจว่า วินัยเชิงบวกในการพูดกับเด็ก ต้องพูดอย่างไร โดยความว้าวของโรงเรียนนี้คือ การพูดคุยระหว่างครูกับนักเรียน คุณครูจะคุยกับเด็กโดยย่อตัวลงคุยทุกครั้ง เป็นเทคนิคที่เรียกว่า Child’s eye level  ให้เด็กอยู่ในระดับสายตาเดียวกับคุณครูขณะพุดคุย เป็นการให้เกียรติ และเคารพนับถือในฐานะมนุษย์ด้วยกัน แถมมันยังเป็นสิ่งที่สื่อออกไปว่า เราอยู่กับเขา เราปลอดภัยกับเขานะ เด็กๆ ก็จะโฟกัสที่คุณครู ตั้งใจฟัง และสามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้น

อีกทั้งคุณครูทุกคนที่มีองค์ความรู้ด้าน EYFS ของตัวเอง ก็ต้องเปิดใจรับในทักษะที่โรงเรียนอยากเสริมเป็นพิเศษ และถ่ายทอดออกมาเป็นหลักสูตรที่สมบูรณ์ที่สุดได้ ครูผู้นั้นต้องมีความเข้าใจในทัศนคติที่ดีต่อเรื่อง EF และวินัยเชิงบวก และต้องผ่านการสัมภาษณ์หลายรอบจนกว่าจะมั่นใจว่ามีปลายทางเดียวกันคือ เด็กนักเรียน

จุดเด่น การออกแบบที่พิเศษของ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด

ทุกพื้นที่ในโรงเรียนคือการเรียนรู้ ซึ่งเรื่องนี้คุณเคสและคุณโบก็ทำงานร่วมกัน ของทุกชิ้นในโรงเรียนถูกออกแบบมาเพื่อเด็กเล็กโดยเฉพาะ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 1 ขวบ 6 เดือน จนถึง 6 ขวบ เนื่องจากเด็กวัยนี้กำลังมีพัฒนาการในเรื่องของการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ การวิ่ง การเดิน การหยิบจับ หรือเรื่องของกระบะทราย ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ของเด็กๆ

ในส่วนของพื้นทางเดินระหว่างอาคารเรียนก็เป็นพื้นยาง EPDM ที่เหมาะสมกับเด็กๆ ในการพัฒนาร่างกาย เด็กๆ สามารถวิ่ง หรือกระโดดได้เต็มที่ เพราะมีสิ่งแวดล้อมปกป้องร่างกายรองรับเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

นอกจากนี้ที่ทีมแม่ ABK มองเห็นว่า โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด มีความว้าวแปลกตาที่ไม่เหมือนใคร คือมีกำแพงหน้าผาจำลองสำหรับเด็กตั้งแต่หน้าโรงเรียนจากแนวคิดของคุณเคสที่ถามว่า ทำไมฮัมมิ่งเบิร์ด ถึงอยากให้เด็กปีนเข้าโรงเรียน นั่นเพราะมาจากคอนเซ็ปต์ที่ว่า ถ้าเด็กๆ ไม่อยากเดินเข้าโรงเรียนได้ไหม? สามารถกระโดดเข้าไปได้หรือเปล่า? หรือว่าปีนเข้ามาได้ไหม? รวมไปถึงแวะเล่นตรงนู่นตรงนี้ก่อนได้หรือไม่? ในส่วนนี้เองจะทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนาน และอยากมาโรงเรียนมากขึ้น

ถัดมาด้านในของโรงเรียน ก็จะมี Splash Zone ซึ่งเป็นพื้นที่ช่วยฝึกประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเด็กๆ ด้วย เพราะเด็กกับน้ำ เป็นของที่คู่กัน เด็กๆ จะสนุกมากเมื่อได้เล่นน้ำ ซึ่งโซนนี้จะอยู่บริเวณตรงกลางถัดมาจากสนามเด็กเล่นที่มีอุปกรณ์เครื่องเล่นของเด็กๆ ที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยทั้งทางด้านร่างกายและ sensory โดยบริเวณนี้จะมีที่ทำละอองน้ำ ประโยชน์ของละอองน้ำช่วยในหลายๆ เรื่อง เช่น เวลาที่เด็กวิ่งผ่านเขารู้สึกสนุก เย็นกาย สบายใจ และได้ฝึกประสาทสัมผัส นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันแมลงอีกด้วย เพราะแมลงไม่ชอบน้ำและความชื้น ทำให้ลดโอกาสที่เด็กๆ จะโดนแมลงต่อย และเกิดอาการแพ้ได้

แถมละอองน้ำยังช่วยดักจับฝุ่น ทำให้ค่า PM2.5 ลดลง วันไหนที่บริเวณโรงเรียนมีค่าอากาศมีปริมาณฝุ่นเยอะ ก็เปิดละอองน้ำ Splash Zone ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศ สร้างลม ส่วนในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว จึงเหมาะแก่การเรียนรู้ของเด็กๆ ในสถานที่ที่ปลอดภัย

นอกจากนี้ ต้นไม้ที่ปลูกในสวนทั้งหมด จะมีส่วนที่นำมารับประทานได้ เป็นพืชผักสวนครัว ซึ่งที่โรงเรียนเรานำพืชผักสวนครัวเหล่านี้มาใช้ประกอบอาหาร และเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ของเด็กๆ ทำให้ได้ฝึกสังเกต เปรียบเทียบเห็นการเจริญเติบโต ของต้นไม้

และที่สำคัญในส่วนของห้องเรียนก็จะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เช่น มุมโต๊ะต่างๆ จะมีลักษณะมนทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กได้รับบาดเจ็บเมื่อโดน รวมถึงเรื่องพื้นในห้องเรียนก็เป็นพื้นกันแบคทีเรียและเชื้อราด้วยเช่นกัน และยังมีสติ๊กเกอร์ที่ใช้ติดบนพื้นและผนัง ซึ่งช่วยฝึกในหลากหลายทักษะ เช่น การสังเกต และการปฏิบัติตามคำสั่งอีกด้วย … เรียกได้ว่าทุกพื้นที่ทั้งปลอดภัยและยังเป็นจุดที่ให้เด็กๆได้เรียนรู้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

เลือกโรงเรียนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

อ่านมาถึงจุดนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจมองว่า แนวการเรียนการสอนของ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด ก็ไม่ได้แตกต่างจากโรงเรียนทางเลือกหรือโรงเรียนนานาชาติทั่วไป นอกจากการนำ EF และวินัยเชิงบวกเข้ามาสอน แต่จุดต่อไปนี้คือเรื่องที่ว้าวที่สุดและ ทีมแม่ ABK ก็รู้สึกประทับใจที่ไม่เหมือนโรงเรียนอื่นคือ ที่นี่มี Caring Diary หรือ สมุดพกกายใจ ที่เป็นมากกว่าการรายงานสุขภาพของเด็กในแต่ละวัน ทุก ๆ วันที่ฮัมมิ่งเบิร์ด เมื่อมารับเด็ก ครูจะพุดคุย รายงานเรื่องของเด็กๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง ในขณะที่ก่อนเข้าเรียน เมื่อคุณพ่อคุณแม่มาส่ง คุณครูก็พูดคุยสอบถาม 3 คำถามในช่วงเช้า ก่อนเข้าโรงเรียนทุกวัน คือ เด็กนอนกี่โมง เด็กนอนพอไหม และกินข้าวเช้าหรือยัง และหลังเลิกเรียน มีสมุดพกรายงานสุขภาพกายใจ โดยครูจะนำสมุดพกนี้มาพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่มารับ เป็นสมุดบันทึกเรื่องราวประสบการณ์รายวันของเด็กแต่ละคน ให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้ว่าวันนี้ลูกของเราเรียนรู้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆ ไปบ้าง กินอะไร นอนพักพอไหม มีสภาวะทางอารมณ์เป็นอย่างไร

คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องคอยสงสัย สังเกต หรือเข้าไปถามคุณครูเองเลย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างบรรยากาศในโรงเรียนที่เอื้อต่อการหารือระหว่างผู้ปกครองกับครูได้แบบใกล้ชิด

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ มีโอกาสพูดคุยกับคุณครูมากขึ้น จึงมักจะมีคำถามคลาสสิกที่ว่า ‘ทำไมตอนลูกอยู่โรงเรียนทำได้ แต่พออยู่บ้านทำไม่ได้’

เมื่อเจอคำถามนี้ ฮัมมิ่งเบิร์ด จึงสร้างโรงเรียนที่ไม่ได้สร้างพัฒนาการของเด็กแค่ในโรงเรียน แต่ต้องการให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจพัฒนาการตามวัยของเด็กๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม นอกจากหลักสูตรสำหรับเด็กๆ ที่ว้าวไม่เหมือนใคร ของฮัมมิ่งเบิร์ด ทางโรงเรียนก็มีการเสริมเรื่องของ คลับหลังเลิกเรียนเสริมเข้ามา เพื่อให้เด็กๆ ได้มีทักษะอื่นๆ ที่จะนำไปพัฒนาร่างกายและจิตใจ อย่างคลาสเรียนเสริมทักษะต่างๆ เช่น เทควันโด การสร้างงานศิลปะจากนิทาน อีกทั้งยังมี ห้องเรียนพ่อแม่ ที่เปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ได้เข้ามาอบรมเรียนรู้ธรรมชาติพัฒนาการของเด็กก่อน เพื่อที่จะเลี้ยงและดูแลเขาได้ถูกต้อง ถูกทาง โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เป็นผู้ให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เช่น เทคนิคการพัฒนาสมอง EF ที่บ้าน  เรื่องจิตวิทยาการเลี้ยงลูก และการอ่านนิทานช่วยพัฒนาสมองเด็ก  … อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญในการเลือกโรงเรียนให้ลูกเพื่อสร้างอนาคตให้ลูกมีพื้นฐานการศึกษาที่ดีและมีความสำเร็จมีความสุขในการดำเนินชีวิต ทางผู้ร่วมก่อตั้งฮัมมิ่งเบิร์ดทุกคน ได้ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกคนว่า การมีความเข้าใจในเรื่องของการพัฒนาเด็กตามช่วงวัย และการใช้การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมหรือการเล่นที่เหมาะสม จะช่วยให้พวกเขาได้รับการพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่และขอให้เชื่อมั่นว่าลูกของเราทำได้ ซึ่งหากลูกได้อยู่ในสถานที่เรียนรู้ หรือโรงเรียนซึ่งมีคุณครูที่ เข้าใจพัฒนาการเด็ก มีกิจกรรมที่มีคุณภาพ และสิ่งแวดล้อมที่มีความปลอดภัย เราก็จะสามารถสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้ลูกสามารถเติบโตขึ้นไปอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้เป็นอย่างดี

 

โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด Hummingbird International Kindergarten
รับนักเรียนอายุตั้งแต่: Pre Nursery – Year 1  (อายุ 18 เดือน – 5 ปี)

ค่าธรรมเนียมการศึกษา
1 ปีการศึกษา มี 3 ภาคเรียน
ภาคเรียนละประมาณ 110,000 – 187,425 บาท

ที่อยู่: 25/4 ถนน อัศวพิเชษฐ์ แขวง ฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
email: [email protected]
Website: hummingbird
Facebook: hummingbird

Line@: @hummingbird.school

Tel: 0951932615

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up