ใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้ปลอดภัยกับแม่และลูกในท้อง

Alternative Textaccount_circle
event
  1. เครื่องถ่ายเอกสาร

เครื่องถ่ายเอกสารเป็นอุปกรณ์สำนักงานอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรมองข้ามความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะการใช้งานเครื่องถ่ายเอกสารบ่อย ๆ หรือแม้แต่การนั่งทำงานใกล้เครื่องถ่ายเอกสารนั้น จะทำให้ร่างกายของแม่ท้องได้รับอันตรายจากรังสีและสารเคมีที่แผ่ออกมาจากเครื่องโดยที่ไม่รู้ตัว ถ้าไม่ระมัดระวังอาจทำให้เกิดการสะสมในร่างกายและเป็นสาเหตุให้แท้งได้

  • รังสียูวี :ในการถ่ายเอกสารทุกครั้ง แม่ท้องควรปิดแผ่นบังแสง เพื่อป้องกันการได้รับรังสียูวีจากแสงที่แผ่ออกมาจากหลอดไฟเป็นเวลานานหรือในปริมาณมาก ซึ่งจะทำให้ระคายเคือง เกิดการอักเสบของกระจกตาหรือเกิดผื่นคันตามผิวหนัง
  • ผงหมึก :ในหมึกของเครื่องถ่ายเอกสารระบบแห้งจะมีส่วนผสมของผงคาร์บอนและเรซิน ส่วนผงหมึกของเครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียกจะละลายในสารละลายอินทรีย์พวกปิโตรเลียม หากแม่ท้องหายใจผงหมึกเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ ไอ จาม และทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกด้วย
  • ก๊าซโอโซน :เกิดจากการอัดตัวและปล่อยประจุไฟฟ้าที่ลูกกลิ้ง กระดาษ และเมื่อมีการปล่อยแสงยูวีในขณะที่ถ่ายเอกสาร ทำให้ระคายตา จมูก หายใจสั้น วิงเวียนมีอาการล้า โดยเฉพาะแม่ท้องที่มีอาการของโรคทางเดินหายใจ อย่างหอบหืดอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงก๊าซโอโซนเป็นอย่างมาก

 

เพื่อความปลอดภัย แม่ท้องควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องถ่ายเอกสารบ่อย ๆ ไม่นั่งทำงานใกล้กับเครื่องถ่ายเอกสาร ใส่ผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกันฝุ่นจากผงหมึก และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดหลังการใช้งานทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีผงหมึกหรือสารเคมีติดที่มือ หากเผลอไปหยิบจับอาหารหรือขนมแล้วกินเข้าไป จะทำให้เกิดการสะสมของสารเคมีและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ค่ะ

  1. ไมโครเวฟ

อุ่นอาหารอย่างไร ให้อุ่นใจ การอุ่นหรือปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟถึงแม้จะสะดวกและรวดเร็วก็ตามแต่หากแม่ท้องกินอาหารที่อุ่นด้วยไมโครเวฟ บ่อยๆ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงจากการได้รับรังสีไมโครเวฟที่ออกมาในขณะที่อุ่นอาหารสะสมในร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ประสาทและเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ แม่ท้องจึงต้องใช้ไมโครเวฟอย่างระมัดระวังและการกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ย่อมมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารที่อุ่นจากไมโครเว

  • ภาชนะ :เลือกภาชนะใส่อาหารที่จะนำเข้าไมโครเวฟให้เหมาะสม เช่น ชามแก้วทนไฟ ชามกระเบื้อง ภาชนะไม้ ห้ามใช้ภาชนะโลหะ ภาชนะกระเบื้องที่มีขอบสีเงินหรือทอง ภาชนะพลาสติกที่ไม่ทนความร้อน รวมถึง ไม่ควรใช้ไมโครเวฟอุ่นนมในขวดนมด้วย
  • อาหาร :เลือกปรับอุณหภูมิปานกลางในการอุ่นอาหาร หรืออ่านบนฉลากอาหารก่อนทุกครั้ง ไม่ควรใช้อุณหภูมิที่สูงจนเกินไป เพราะจะทำให้มีการซึมของสารฟอร์มาลดีไฮด์ออกมาในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ และควรใช้ฝาชีหรือพลาสติกทนความร้อนครอบอาหาร (โดยไม่ต้องปิดฝาแน่น) จะช่วยกรองรังสีไมโครเวฟได้ในระดับหนึ่ง

ข้อควรระวัง :

  • ไม่ควรให้ดวงตาแนบกับฝาตู้ หรือจ้องมองภายในเครื่อง (โดยเฉพาะเด็กเล็ก ซึ่งคุณแม่ต้องระวังไม่ให้จ้องมองระหว่างการอุ่นอาหาร) ปิดฝาตู้ให้สนิท เพื่อไม่ให้มีคลื่นไมโครเวฟรั่วออกมาระหว่างใช้งาน
  • ไม่ควรนำอาหารที่มีผิวมันหรือมีเปลือกแข็งทำให้สุกโดยไมโครเวฟ เพราะความร้อนจะทำให้อากาศภายในอาหารขยายตัวและไอน้ำที่เกิดขึ้นจะมีแรงดันสูง จนเกิดการระเบิดได้ ควรใช้ส้อมจิ้มที่ผิวหรือเปลือกอาหารให้เป็นรูก่อน เพื่อป้องกันการปะทุที่เกิดจากความร้อนภายใน
  1. เครื่องเล่น MP3

หากเล่นดังไป นานไป ไม่ดีนะ การฟังเพลงในช่วงที่ตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะช่วยให้คุณแม่ท้องรู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะการฟังจากเครื่องเล่น MP3 เพราะพกพาได้สะดวก ฟังที่ไหนก็ได้ แต่ควรฟังในระดับเสียงและระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อการได้ยินของคุณแม่เอง และไม่กระทบต่อไปยังเส้นประสาทด้านการได้ยินเสียงของทารกด้วย

ระดับเสียงที่ฟัง : แม่ท้องไม่ควรเปิดเสียงในระดับที่ดังจนเกินไป ซึ่งระดับเสียงที่ทำให้เกิดอันตราย คือ ระดับเสียงที่ดังมากกว่า 85 เดซิเบล หากใช้หูฟังแบบเสียบหูก็ไม่ควรตั้งระดับความดังของเสียงเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ของระดับเสียงทั้งหมด และไม่ควรดังเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อใช้หูฟังแบบครอบศีรษะ นอกจากนี้ แม่ท้องควรรักษาระดับเสียงที่เปิดให้คงที่ ไม่ควรเพิ่มระดับให้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามสภาพแวดล้อม เพราะจะเป็นสาเหตุให้การได้ยินเสียงบกพร่องมากขึ้น อีกทั้งเสียงที่ดังมาก ๆ ยังเป็นอันตรายต่อเซลล์รับคลื่นเสียงทำให้เกิดความบกพร่องด้านการได้ยินของทารกอย่างถาวรได้

banner300x250

ทั้งนี้ยังรวมถึงอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษส่งผลต่อพัฒนาการทารกในครรภ์ หากจะทานอะไรต้องระวังกันหน่อยนะคะ เพราะอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ มักมากับสารปนเปื้อนจากยาฆ่าแมลง หากทานเข้าไปจะส่งผลให้ลูกมี IQ ที่ต่ำกว่าเด็กทั่วไปได้ค่ะ คุณแม่อาจจะลองเลือกอาหารออร์แกนิคแทน และเน้นการล้างให้สะอาดทุกครั้งก่อนทาน เมื่ออาหารไม่มีสารพิษตกค้างก็จะมีประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และพัฒนาการทารกในครรภ์ที่แข็งแรงค่ะ

ส่วนสภาพแวดล้อมตึงเครียดส่งผลต่อแม่ท้องและพัฒนาการทารกในครรภ์ นอกจากแม่ท้องจะต้องอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก หายใจสบาย ไม่มีฝุ่นควัน ไม่มีเสียงดังแล้ว ยังต้องรวมถึงสภาพแวดล้อมในครอบครัวด้วย คือ ต้องไม่มีความตึงเครียดจากคนรอบข้าง ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง มีการให้กำลังใจแม่ท้องอยู่เสมอ สภาพแวดล้อมทั้งหมดนี้จะส่งผลโดยตรงกับสภาพจิตใจของแม่ และเมื่อแม่ท้องไม่มีความเครียดก็จะทำให้ทารกในครรภ์ไม่เครียด พัฒนาการทารกในครรภ์ก็จะดี ลองสังเกตง่ายๆ ว่าถ้าแม่ท้องอารมณ์ดี ลูกในท้องจะขยับตัว ดิ้น ให้แม่รู้เสมอว่ากำลังมีความสุขเมื่อแม่มีความสุขเช่นกัน


ขอบคุณข้อมูลจาก women.thaiza.com/ภัยไฮเทค-ที่แม่ท้องต้องระวัง/260166/
ขอบคุณรูปภาพจาก www.manager.co.th

Save

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up