สัญญาณเตือน! อาการหนาวใน จุดเริ่มของโรคร้าย

event

หนาวใน

4. ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี

สำหรับคนที่มักจะมือเย็นเท้าเย็นบ่อย ๆ แต่ร่างกายโดยรวมไม่ได้ผิดปกติอะไร เคสนี้แพทย์หญิงนิวยอร์ก ได้วินิจฉัยว่า อาจเกิดจากระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายของคุณทำงานไม่ปกติ โดยไม่สามารถไหลเวียนเลือดได้สะดวกไปทั่วทั้งร่างกาย หรืออาจจะมีภาวะของโรคหลอดเลือดอุดตันตามตำแหน่งต่าง ๆ ที่อาจขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังมือและเท้าได้

นอกจากนี้ยังมีโรคเรย์นอยด์ (Raynaud’s Disease) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดบริเวณมือตีบ ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่ดี ทำให้เกิดอาการชาบริเวณนิ้วมือ ร่วมกับอาการนิ้วมือนิ้วเท้าเย็นตามมาด้วย ซึ่งก็ควรต้องรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาอาการกันต่อไป

5. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนหลับที่ไม่เพียงพออาจส่งผลให้เคมีในสมองรวมไปถึงระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติได้ ซึ่งก็นับเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง รวมทั้งอาการหนาวง่ายก็เป็นผลพวงที่ตามมาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นพยายามพักผ่อนให้เต็มที่ไว้ก่อนดีกว่า

6. ดื่มน้ำน้อยเกินไป

กว่า 60% ในร่างกายมนุษย์ที่มีการเจริญเติบโตอย่างเต็มวัยคือน้ำล้วน ๆ เลยเชียวล่ะ และน้ำก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้เป็นปกติ โดย Maggie Moon นักโภชนาการเชี่ยวชาญแห่งสำนักโภชนาการลอสแองเจลิสก็ให้ข้อมูลว่า ร่างกายที่ไม่ได้รับน้ำสะอาดเพียงพออาจเกิดได้ทั้งภาวะอุณหภูมิที่ร้อนจัดและเย็นจัด เนื่องจากภาวะขาดน้ำจะทำให้ระบบควบคุมอุณหภูมิของร่างกายปรวนแปร รวมไปถึงเมื่อขาดน้ำ ระบบเผาผลาญก็ทำงานไม่สะดวกด้วย ฉะนั้นเราจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันนะคะ

7. ร่างกายขาดวิตามินบี 12

วิตามินบี 12 มีหน้าที่สำคัญพอ ๆ กับธาตุเหล็กตรงที่ช่วยลำเลียงออกซิเจนเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งหากร่างกายไม่ได้รับวิตามินบี 12 ที่พอเพียงก็คงทำให้หลอดเลือดแดงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเมื่อการไหลเวียนของเลือดติดขัด ความหนาวเย็นเหน็บชาก็มักจะมาเยี่ยมเยือนนั่นเองนะคะ ฉะนั้นใครทั้งรู้สึกหนาวง่ายบวกกับอาการเหน็บชามาหาบ่อย ๆ ในช่วงนี้ ต้องรีบเติมเต็มวิตามินบี 12 จากอาหารประเภทปลาและผลิตภัณฑ์จากนมให้ร่างกายโดยด่วนซะแล้ว

หนาวใน

8. เพราะคุณเป็นผู้หญิง

อาการหนาวง่ายก็ขึ้นอยู่กับเพศด้วยเหมือนกัน  เพราะเพศหญิงจะถูกกำหนดให้ต้องการความอบอุ่นในร่างกายมากกว่าเพศชาย ด้วยเหตุนี้กลไกร่างกายของผู้หญิงจึงต้องคงความสมดุลของการไหลเวียนเลือดในสมองและหัวใจอย่างเต็มที่ ดังนั้นการไหลเวียนเลือดในส่วนประสาทมือและเท้าจึงถูกลดความสำคัญลงไปโดยปริยาย เป็นเหตุให้คุณรู้สึกหนาวที่มือและเท้าซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาทจนทำให้รู้สึกหนาวไปทั้งร่างนั่นเอง

9. มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานที่ไม่รู้ตัวและไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปลายประสาทอักเสบได้ ซึ่งอาการนี้จะส่งผลให้มือและเท้าของคุณไวต่อสิ่งเร้าและการสัมผัส จนอาจทำให้รู้สึกหนาวเย็น ณ บริเวณนี้ได้ อีกทั้งปลายประสาทยังจะส่งสารบางอย่างไปยังสมองในส่วนที่ควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้รู้สึกถึงความหนาวเย็นด้วยนะคะ ดังนั้นหากคุณรู้สึกเย็นมือเย็นเท้า รวมถึงปวดปัสสาวะบ่อย ๆ อ่อนเพลีย และรู้สึกคอแห้งถี่ขึ้น สัญญาณเหล่านี้คืออาการเริ่มต้นของโรคเบาหวาน ต้องรีบไปพบแพทย์ด่วนแล้วล่ะ

10. กล้ามเนื้ออ่อนแอเกินไป

กล้ามเนื้อนับเป็นเสมือนผ้าห่มส่วนตัวของเรา การที่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยคงอุณหภูมิร่างกายของเราให้สมดุล ดังนั้นเราจึงควรเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยบำรุงระบบเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไปในตัว และช่วยรักษาความอบอุ่นของร่างกายได้เป็นอย่างดี

จากอาการหนาวข้างต้น คุณผู้หญิงและคุณแม่ลูกอ่อนควรสังเกต อาการหนาวนั้น ว่าคุณมี อาการหนาวใน หรือหนาวง่ายหรือเปล่า และหากมีอาการปวดท้องหรือหนาวสั่นแบบผิดปกติ อย่ารอช้า…แล้วละเลยอาการเหล่านั้น เพียงเพราะคิดว่าเป็นอาการปกติที่คนอื่นก็เป็นกัน โดยที่ลืมสังเกตความแตกต่างของอาการ

ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและบำรุงร่างกายให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงให้มากขึ้นดูนะคะ ร่างกายจะได้มีความอบอุ่นไม่รู้สึกหนาวง่ายอีกต่อไป และหมั่นสำรวจตัวเองว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ถ้าเกิดสงสัยอะไร แนะนำให้รีบไปปรึกษาหมอ เพื่อที่จะได้คำแนะนำและการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีค่ะ

อ่านเพิ่มเติม บทความน่าสนใจ คลิก

อาการผมร่วงหลังคลอด และเทคนิครับมือพร้อมแนะนำทรงผมสั้นสุดเก๋

การดูแลสุขภาพ และความงามของคุณแม่ให้ยังสาว


ขอบคุณข้อมูลจาก www.matichon.co.th , www.rak-sukapap.com , health.kapook.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up