ฝากท้อง

รวมคำถามที่แม่ต้องตอบ! เมื่อไปฝากท้องครั้งแรก

event
ฝากท้อง
ฝากท้อง

การดูแลลูกในครรภ์การดูแลลูกในครรภ์ ตั้งแต่ไตรมาส 1 – 3

ไตรมาส 1 (1-3 เดือน)

1.ฝากครรภ์ทันที  คุณแม่ควรฝากครรภ์ทันทีหลังจากรู้ว่าตั้งครรภ์ คุณหมอจะตรวจสุขภาพของคุณแม่ ถ้าพบปัญหาจะได้รักษา และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณแม่ และลูกน้อยปลอดภัย

2.ออกกำลังกายเบาๆ คุณแม่สามารถออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์ได้ ไม่หักโหม เช่น การเดิน ว่ายน้ำ แอโรบิคในน้ำ การเล่นโยคะ การเต้นรำ

3.จดบันทึก ทำสมุดบันทึกการตั้งครรภ์ บันทึกเรื่องราว และพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์แต่ละช่วงวัย เป็นการเก็บความประทับใจ แล้วอ่านให้ลูกน้อยฟังลูกจะได้ยินเสียง และพัฒนาการได้ยิน

4.ฝึกหายใจเข้าออก ให้คุณแม่นั่งสบายๆ ปล่อยแขนข้างลำตัว หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกอย่างอ่อนโยน ไม่เร่งรีบ ทำบ่อยๆ ทุกวัน วันละ 5 นาที ช่วยให้จิตใจคุณแม่สงบ ลูกน้อยสมองพัฒนา

5.ถ่ายรูปท้องเก็บไว้ ถ่ายทุกๆ สัปดาห์ พร้อมบันทึกการเปลี่ยนแปลง

ไตรมาส 2 (4-6 เดือน)

1.ฟังเพลง คุณแม่เลือกเพลงเพราะๆ ช้าๆ เบาๆ ฟังประมาณวันละ 10-15 นาที และเปิดให้ลูกฟัง ให้ลำโพงอยู่ห่างจากท้อง 1 ฟุต หรือหูฟังอันใหญ่ครอบที่ท้อง พัฒนาการได้ยิน และกระตุ้นสมองลูกน้อย

2.อ่านหนังสือให้ลูกฟัง เลือกบทกลอนที่ชอบ อ่านบทกลอนที่คล้องจอง พร้อมลูบท้องไปด้วย เช่น นิทานเด็ก ร้อยกรอง วรรณกรรมเด็ก ช่วยให้ลูกจำเสียงคุณแม่ และมีพัฒนาการด้านภาษา

3.เล่นทักทายการดิ้นของลูก ทุกครั้งที่ลูกดิ้น ให้ตบหน้าท้องทักทายลูกเบาๆ เป็นจังหวะ ใช้ลูกบอลลูกเล็กๆ กลิ้งไปมา ชวนลูกพูดคุย

4.เต้นรำ ใช้ 2 มือโอบรอบท้อง แล้วเคลื่อนไหว เต้นรำไปตามจังหวะเพลง ความสุขของแม่จะส่งผลให้ลูกน้อยอารมณ์ดี พัฒนาเซลล์สมอง ระบบประสาท และกระตุ้นการเคลื่อนไหว

5.ออกกำลังกายในน้ำ เดินช้าๆ ในน้ำ ผายมือแหวกน้ำ ลอยตัวบนน้ำ บิดตัวซ้ายขวา ว่ายน้ำช้าๆ ช่วยบริหารอุ้งเชิงกราน คุณแม่สงบผ่อนคลาย ลูกน้อยมีพัฒนาการด้านต่างๆ

6.สวดมนต์ทำสมาธิ การสวดมนต์สามารถทำได้ทุกวัน ช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยมีจิตใจที่สงบ อารมณ์ดี ลูกน้อยจะซึมซับธรรมะโดยไม่รู้ตัว และมีผลต่อการพัฒนาสมอง

7.เข้ากลุ่มเพื่อน พบปะเพื่อนฝูง พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ช่วยทำให้ลูกน้อยฉลาด และอารมณ์ดี รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การตั้งครรภ์ ทำให้คลายกังวลกับปัญหาต่างๆ

การดูแลลูกในครรภ์

ไตรมาส 3 (7-9 เดือน)

1.ชวนคุณพ่อคุยกับลูก ความแตกต่างของเสียงจะช่วยพัฒนาสมอง และประสาทการรับฟัง เอาหน้าแนบท้อง แล้วชวนลูกคุย ทักทายลูก ลูบท้องอย่างแผ่วเบา ช่วยให้ลูกรู้สึกถึงความรักจากพ่อ วันละ 5 นาที

2.ส่องไฟที่หน้าท้อง แสงสว่างช่วยกระตุ้นการมองเห็น เปิดไฟฉายหลอดเล็กๆ ไม่จ้าจนเกินไป ส่องที่หน้าท้องเป็นรูปวงกลมรอบสะดือช้าๆ ประมาณ 5 นาที ช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง และพัฒนาการเรียนรู้หลังคลอด

3.เล่นกับหน้าท้อง การสัมผัสจะสื่อถึงความรัก ลูบท้องเบาๆ ทาโลชั่นผสมการลูบท้อง แล้วบอกว่าแม่กำลังทำอะไร หรือนำลูกบอลเสียงกรุ๋งกริ๋งมากลิ้งเบาๆ บนท้อง

4.ให้คุณพ่อนวดให้ นวดเอว สะโพก หลัง ไหล่ หัวตา โคนจมูก เท้า ทำให้แม่และลูกน้อยมีความสุข อารมณ์ดี พัฒนาสมองและอารมณ์ หรือนวดที่ท้องเบาๆ ตามเข็มนาฬิกาทราย ลูกจะรับรู้ถึงความรัก ความอบอุ่น

5.ฟังเสียงหัวใจลูก ซื้อเครื่องฟังเสียงหัวใจมาใช้ สังเกตว่าเสียงหัวใจเต้นเร็ว หรือช้า เมื่อคุณพ่อ หรือคุณแม่มีการปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อยในครรภ์ อัดเสียงลูกเก็บเอาไว้ ช่วยพัฒนาทางอารมณ์ของลูก

6.นั่งเก้าอี้โยก ช้าๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลูกน้อยจะได้รับแรงเคลื่อนไหว ผิวสัมผัสผนังด้านใน กระตุ้นเซลล์สมองและเรียนรู้การรักษาสมดุลของร่างกาย

7.หลับตาฟังเสียงธรรมชาติ เดินเล่นเบาๆ ที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน นั่งหลับตาสบายๆ ฟังเสียงรอบข้าง ช่วยให้ลูกน้อยอารมณ์ดี และมีความสุข

อ่านต่อบทความน่าสนใจอื่นๆ คลิก!


ที่มา: กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids
เครดิต: หนังสือ Best Start 1,365 Tips ทุกนาทีของลูกคือก้าวสำคัญ เริ่มต้นที่คุณแม่ตั้งแต่วันนี้

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up