สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแม่กำลังอุ้มท้องลูกชาย!…ระหว่างความเชื่อกับผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

Alternative Textaccount_circle
event

6. ชาร์ตทำนายเพศลูก

ชาร์ตทำนายเพศลูก เป็นศาสตร์ของจีนโบราณที่สามารถบอกเพศของทารกได้ โดยใช้แค่เพียงอายุของคุณแม่และเดือนที่คุณตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีนี้อาจจะไม่สามารถกำหนดเพศของลูกในท้องได้ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าลูกน้อยในท้องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

โดยวิธีการใช้ Chinese gender charts จากข้อมูลที่อ้างอิงมีความถูกต้อง 90% ถ้าคุณแม่ใช้อย่างถูกต้องซึ่งตารางนี้ก็มีที่มาจากการรวบรวมข้อมูลของคนจีนตั้งแต่สมัยโบราณมาเป็นเวลามากกว่า 700 ปี โดยใช้ข้อมูลสองอย่างในการทำนายเพศลูก นั่นคือ อายุของคุณแม่ตอนที่ตั้งครรภ์ และเดือนที่ปฏิสนธิหรือเดือนที่มีกิจกรรมแล้วเกิดการตั้งครรภ์ ***สนใจใช้ชาร์ตทำนายเพศลูก คลิกที่นี่ 

7. คุณพ่ออ้วนขึ้นหรือเปล่า?

คำถามนี้อาจดูตลกไปหน่อย คุณรู้จักอาการเปลี่ยนแปลงในชายเมื่อภรรยาท้องหรือไม่? นั่นคือการที่น้ำหนักตัวของคุณพ่อเพิ่มขึ้น มีความเชื่อว่าหากคุณสามีอ้วนขึ้นในขณะที่ภรรยาตั้งท้อง นั่นหมายความว่าครอบครัวนี้จะได้ลูกสาว แต่ถ้าคุณสามีไม่อ้วนขึ้น นั่นหมายความว่าจะได้ลูกชาย มีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเดนมาร์กเชื่อเช่นกันว่าน้ำหนักของพ่อเด็กที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถเป็นสัญญาณบอกในเรื่องนี้ได้ มีงานวิจัยหนึ่งได้ทำการศึกษาพ่อเด็กจำนวน 100 คน พบว่า พ่อเด็กเกือบจะทุกคนที่อ้วนขึ้นได้ลูกสาว และมีพ่อเด็กที่ได้ลูกชายเพียง 5 คนเท่านั้นที่อ้วนขึ้น

8. ถามเด็กน้อย

หากคุณอยากรู้ว่าตัวเองอุ้มท้องลูกชายอยู่หรือไม่ ลองให้เด็กผู้หญิงตัวน้อยช่วยดูสิ หากเด็กคนนั้นแสดงความรักความเป็นมิตรต่อคุณอย่างดี นั่นหมายความว่าคุณอุ้มท้องลูกผู้ชายอยู่ แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็อาจหมายความว่าคุณอุ้มท้องลูกผู้หญิงนั่นเอง

หรือจะลองทายจากการให้เด็กมาเหยียบท้อง มี 2 วิธี วิธีแรกคือให้เด็กชายมาเหยียบ ถ้าเค้าไม่เหยียบแปลว่าในท้องเป็นผู้หญิง ถ้าเหยียบแปลว่าในท้องเป็นผู้ชาย หรืออีกวิธีคือ ให้เด็กหญิงหรือชายก็ได้มาเหยียบ ถ้าเด็กเหยียบด้วยเท้าขวาแสดงว่าได้ลูกชาย เหยียบด้วยเท้าซ้ายแสดงว่าได้ลูกสาว วิธีการให้เด็กเหยียบนี้ คือให้คุณแม่นอนหงาย อุ้มเด็กเล็กๆ ไว้ แล้วให้เค้าให้เท้าเหยียบแตะลงมา ไม่ใช่ให้เด็กโตขึ้นไปเหยียบทั้งตัวนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณแม่รวมถึงลูกในท้องอาจจะบาดเจ็บก็ได้

9. คุณเชื่อสัญชาติญาณตัวเองมั้ย?

แม่คนหนึ่ง ๆ ย่อมรู้เกี่ยวกับลูกของตัวเองดีที่สุด ใช่หรือไม่? ดังนั้น สัญชาติญาณของคุณเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการที่คุณจะรู้ว่าลูกชายหรือลูกสาวที่อยู่ในท้องของคุณ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าแม่กว่าร้อยละ 71 สามารถเดาเพศของลูกตัวเองได้อย่างถูกต้อง

ถึงอย่างไรวิธีทายเพศของลูกน้อยในครรภ์ ก็ยังเป็นเพียงแค่ความเชื่อที่ไม่ได้ตรงเป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณทายได้ว่าคุณได้ลูกสาวหรือลูกชายก่อนที่จะมีการอัลตร้าซาว์ดดูเพศของลูก บางวิธีเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาจากคนในสมัยก่อน บางเรื่องเล่าก็น่าตลก แต่ถ้าไม่เสียหายอะไร คุณแม่ก็สามารถลองใช้วิธีที่ทั้งสนุกและใช้เวลาไม่นานเพื่อดูว่าเรื่องเล่าที่เป็นตำนานนี้เป็นจริงหรือไม่ได้นะคะ…

*เรื่องจริงของเพศหญิงหรือชาย

หากเป็นวิธีการตามธรรมชาติ โอกาสที่คุณแม่จะได้ลูกสาวหรือลูกชาย เรียกว่ามีโอกาส 50 / 50 ค่ะ คือการท้อง 1 ครั้ง มีโอกาสเป็นลูกสาวหรือลูกชายได้เท่าๆ กันนั่นเอง เพราะการได้ลูกสาวหรือลูกชาย เกิดจากเพศหญิงหรือก็คือ คุณแม่ที่มีโครโมโซม X X กับผู้ชาย หรือคุณพ่อที่มีโครโมโซม X Y หากว่าโครโมโซม X ของคุณแม่มาเจอกับโครโมโซมY ของคุณพ่อ ก็จะได้ลูกที่มีโครโมโซม X Y ซึ่งก็คือได้ลูกชาย แต่หากว่าโครโมโซม X ของคุณแม่มาเจอกับโครโมโซม X ของคุณพ่อจะได้ลูกที่มีโครโมโซม X X หรือก็คือได้ลูกสาวนั่นเองค่ะ

**ความจริงเกี่ยวกับเพศลูกที่คุณแม่ต้องรู้

การทำอัลตราซาวด์เป็นวิธีตรวจสอบเพศลูกที่ปลอดภัยกับทั้งคุณแม่และคุณลูก วิธีการนี้มีความถูกต้องแม่นยำในการระบุเพศทารกถึง 90% หากคุณแม่ทำอัลตราซาวด์หลังตั้งครรภ์ 16 สัปดาห์ การทำอัลตราซาวด์ไม่ใช่การตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมของเด็กทารก

อย่างไรก็ตามการตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมดังกล่าว เช่น การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อทารกด้วยการตรวจชิ้นเนื้อรกเมื่อทารก ในครรภ์มีอายุ 10-12 สัปดาห์ หรือหากต้องเจาะน้ำคร่ำต้องทำเมื่อทารกอายุมากกว่า 12 สัปดาห์นั้นพบว่าเป็นวิธีที่บอกเพศลูกได้ถูกต้องแม่นยำ 100% การตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยงเลย…วิธีการนี้จึงมักใช้ตรวจวินิจฉัยความกังวลอื่นๆของคุณแม่ ไม่ใช่ทำเพื่อต้องการความถูกต้องในการบอกเพศของทารกเท่านั้น

คลิกอ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ!!

>> โปรแกรมตั้งชื่อลูก

>> รวมชื่อลูกสาวลูกชายแบบยุคใหม่ เรียกง่ายทั้งไทยและอังกฤษ

>> รวมชื่อเล่นยอดฮิตและเก๋ๆ แบบครบถ้วน ทั้งไทยและอังกฤษ กว่า 500 ชื่อ

>> การตั้งชื่อลูก คิดให้ดีก่อนส่งผลกระทบต่อจิตใจในอนาคต


ขอบคุณข้อมุลจาก :www.thaihealth.or.th , baby.kapook.com , www.manager.co.th

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up