งานวิจัยชี้! ดูดนิ้ว-กัดเล็บ ทำให้มีโอกาสเป็น “โรคภูมิแพ้” น้อยลง

Alternative Textaccount_circle
event

คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า เด็กที่มีนิสัยในการชอบดูดนิ้ว หรือ กัดเล็บมือ มีโอกาสเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กทั่วไป อันเป็นสาเหตุมาจากร่างกายได้รับเชื้อเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กในวัยเจริญเติบโตนั่นเอง

โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาที่ผิดปกติต่อสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่เยื่อบุของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนัง เยื่อบุโพรงจมูก เยื่อบุตาขาว เยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นต้น

แม้การ “ดูดนิ้ว” หรือ “กัดเล็บ” ของเด็กๆ (หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคน) จะเป็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็น “นิสัย” ที่ไม่ดี แต่นักวิจัยจากสถาบันโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ออกเปิดเผยผลการวิจัย โดยทดลองกระทำกับชาวนิวซีเเลนด์ซึ่งมีอายุอยู่ในระหว่าง 5 ถึง 32 ปี รวมแล้วกว่า 1,000 คน

Image

พบว่า 1 ใน 5 ของกลุ่มตัวอย่างของคนที่มีพฤติกรรมหรือประวัติว่าเคยติดการดูดนิ้วหรือกัดเล็บในวัยเด็ก จะมีโอกาสแพ้ฝุ่น น้อยกว่าเด็กทั่วไปหรือผู้ที่ไม่มีพฤติกรรมดังกล่าวถึง 3 เท่า และภูมิคุ้มกันที่มีนี้จะติดตัวไปจนโต

สำหรับพฤติกรรมดูดนิ้วและกัดเล็บนั้น นักวิจัยจะเริ่มประเมินและบันทึกข้อมูลตั้งแต่อายุ 5, 7, 9 และ 11 ขวบ และจะทดสอบโรคภูมิแพ้เมื่ออายุ 13 และ 32 ปี โดยพบว่าเด็กที่มีการดูดนิ้วและกัดเล็บนั้น มีภูมิคุ้มกันต่ออาการแพ้ต่อสิ่งต่างๆ เช่น ไรฝุ่น สุนัขหรือแมว เป็นต้น มากกว่าเด็กอื่นๆ ที่ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ถึง 3 เท่า และภูมิคุ้มกันนี้จะมีติดตัวไปจนถึงตอนโตด้วย >> ซึ่งผลการค้นพบของทีมวิจัยมีความสอดคล้องกับทฤษฎีสุขอนามัย (Hygiene theory) ที่ว่าการได้รับสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคในวัยเด็ก จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ 

ทั้งนี้นักวิจัยได้ระบุว่า “ยังไม่สนับสนุนให้เด็กมีพฤติกรรมกัดนิ้วหรือดูดนิ้ว” จนกว่าจะได้มีการศึกษายืนยันผลเพิ่มเติมเป็นที่แน่นอน และแน่ชัดว่า “พฤติกรรมดูดนิ้ว กัดนิ้วนี้เป็นเรื่องที่ดี” นอกจากนี้พฤติกรรมหรือนิสัยดังกล่าวยังไม่มีผลช่วยลดการเกิดโรคหอบหืดและโลกละอองฟางได้

อย่างไรก็ตาม ในเด็กกลุ่มที่ชอบดูดนิ้วหรือกัดเล็บอย่างใดอย่างหนึ่ง พบร้อยละ 40 เป็นโรคภูมิแพ้ และในกลุ่มเดียวกันที่ชอบทั้งดูดนิ้วและกัดเล็บ พบเป็นโรคภูมิแพ้เพียงร้อยละ 31  ซึ่งแนวโน้มนี้ยังคงปรากฏอยู่จนถึงช่วงวัยผู้ใหญ่ และไม่พบความแตกต่างแม้จะอาศัยอยู่ในบ้านที่มีคนสูบบุหรี่ เลี้ยงสัตว์ หรือภายในบ้านมีไรฝุ่นก็ตาม

อ่านต่อบทความน่าสนใจ

คลิก >> วิธีเช็คลูกเป็นภูมิแพ้ หรือแค่หวัดธรรมดา

คลิก >> ไขปัญหาภูมิแพ้…โรคใกล้ตัว ที่น่ากลัวอนาคตลูกน้อย

คลิก >> “ภูมิแพ้” โรคฮิตในเด็ก

คลิก >> 7 เทคนิคช่วยบรรเทา “ภูมิแพ้” ของลูก

คลิก >> เลือก “โปรตีนคุณภาพ” ให้ลูก 1,000 วันแรก ลดเสี่ยงอ้วน-โรคร้ายแรงเรื้อรัง-ภูมิแพ้

คลิก >> วัคซีน รักษาภูมิแพ้ ในเด็ก


ขอบคุณข้อมูลจาก : jingro.com/th , www.prachachat.net , www.keela360.com , www.nsm.or.th

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up