เด็กไม่รู้จักโต

9 พฤติกรรมที่พ่อแม่ควรเลิกทำ ถ้าไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กไม่รู้จักโต!

event
เด็กไม่รู้จักโต
เด็กไม่รู้จักโต

ซึ่งแนวโน้มของเด็กที่น่าเป็นห่วง คือ เด็กอายุ 3 หรือ 4 ขวบบางคน พอวาดเขียนหรือทำการบ้านไปได้ครู่เดียว ก็จะหยุดมือเพื่อรอรับคำชมจากครูทุกๆ เส้นที่วาดหรือทุกๆบรรทัดที่เขียน เมื่อสอนได้ระยะหนึ่ง เราก็ได้รู้ว่าพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ชมเชยและให้รางวัลเด็กแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เด็กทำได้ซึ่งอาจกระทำไปโดยเจตนาดี หรืออาจกำลังหลงใหลกระแสเรื่องความรักและนับถือตนเองอย่างมาก จึงไม่ต้องการให้ลูกขาดความรักและนับถือตนเอง อันที่จริงแล้วการให้แรงเสริมทางบวกมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลในทางตรงข้าม เด็กจะยึดติดกับของรางวัลหรือคำชมเชยจากบุคคลอื่นจนแทบจะไม่ยอมทำอะไรถ้าไม่ได้รับคำชม

ภาวะเช่นนี้อาจทำให้เด็กรักและนับถือตนเองน้อยลงๆทุกทีจนถึงขั้นอันตราย ในหนังสือ Smart parenting: Hoe to Parent so Children Will Learn แต่งโดย ดร.ซิลเวีย ริมม์ ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงเด็กที่ต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลาเพราะถูกเลี้ยงดูแบบประคบประหงมว่า สามารถมีอิทธิพลต่อคนรอบข้างได้ เพราะทุกคนต่างก็ใจดีและห่วงใยในตัวเด็กอยู่แล้ว เมื่อประกอบกับเครื่องแสดงออกซึ่งอำนาจของเด็ก (น้ำตาและการเรียกร้องการเห็นใจ) จึงยิ่งเย้ายวนให้พ่อแม่และครูพากันปกป้องเด็กต่อไป โดยไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังตัดโอกาสเด็กในการจัดการกับสิ่งท้าทายในชีวิต ทว่าพ่อแม่ทุกคนล้วนแต่มีเจตนาดี การเลี้ยงลูกเป็นงานหนักที่ไม่มีใครเคยได้รับการฝึกอบรมอย่างถูกต้องเต็มรูปแบบ แต่การชมเชยและให้รางวัลเด็กในทุกเรื่องเล็ก ๆ ที่เด็กทำนั้นไม่ได้ช่วยอะไร กลับจะทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาโดยไม่รู้จักรสชาติของการดิ้นรนเพื่อความสำเร็จ

ในทศวรรษ 1960 วอลเตอร์ มิชเชล นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ทำงานวิจัยชิ้นสำคัญเรื่อง การชะลอการทำตามความประสงค์ของเด็ก (Delay of Gratification in Children) ซึ่งเขาค้นพบว่า เด็กอายุ 4 ขวบที่คว้าขนมไปกินทันทีที่มีคนให้ กับเด็กที่ยอมอดใจรออีกนิดเพื่อให้ได้ขนมมากชิ้นขึ้น จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีลักษณะแตกต่างกันมาก เมื่อถึงช่วงวัยรุ่น คนที่สามารถชะลอการทำตามความประสงค์ได้จะอดทนรอได้ดีกว่า ประสบความสำเร็จสูงกว่า และสามารถปรับตัวทางอารมณ์และทางสังคมได้ดีกว่า มีปัญหาน้อยกว่า มีคนรักและมีความสุขมากกว่าคนที่ตอนเป็นเด็กไม่ยอมทนรอเพื่อรับขนมมากๆชิ้น นับว่าผลการวิจัยของมิชเชลเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

เด็กไม่รู้จักโต

9 สิ่ง ที่พ่อแม่ควรเลิกทำ ถ้าอยากให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี

อย่างไรก็ดีเพราะพ่อและแม่คือคนที่รักและหวังดีกับลูกมากที่สุด แต่ในบางครั้งความหวังดีของคุณอาจย้อนกลับมาทำร้ายลูกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกว่าคุณจะรู้ตัวก็อาจสายเกินแก้แล้ว โดยเฉพาะ 9 พฤติกรรมต่อไปนี้ที่พ่อแม่ควรเลิกทำถ้าอยากให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี

1. ปลุกลูกไปโรงเรียนตอนเช้าทุกวัน

เรียกได้ว่ากิจวัตรประจำวันของคุณแม่ที่ต้องทำทุกเช้า คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุกและจัดสรรเวลานอนให้เหมาะสม เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง

2. ทำอาหารเช้าหรืออาหารกลางวันให้

คุณแม่หลายคนอาจเป็นห่วงว่าลูกจะทานอาหารไม่อิ่มและได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน จึงต้องเตรียมอาหารให้ลูกทุกวัน ถ้าคุณอยากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ซะที คุณก็ควรให้เขาทำอาหารเองค่ะ ถ้าเขาทำไม่เป็นคุณแม่อาจจะต้องสอนลูกก่อนสักหน่อย

3. นำของที่ลูกลืมไปให้ถึงที่โรงเรียน

การที่ลูกโทรมาเพื่อบอกให้คุณพ่อคุณแม่นำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่งที่โรงเรียน โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุกครั้ง ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่รอบคอบได้ ดังนั้นเมื่อลูกโทรมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทำแบบนั้นอีก โดยที่ของชิ้นนั้นไม่ได้มีความสำคัญถึงขั้นคอขาดบาดตายอะไร ก็ควรบอกปัดเพื่อให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบมากขึ้นและตรวจความเรียบร้อยของสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

อ่านต่อ >> พฤติกรรม พ่อแม่ควรเลิกทำ ถ้าไม่อยากให้ลูกกลายเป็น เด็กไม่รู้จักโต” คลิกหน้า 3


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :  women.sanook.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up