FAB CAFE x UNESCO “ชุดเครื่องมือการเรียนรู้ด้านความรู้เท่าทันมหาสมุทร (Ocean Literacy)”
กระบวนการออกแบบประกอบด้วย:
1. วิเคราะห์สถานการณ์ (Situation Analysis)
เราทำการศึกษาความพยายามด้าน Ocean Literacy ที่มีอยู่ในประเทศไทยจากภาคส่วนต่าง ๆ และวิเคราะห์ช่องว่างด้านเนื้อหาและแนวทางการสอนที่ยังขาดไปในระบบการศึกษา
2. ออกแบบแนวคิด (Design Strategy)
เรานำเสนอกรอบแนวคิดที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยใช้แนวเปรียบเทียบว่า “มหาสมุทรคือเพื่อนของเรา”
และแบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 3 ระยะ คือ
รู้จัก (Get to Know) → เข้าใจ (Empathize) → อยู่ร่วม (Coexist)
โมดูลที่ 1:
รู้จัก – Diving Library
ถ้ามหาสมุทรคือเพื่อนของเรา ก้าวแรกก็คือ “การทำความรู้จัก”
สื่อการเรียนรู้ Diving Library ออกแบบให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของทะเลในแต่ละระดับความลึก เช่น ป่าชายเลน แนวปะการัง และทะเลลึก ผ่านการเล่นและการมีปฏิสัมพันธ์ โดยเน้นพื้นที่ระนอง อันดามัน เป็นพื้นที่แรก
เพื่อทำความเข้าใจว่า ความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) มีความสำคัญต่อสุขภาพของระบบนิเวศอย่างไร
โมดูลที่ 2:
เข้าใจ – Ocean Challenge
เมื่อรู้จักกันแล้ว ขั้นต่อไปคือ “การเข้าใจซึ่งกันและกัน”
Ocean Challenge คือชุดกิจกรรมที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้สำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล 15 ประเด็นในพื้นที่ของตนเอง เช่น ขยะพลาสติก การทำประมงเกินขนาด หรือการพัฒนาชายฝั่ง
ครูสามารถใช้โมดูลนี้ในการจุดประกายคำถาม ฝึกการตั้งสมมติฐาน ค้นคว้า และออกแบบโซลูชันร่วมกับนักเรียน เพื่อพัฒนาต่อเป็น โครงงานจริงในชุมชน
โมดูลที่ 3:
อยู่ร่วม – Field Lab Toolkit
ขั้นสุดท้ายคือ “การเรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน”
เราออกแบบ Field Lab Toolkit เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนออกไปสำรวจพื้นที่จริง เรียนรู้จากวิถีชุมชนที่อยู่ร่วมกับทะเลอย่างยั่งยืน เช่นที่จังหวัดระนอง เคยประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ แต่ชุมชนได้ร่วมกันฟื้นฟูป่าชายเลนจนกลายเป็น ผืนป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก
ความอุดมสมบูรณ์นั้นได้สร้างทั้งอาหาร ความหลากหลายทางชีวภาพ และ รายได้ให้กับชุมชน
ตัวอย่างกิจกรรมในชุดเครื่องมือ ได้แก่ เรียนรู้วิธีทำฟาร์มปูนิ่มแบบเปิดทะเลที่กะเปอร์ การเรียนรู้การแปรรูปเคยเป็นกะปิสูตรพิเศษที่เกาะเหลา หรือเรียนรู้การสร้างผลิตภัณฑ์จากต้นเหงือกปลาหมอทะเล ที่บ้านหงาว ซึ่งเป็นพืชสัญลักษณ์ของระบบนิเวศป่าชายเลนที่สมบูรณ์
โครงการนี้ช่วยให้เยาวชนเห็นภาพว่า การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นสามารถเดินไปด้วยกัน และช่วยสร้างรากฐานให้กับ คนรุ่นใหม่ ในการเป็นพลเมืองที่ตระหนักและลงมือเปลี่ยนแปลงโลกอย่างยั่งยืน