“ที่ผ่านมาสมัยเ ด็ก ๆ ผมอาจจะเคยเป็นป ลาที่อยู่ในโรงเ รียนซึ่งสอนแค่ก ารปีนต้นไม้กับวิ่งแข่ง ดังนั้น ผมจะไม่มีวันประสบความสำ เร็จหรือพัฒนาศั กยภาพของตัวเองใ นขณะที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนั้น ได้ แล้วพอเราเคยอยู่ตรงจุดนี้มาก่อ น เราเลยเข้าใจควา มรู้สึกว่าความห่วยมันเป็นยังไง แต่พอดีแม่เราชม ที่เราห่วย เราเลยรอดมาได้ ซึ่งเราก็ไม่แน่ ใจว่าแม่คนอื่นจ ะชมลูกแบบเดียวกันนี้ด้วยหรือเป ล่า”
ถึงวันที่ ‘ค้นพบตัวเอง’’ หลังจากลุ่ม ๆ ดอน ๆ คลุกคลานกับการเ รียนตามมาตรฐานก ารศึกษาไทยมาตลอ ด จุดพลิกผันครั้ง สำคัญในชีวิตบอย ก็เกิดขึ้น เมื่อเขาตัดสินใ จที่จะเหินฟ้าไป เรียนต่อทางด้าน สาขาดนตรีที่มหา วิทยาลัย UCLA (University of California at Los Angeles) แถมยังตั้งใจสมั ครเรียนถึง 3 โปรแกรมการสอน คือ Songwriting, Electronics Music และ Music Business
ช่วงเวลานั้นเอง ที่ บอย โกสิยพงษ์ ได้ค้นพบทิศทางที่เหมาะสมในชีวิ ต เขาฝึกฝน เรียนรู้ทักษะที่สำคัญของการเป็ นนักแต่งเพลง บอยเขียนเล่าไว้ ในเพจของตัวเองว่า
“ทั้ง 3 หลักสูตรใช้เวลา 5 ปี ผมมี A- ตัวเดียว ที่เหลือคือ A ล้วน ๆ ทั้งหมดนี้ไม่ได ้มาจากการตั้งใจ เรียนเลย มันมาจากการที่ผ มรักมันสุดหัวใจ อยากรู้อยากเห็น อยากเข้าใจไปหมด ผมไม่เคยท่องหนั งสือ แต่อ่านมันจนเข้าใจ ผมเพิ่งเข้าใจคำ พูดที่พ่อเคยบอก อย่างแท้จริงเป็ นครั้งแรก หัวใจเราอยู่ที่ ไหน ทรัพย์สมบัติเรา ก็อยู่ที่นั่น”
“พ่อคือวีรบุรุษ ของผม ชนิดที่ว่าผมอยา กเป็นเหมือนพ่อแ ม้กระทั่งลายมือ และวิธีพูด”
“ตอนเด็กผมเป็นค นโลกสวยมาก ผมคิดว่าทุกอย่า งที่ตัวเองคิดมั นทำได้หมดเลย ทำแบบนี้มันต้อง ดีแน่ ๆ ผมคิดแบบนี้กับทุกเรื่อง คือมันไม่ใช่อีโ ก้นะฮะ แต่เป็นอีโง่มาก กว่า (หัวเราะ)”
แล้วถ้าไม่เป็นอ ย่างที่คิดไว้ล่ ะ…
ผมก็เชื่อตามที่พ่อบอก พ่อผมสอนว่า “ถ้าเราทำงานอะไ รใหญ่ ๆ อุปสรรคเข้ามาเนี่ยแปลว่าดีนะบอ ย เพราะนั่นหมายถึ งว่า ถ้าเราผ่านมันไป ได้ เดี๋ยวผลลัพธ์มั นจะดีขึ้น”
“พ่อมักจะเปรียบ เทียบกับต้นไม้ ตอนเขาตัดแต่งต้ นไม้ (Trim) พ่อจะบอกว่า ต้นไม้เนี่ย ถ้าผ่านการตัดแต่ง ตอนแรกมันจะโกร๋ นเลย ถ้าถามใจต้นไม้ ต้นไม้คงจะบอกว่ า มาตัดทำไม เราโกร๋นไปหมดแล้ว ตัดกันแบบนี้แล้ วฉันจะอยู่ยังไง แต่ผ่านไปอีกพัก หนึ่ง มันจะมีดอก มีผลออกมา แล้วก็จะสวยกว่า เดิม พอฟังพ่อสอนแบบนี้ เราก็จำมาตลอดเล ยว่าถ้ามีอุปสรร ค นั่นแปลว่าเรากำ ลังโดน Trim ซึ่งแปลว่าเมื่อ เวลาผ่านไปเดี๋ย วผลมันจะต้องสวย ผมคิดแค่นี้เลย ไม่ได้คิดลึกอะไ รไปมากกว่านี้”
“พ่อผมเป็นวิศวก รที่ทำงานคนเดีย วในบริษัทแบบ one man show คือไม่ใช่เพราะพ ่ออยากจะโชว์นะ แต่เพราะประหยัด พ่อจะประหยัดเงิ นทุกอย่าง ทุกบาททุกสตางค์ เพื่อเอามาให้คร อบครัว บริษัทพ่อทำงานใ หญ่เยอะมาก ธนาคารหรือโรงพยาบาลใหญ่ ๆ หลายแห่ง พ่อผมเป็นคนวางร ะบบไฟฟ้าให้ทั้ง สิ้น งานในบริษัทที่ป กติต้องใช้คนทำห ลายคน แต่บริษัทพ่อมีพ นักงานอยู่คนเดี ยว พ่อพิมพ์บัญชีเอง เก็บเงินเอง ทุกอย่างทำเองหม ด ผมเคยถามว่าทำไม พ่อไม่จ้างคน พ่อผมบอกกลับมาว่า “จะได้เก็บเงินไ ว้เลี้ยงพวกเราไ งล่ะ”
“สมัยก่อนพ่อผมนี่คือความสุดยอด เท่เลยนะครับ พ่อผมเก่งหมดทุก อย่าง เลี้ยงลูกก็เก่ง ทำงานก็เก่ง ซ่อมของก็เก่ง จิตใจก็ดีด้วย พ่อชอบช่วยคนอื่ น คือตอนเด็ก ๆ ผมไปตลาดกับพ่อแ ทบทุกวัน พวกพ่อค้าแม่ค้า ก็ชอบยืมสตางค์พ่อ แล้วพ่อก็ให้เขา เลย ผมถามพ่อว่าแล้ว ไม่ต้องทวงเงินคืนเหรอ พ่อบอกว่าไม่ต้อ งหรอก ก็เพราะว่าเขาไม่มี เขาถึงมาขอเรา ถ้าเขามี เขาจะมาขอทำไม
“พ่อผมจะประหยัด ในเรื่องที่ไม่ไ ด้จำเป็นต่อชีวิ ต เช่น เสื้อผ้าก็มักจะ ชอบใส่เสื้อซ้ำ นาฬิกาก็จะใช้ขอ งที่ถูกมาก ๆ แต่เขาไม่เคยหวง เงินของเขาเลยกั บคนที่ลำบาก เหมือนเขาเกิดมา เพื่อให้คนอื่น ซึ่งการที่เขามี ชีวิตอย่างนี้กั บคนข้างนอกบ้าน สำหรับผมนี่เป็น จุดที่ผมประทับใ จพ่อมากเลยนะครั บ”
Learn to live with it เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ไม่ว่าอะไรจะเกิ ดขึ้นในชีวิต อีกจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อบอยต้องเจอ กับช่วงเวลาที่โ หดร้ายที่สุดของ ชีวิต “ที่ผ่านมาผมมีค วามสุขในชีวิตอย่างมาก พูดได้เลยว่าผมเ ป็นคนโคตรโชคดี พระเจ้าอวยพรผมม าก จนกระทั่งถึงช่ว งหนึ่งของชีวิตที่ผมแทบบ้า มันคือช่วงเวลาก่อนผมทำอัลบั้ม The Million Ways to Love Part 1 (2547)
“ช่วงนั้นบริษัท เราดังกระฉูดเลย (Bakery Music) ออกเพลงใหม่กันน่าดู ปีหนึ่งผมทำเพลง มากกว่า 300 เพลง แล้วเพลงก็ประสบ ความสำเร็จเยอะม าก เพลงดังเยอะมาก แต่มันก็ไม่ได้ Fulfill อะไรในหัวใจผม เพราะหลัง ๆ ผมเริ่มจะแต่งเพ ลงด้วยสมอง เพราะแต่งเพลงทุ กวันจนชิน เหมือนรู้แผนที่ หมดแล้วว่าต้องไ ปทางไหน เหมือนเราไปเที่ ยวแต่ที่เดิม ๆ เลยไม่สนุก ทั้งที่จริง ๆ แล้วการแต่งเพลง มันเหมือนเราไปเ ที่ยวในที่ใหม่ๆ เดินเข้าไปแล้ว โอ๊ย ตรงนี้สวย ตรงนั้นก็สวย
“ช่วงนั้นเองที่ พ่อและแม่ของผมเ ริ่มไม่สบาย คุณยายไม่สบาย และตลอด 5 ปีนั้น พ่อ, แม่, คุณยาย, พี่ชาย, พี่เขย คนที่ผมรักที่สุ ดก็เริ่มเสียชีวิตไปปีละคน”
“ปีแรก พี่เขยผู้ซึ่งเพิงมีลูกคนที่ 2 กับพี่สาวของผมไ ด้เดือนเดียวได้ เสียชีวิตลง มันคือช่วงเวลาที่พี่สาวผมก็ยัง ไม่แข็งแรงพอ ปีต่อมาคือคุณยา ย ท่านเป็นหวัดตาย ซึ่งไม่เมกเซนส์ เลย การจากไปมันง่าย ขนาดนี้เลยเหรอ เรารับไม่ได้”
“ปีที่ 3 ก็เหมือนกัน พี่ชายอีกคนหนึ่ งตอนนั้นเขาอยู่ เมืองไทย ผมอยู่ที่อเมริก า เพิ่งโทรมาคุยกั บผม วันรุ่งขึ้นแม่โ ทรมาบอกว่าเขาตา ยแล้ว เพราะมีอาการหลั บตาย ไหลตาย”
“ปีที่ 4 คือพ่อของผม เขาเป็นหวัด เข้าโรงพยาบาล แล้ววันรุ่งขึ้น ก็ตายเหมือนกัน ปีต่อมาปีที่ 5 ผมบอกแม่ว่าอย่า ตายเลย บอยร้องไห้ไม่ไห วแล้ว บอยเบื่อร้องไห้ แล้วอะแม่ มันทนไม่ไหวแล้ว แม่อย่าเพิ่งตาย อีกสักปีได้ไหม ผมพูดอย่างนั้นเ ลย ผมขอแม่บ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้เลย แต่สุดท้ายแล้วแ ม่ก็อยู่ต่อไม่ไ ด้”
“หลังจากนั้นผมก็บ้าไปเลย ต้องไปหาจิตแพทย์ กินยานอนหลับ กินยาคลายเครียด กินยาแก้ซึมเศร้ าเพื่อให้นอน ตื่นขึ้นมาแล้วก็กินยาใหม่เพื่อ ให้นอนต่อ ทำแบบนี้อยู่เป็ นเดือน จนทุกวันนี้ผมก็ ยังมีหางของอากา รนี้อยู่นะ ทุกวันนี้ผมยังกินยาอยู่เลย
“สิ่งที่เกิดขึ้ นเป็นเพราะผมไม่ เคยเตรียมตัวมาก่อน ผมเตรียมตัวนะว่ าสักวันหนึ่งทุก คนต้องไป ผมเตรียมตัวที่จ ะทำดีกับทุกคนที่ผมรัก แล้วก็ให้เวลากั บพวกเขาอย่างเต็ มที่ที่สุด แต่ผมยอมรับไม่ไ ด้ ปล่อยไม่เป็น เมื่อเวลาที่พวก เขาไป มันเลยเป็นที่มา ของเพลง Live and Learn”
ชีวิตที่เรียนรู้ว่าต้อง Live and Learn “ผมเขียนเพลงนี้ หลังจากพ่อตาย แล้วผมก็ไปหาจิต แพทย์ กินยานอนหลับ แล้วตื่นขึ้นมาเ พื่อจะกินยานอนห ลับ เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณหนึ่งเดื อน จนกระทั่งตุ้ย (วรกัญญา โกสิยพงษ์) ภรรยามาบอกกับผม ว่า ต้องลุกขึ้นสู้ ยังไงบอยก็ยังมี เขา มีลูก มีแม่อยู่นะ บอยจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้”
“พอฟังตุ้ยบอกผม ก็ลุกขึ้นมา แต่ผมไม่รู้จะสู้ยังไง เพราะพ่อคือหลัก ของชีวิตผม ที่ผ่านมาไม่ว่า ผมมีปัญหาอะไร ผมไปคุยกับพ่อ แป๊บเดียวผมหายเ ลย ถ้าพ่อพูดว่าให้ คิดอย่างนี้ ผมก็จะคิดตามนี้ ผมจะเชื่อตามนั้ นเลย ผมเป็นคนแบบนี้ม าตลอดชีวิต แต่พอพ่อไม่อยู่ แล้ว ผมเลยไม่รู้จะทำ ยังไง พ่อไม่ได้บอกไว้ นี่ว่าเมื่อพ่อต ายแล้วผมต้องคิด ยังไง ผมเลยคิดกับเรื่ องนี้ไม่เป็น”
“แต่หลังจากฟังตุ้ยบอกให้ลุกขึ้ นสู้ ผมเลยคิดว่ายังไ งเราต้องสู้ เมียเราก็ยังอยู่ ลูกเราก็ยังอยู่ แม่เราก็ยังอยู่ ผมเลยย้อนกลับมา คิดว่าพ่อสอนอะไ รกับเราไว้บ้างว ะ สิ่งที่พ่อพูดปร ะจำเลยคือ Learn to live with it เรียนรู้ที่จะอยุ่กับมัน ไม่ว่าอะไรจะเกิ ดขึ้นในชีวิต”
“สิ่งที่เกิดขึ้ นตอนนี้คือไม่มี พ่อ ถ้างั้นต้องอยู่ กับมันแบบไม่มีพ่อ แล้วก็ต้องทำให้ ดีที่สุดด้วย นี่คือสิ่งที่พ่ อเหมือนกระซิบใน ใจผม ผมเลยแต่งเพลงนี้ให้ตัวเองฟัง แต่งเสร็จฟังไปร้องไห้ไปจนกระทั่งเข้าใจแล้วพ่อ โอเค บอยจะอยู่แบบไม่ มีพ่อ แต่จะอยู่ให้มัน ดีที่สุดในแบบที่พ่อสอน ผมก็เลยรอดมาได้ ”
#ไม่ต้องเรียนเ ก่ง #เพียงแต่ค้นหาตัวเองให้เจอ
จากเรื่องราวทั้งหมด นอกจากจะสามารถเป็นคำแนะนำหรือข้อคิดเตือนใจได้แล้ว ยังทำให้เห็นอีกว่า การมีความสุขกับชีวิตประจำวัน ได้ทำในสิ่งที่เรารักมันดีมากขนาดไหน” ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่รักและหวังดีลูก การคาดหวังว่าลูกจะเป็นอย่างนั้น ลูกต้องเรียนเก่งนั้น ไม่ใช่ทางออกเลยละค่ะ
เครดิตเรื่องราว: บอย โกสิยพงษ์ และเพจกูจะบอกอะไรให้
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่