วิกฤตโควิด-19

เคล็ดลับคุณแม่รับมือวิกฤตโควิด-19

Alternative Textaccount_circle
event
วิกฤตโควิด-19
วิกฤตโควิด-19

แม้เด็กเล็กในช่วงวัย 1-3 ปีไม่ได้ถูกจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคอุบัติใหม่  โควิด-19 แต่พวกเขาเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดไม่ต่างจากคนวัยอื่น  คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะเป็นไกด์ไลน์นำทางสู่การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายเด็กเล็กวัย 1-3 ปีในสถานการณ์วิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19

วิกฤตโควิด-19

ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ความรู้ผ่านวิดีโอไลฟ์ในเว็บไซต์ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย  http://www.thaipediatrics.org/  ระบุว่า โรคโควิด-19 จะติดต่อมาถึงเด็กเล็กได้หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้  อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ทุกเพศทุกวัยถือว่ามีความเสี่ยงได้ทั้งหมด  และในกลุ่มเด็กมีอัตราร้อยละ 2 ของผู้ป่วยทั้งหมด เด็กส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการหรืออาการน้อยมากเมื่อได้รับเชื้อเพราะตามธรรมชาติของเด็กนั้นร่างกายจะถูกสร้างมาให้เผชิญกับ เชื้อโรคทุกชนิดอยู่แล้ว  การตอบสนองกับเชื้อใหม่จึงดีกว่าผู้ใหญ่ แต่คุณแม่ต้องไม่ประมาทและต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติตนเองตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งไม่ประมาทในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้ลูกวัยเด็กเล็กด้วย คุณหมอให้คำแนะนำสำคัญ ได้แก่

– ผู้ใหญ่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ใกล้ชิดเด็กเล็ก

– ต้องล้างมือบ่อย ๆ รวมทั้งล้างมือให้เด็กด้วย สำหรับเด็กอายุต่ำกว่าสองปี ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย

– ฝึกลูกให้ล้างมือถูกวิธี  และไม่เอามือไปสัมผัสหน้า

– ทำความสะอาดข้าวของ สถานที่ที่ลูกเล่นอยู่ในบ้านทุกวัน  ให้ล้างก่อนแล้วจึงฆ่าเชื้อ

– การรับวัคซีน ถ้าลูกอายุต่ำกว่าหนึ่งขวบ ควรไปรับวัคซีนตามนัด  แจ้งโรงพยาบาลก่อนเสมอ

– ถ้าลูกอายุหนึ่งขวบขึ้นไปสามารถเลื่อนการรับวัคซีนได้ 3-6 เดือนเพราะวัคซีนในช่วงวัยนี้เป็นการฉีดวัคซีนกระตุ้น

– หากต้องการให้ลูกเล่นกลางแจ้ง ให้เลือกที่ ๆ คนน้อยที่สุด และไม่พาเด็กไปเล่นรวมกลุ่มด้วยกัน

วิกฤตโควิด-19

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงสำหรับลูกวัยเด็กเล็ก 1-3 ปี เรื่องอาหารและโภชนาการ มีความสำคัญมากเช่นกัน  พญ.กิติมา ยุทธวงศ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ผลิตอาหารทารกและเด็กเล็ก (PNMA) กล่าวว่า เคล็ดลับการจัดเตรียมอาหารสำหรับเด็กเล็กวัย 1-3 ปี คือ เน้นอาหารครบคุณค่า 5 หมู่ในมื้อหลักวันละ 3 มื้อและให้ลูกกินนมวันละ 2-3 แก้ว  ถ้าเลือกเป็นนมเสริมสารอาหารสำหรับเด็กเล็กวัย 1-3 ปี เด็กก็จะได้รับสารอาหารในกลุ่มไมโครนิวเทรียนต์ คือวิตามินแร่ธาตุต่างๆ  เพิ่ม  ซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็นที่เติมในนมเสริมสารอาหาร  นมประเภทนี้มีส่วนช่วยเติมเต็มโภชนาการจำเป็นในแต่ละวันที่เด็กจะได้รับให้มีความครบถ้วน สมดุลและพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย  เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนก็จะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง

สำหรับสมาคมผู้ผลิตอาหารทารกและเด็กเล็ก (PNMA) ซึ่งมีพันธกิจสำคัญประการหนึ่งคือ การส่งเสริมสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องสู่สาธารณชน เกี่ยวกับโภชนาการที่ดี และปลอดภัย อย่างเหมาะสมสำหรับอาหารเด็กเล็ก แนะนำให้คุณแม่ได้ติดตามและรับทราบข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับนมเสริมสารอาหารสำหรับเด็กเล็กวัย 1-3 ปี (Young Child Formula : YCF) จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เฟสบุ๊คเพจ 1-2-3 KidsPedia (https://www.facebook.com/123kidspedia/ ) ซึ่งเป็น Community สำหรับคุณแม่ยุคใหม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงวัย เด็กเล็ก 1-3 ปีสำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การเลี้ยงลูก

วิกฤตโควิด-19

ปิดท้ายด้วยคำแนะนำจากกุมารแพทย์ว่าด้วยเรื่องอาหารคือยาชั้นดีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง พญ.สุชาอร แสงนิพันธ์กูล กล่าวถึงกลุ่มสารอาหารหลักที่ให้พลังงานสำหรับเด็กเล็กวัย 1-3 ปี ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน  โดยมีคำแนะนำว่า คุณแม่ควรเลือกสรรโปรตีนคุณภาพดีและเป็นแหล่งของสารอาหารธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ เช่น หมูเนื้อแดง ปลา ไก่ ไข่ ตับ โดยทำเมนูให้ลูกกินสลับกันไปทุกวันเพื่อช่วยในการเจริญเติบโต อาหารที่มีธาตุเหล็กช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ซึ่งมีผลต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะเซลล์สมอง ธาตุเหล็กพบมากในเนื้อแดง เครื่องในจากสัตว์  ผักใบเขียว และอาหารทะเล

วิกฤตโควิด-19

นอกเหนือจากสารอาหารกลุ่มหลักแล้ว สารอาหารกลุ่มรองจำพวกวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ก็มีความจำเป็นเพราะเป็นสารอาหารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ได้แก่ สังกะสี  วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โดยให้ลูกรับประทานเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ข้าวกล้อง  ปลาและอาหารทะเล ในทุกๆ วันให้เน้นผักผลไม้สดรสไม่หวานจัด  สีส้ม สีแดง และผักใบเขียวเข้ม ได้แก่ แครอท ฟักทอง ส้ม ฝรั่ง มะละกอ ผักโขม เป็นต้น ที่สำคัญคือ ควรให้ลูกได้กินอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับโภชนาการที่มีประโยชน์เพียงพอ

 

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up