แม่ผ่าคลอด รู้หรือไม่ เพื่อลูกพัฒนาการสมองไว และมีภูมิคุ้มกันดี เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันแรก
วิธีการคลอดส่งผลต่อพัฒนาการของลูกได้ โดยเด็กที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาติจะได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีจากช่องคลอดของแม่ ซึ่งมีประโยชน์มากมายและทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันแรกของลูก หลังจากที่ลูกลืมตาดูโลก
ส่วนเด็กที่คลอดแบบผ่าคลอดนั้นจะถูกนำตัวออกมาผ่านหน้าท้องของคุณแม่ จึงไม่มีโอกาสได้รับจุลินทรีย์ที่ดีจากช่องคลอดของคุณแม่
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยยืนยันว่า เด็กผ่าคลอดมีการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองในช่วงเริ่มต้นน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติอีกด้วย แม่ผ่าคลอด จึงต้องใส่ใจเรื่องภูมิคุ้มกันและพัฒนาการสมองของลูกเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรก ซึ่งถือเป็นเวลาทองของการพัฒนาทางสมองของลูก เป็นช่วงเวลาที่สมองของลูกพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุด เป็นพื้นฐานไปสู่พัฒนาการและมีความสามารถในการเรียนรู้ในอนาคต
เริ่มวันแรก! ด้วยการก้าวกระโดดของสมองที่เร็วกว่าให้เด็กผ่าคลอด
สมองควรได้รับสารอาหารที่ช่วยในการพัฒนาแบบก้าวกระโดดให้เด็กผ่าคลอด ยิ่งเริ่มต้นไวกระบวนการพัฒนาของสมองยิ่งไปไว
จากการศึกษาพบว่า 1 ใน 7 ของเด็กผ่าคลอดอาจมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้เมื่อเริ่มเข้าโรงเรียน ซึ่งพบว่าเด็กผ่าคลอดที่อายุ 4-9 ปี มีคะแนนสอบที่น้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติมากกว่า
จากการศึกษาที่สหรัฐอเมริกา (Deoni 2019) ได้มีการศึกษาพัฒนาการทางสมอง โดยดูการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองแต่ละส่วน (Brain Connection) ภาพสแกนสมอง เปรียบเทียบระหว่างเด็กคลอดธรรมชาติ และเด็กผ่าคลอด เมื่ออายุ 2 สัปดาห์ พบว่าสมองของเด็กผ่าคลอดมีการทำงานเชื่อมโยงแตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ
นอกจากนี้ พัฒนาการสมองของเด็กที่ผ่าคลอด ส่วนคอร์ปัส คาโลซัม (Corpus Callosum) ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมโยงการทำงานระหว่างสมองซีกซ้าย และซีกขวา พบว่า เด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ อย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่อายุ 3 เดือนจนถึง 3 ปี

นอกจากนั้น เด็กผ่าคลอดพลาดโอกาสได้รับจุลินทรีย์สุขภาพจากช่องคลอด การเสริมเด็กผ่าคลอดด้วยคือ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส หรือ บี. แล็กทิส (Bifidobacterium lactis หรือ B. lactis) ที่มีงานวิจัยน่าเชื่อถือสูงจำนวนมากว่าช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งสำคัญกับเด็กผ่าคลอดที่พบว่ามีจุลินทรีย์กลุ่มนี้น้อยกว่าเด็กคลอดจุลินทรีย์สุขภาพจะช่วยเร่งภูมิคุ้มกันในช่วงเริ่มต้นได้ หนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพที่พบมากในนมแม่ธรรมชาติ
สารอาหารอีกอย่างที่คุณแม่ผ่าคลอดควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือ แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบที่เยื่อหุ้มเซลล์ประสาทในสมอง และพบได้มากในนมแม่ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างปลอกไมอีลิน ที่มีส่วนช่วยให้สมองสามารถติดต่อสื่อสาร และเชื่อมโยงกันได้อย่างรวดเร็ว
สฟิงโกไมอีลินจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทให้รวดเร็วมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ช่วยให้สมองเกิดการประมวลผล เรียนรู้ และจดจำได้แย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีประโยชน์ในด้านการทำงานที่รวดเร็วของสมอง (FAST Processing Brain) สมองคิดพลิกแพลง (FLEXIBLE Brain) และสมองมีสมาธิ (Brain FOCUS) ลูกจึงควรได้รับสฟิงโกไมอีลินให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายตั้งแต่ขวบปีแรก เพื่อวางรากฐานให้ลูกเติบโตและพัฒนาสมองได้เต็มศักยภาพ
กล่าวโดยสรุป คือ แม่ผ่าคลอดควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่างของเด็กผ่าคลอดและเติมเต็มด้วยการสร้างสมองไว้พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กผ่าคลอดด้วยสฟิงโกไมอีลิน และ บี แล็กทิส สารอาหารที่พบมากในนมแม่ รวมทั้งสารอาหารอีกกว่า 200 ชนิด ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระบวนการการทำงานของสมองแบบก้าวกระโดด และภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และสามารถเติมในสิ่งที่เด็กผ่าคลอดต้องการ เพื่อเด็กผ่าคลอดเจริญเติบโตและพัฒนาที่ดีกว่า
หากคุณพ่อคุณแม่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สารอาหารในนมแม่ที่มีประโยชน์และมีบทบาทต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อย เข้าชมได้ที่ S-Mom Club ที่เว็บไซต์ https://www.s-momclub.com/
สามารถสมัครสมาชิกเพื่อปรึกษาทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ หรือสามารถปรึกษา-พูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพโภชนาการและพัฒนาการสำหรับคุณแม่และลูกน้อยตามช่วงวัย โดยทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่ Line Open Chat S-Mom Club
Reference
Deoni S.C., et al. AJNR Am J Neuroradiol. 2019 Jan;40(1): 169–177.
Bentley J, et al. Pediatrics. 2016; 138:1-9.
Polidano C, et al. Sci Rep. 2017; 7: 11483.
Susuki K. Nature Education. 2010;3(9):59.
Floch MH,et al.J Clin Gastroenterol 2015;49:S69-S73