เทคนิคการฝึกสอนลูกวัยอนุบาลหัดเขียนชื่อตัวเอง

Alternative Textaccount_circle
event
  1. จากนั้นให้คุณพ่อคุณแม่เขียนชื่อของลูกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขียนเป็นเส้นบางๆ หรือใช้วิธีเขียนเป็นจุดๆ หรือเส้นประแทน แล้วก็ให้ลูกลากไปตามรอยนั้น 2-3 ครั้ง
  2. จนกระทั่งแม่นยำพอ และให้เขาเกิดความมั่นใจมากขึ้น เมื่อลูกเขียนได้แล้ว ลองขอให้เขาเขียนแบบนี้ด้วยตัวเองบ้างแบบไร้รอย โดยไม่ต้องมีเส้นประหรือจุดใดๆ

teaching kid to Write their Name

  1. ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาหน่อย ให้ลูกได้ลองผิดลองถูกดู ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมีความอดทนมากพอสมควรเพื่อลูก
  2. จากนั้นให้คุณพ่อคุณแม่ลองตรวจดูสิ่งที่ลูกเขียน และบอกลูกว่าผิดตรงไหนบ้าง เพื่อให้เขาแก้ไข จุดผิดเล็กๆน้อยๆ ก็ต้องบอก เพราะลูกจะได้รับทราบเพื่อเขียนให้ถูกต้อง
  3. เมื่อลูกสามารถเขียนได้ถูกต้องแล้ว คุณควรจะกล่าวชมเชยลูก และอาจจะให้รางวัลหรือขนมสำหรับความสำเร็จ หรืออาจจะปล่อยให้เด็กไปเล่นตามใจเลยก็ได้
  4. ที่สำคัญในการฝึกเขียนชื่อตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำกิจกรรมนี้ซ้ำอีกหลายๆครั้ง เพื่อให้เด็กคุ้นเคย และจบด้วยขนม คำชม หรือการเล่นอื่นๆ รับรองลูกของคุณจะอยากฝึกเขียนชื่อตัวเองและจะเขียนถูกต้องแน่นอน

หากยังไม่เห็นภาพจากเทคนิคการฝึกเขียนชื่อที่กล่าวมาข้างต้น … ลองไปดูคลิปวีดีโอการฝึกสอนนี้ตามไปด้วยก็ได้ค่ะ

ข้อแนะนำ

  • คุณพ่อคุณแม่อาจลองหาหนังสือหรือตัวการ์ตูนอะไรก็ได้ที่มีชื่อเดียวกับเขา และขณะที่อ่านหนังสือไปด้วยนั้น คุณก็อาจจะชี้ไปที่ตัวอักษรซึ่งเป็นชื่อของเค้า และย้ำว่าเห็นไหมตัวการ์ตูนนี้มีชื่อเหมือนกับเขาเลย และก็กระตุ้นให้เกิดการฝึกฝนการเขียนได้อีก
  • คุณพ่อคุณแม่อาจจะเสริมทักษะด้านอื่นๆ สอดแทรกลงไปด้วยได้ เช่น การร้องเพลง หรือเล่นเกมที่มีการเรียกชื่อของเด็กด้วยก็ได้
  • คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมลูกให้ชอบการเขียนด้วยการฝึกให้เขานั่งบนโต๊ะ ให้เขาใช้อุปกรณ์ที่มีสีสันหลากหลายเพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายและสนุกในการเขียน เช่น ปากกาสี ปากกากลิตเตอร์แวววาว เป็นต้น

ข้อควรจำ

  • อย่าทำให้เป็นเรื่องสำคัญมากนัก หากเกิดว่าลูกทำผิดพลาด แต่จงอ่อนโยนแล้วแนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้กับเขา
  • อย่าให้ทำซ้ำๆ ย้ำๆ บ่อยๆ เพราะอย่างที่เราทราบว่าเด็กเล็กนั้นมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้น้อย ดังนั้น อย่าให้ใช้เวลาในการฝึกฝนนานเพราะจะทำให้เด็กรู้สึกไม่ดีกับการเขียนไปเลยก็ได้ ดังนั้น ควรใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีก็พอ แต่ทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthandtrend.com , loadebookstogo.blogspot.com

ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : hwtears

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up