โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา โรงเรียนเล็กๆที่เปี่ยมไปด้วย “คุณภาพและพลัง”
ความสุขเล็กๆในการเดินทางยามเช้า คือ การสวนทางกับารจราจรที่ติดขัดอันเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพ
ช่วงเวลาที่มุ่งหน้าสู่ชานเมือง อาคารสูงซิกเนเจอร์ของเมืองหลวงจะบางตาลงมาก พื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติพบเห็นได้มากขึ้น ชุมชน ร้านค้า ที่พักอาศัยปรากฏอยู่อย่างไม่แออัด เสียงใบไม้ไหวตามแรงลมและเสียงนกร้องอันสดใสได้ยินชัดเจนในยามเช้า แม้จะไม่เงียบสงัดแต่รู้สึกถึงความสงบสดชื่น เป็นเวลาเช้าที่ความวุ่นวายไม่สามารถก่อกวนจิตใจ นี่คือการเดินทางมาสู่ โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา ของ School Visit วันนี้ค่ะ
โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1- ประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อกำเนิดด้วยใจ จากจิตวิญญาณครู ในปี พ.ศ. 2502 โดย อาจารย์ปราณี ไบรนางกูร จากที่ดินเช่าย่านเอกมัย สู่โรงเรียนริมถนน ย่านอ่อนนุช-ลาดกระบัง จนปัจจุบันย้ายมาตั้งอยู่ที่ถนนสุขาภิบาล 2 ซอย 5 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร สิ่งที่น่าทึ่งคือ เด็กๆและผู้ปกครองทุกคนนับพันกว่าชีวิตเลือกที่จะ “ย้ายตามโรงเรียน” ทีมแม่ ABK จะพามาเยี่ยมชมโรงเรียนเล็กๆที่เปี่ยมไปด้วย “คุณภาพและพลัง” แห่งนี้กันค่ะ
![]()
ทางเข้าหน้าโรงเรียน
![]()
![]()
![]()
บรรยากาศรอบๆโรงเรียน
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย “คิดและทำใหม่ สไตล์กฤตศิลป์”
ทางโรงเรียนใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ผสมผสานแนวคิดและกิจกรรมเสริมสมรรถนะรอบด้านในการพัฒนาเด็กๆทางด้านกายภาพ (ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม) และสุขภาพจิต ตามแนวคิดของคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การศึกษาของทุกหลักสูตรได้รับการออกแบบมาเพื่อพัฒนาเด็กๆ แต่สิ่งสำคัญคือการทำให้ประสบการณ์เป็นจริงขึ้นมา
![]()
ผอ.ฐานันดร์ ไบรนางกูร หรือ คุณครูพี่กอล์ฟ ของเด็กๆกำลังถูกเด็กๆรายล้อม
![]()
![]()
![]()
Active Learning เรียนรู้เชิงรุก
![]()
พี่ชั้นประถมกำลังฟังบรรยายจากวิทยากร (เจ้าหน้าที่ตำรวจ)
ประสบการณ์..ต้องสร้าง
เป็นธรรมดาที่เด็กเล็กจะขาดประสบการณ์เพราะชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้น เด็กๆยังไม่มีโอกาสเผชิญหน้าและเรียนรู้จากสถานการณ์ ความท้าทาย และการโต้ตอบที่หลากหลาย แต่ประสบการณ์จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อพวกเขาเริ่มเติบโต, เริ่มสำรวจ, สะสมความรู้และความเข้าใจ โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยาจัดให้! ประสบการณ์ ก็สร้างได้
กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (Cognitive)
ทางโรงเรียนภาคภูมิใจนำเสนอ แนวทางการสอนแบบร่วมมือรวมพลัง 5 ขั้นตอน หรือ 5 Steps
Collaboration Teaching Approach
1.นำเสนอสิ่งเร้าและระบุคำถามสำคัญ
คุณครูจะไม่ปล่อยให้การเรียนรู้เข้าสู่โหมด dead air เด็กๆต้องได้เห็นเป็นรูปธรรม(สิ่งเร้า) เด็กๆจึงจะเกิดคำถาม การซักถามจากคุณครูเป็นการต่อยอดและขยายความสงสัย ความสนใจให้แผ่กิ่งก้านสาขา ชวนให้เด็กๆ อธิบายอย่างสนุกสนาน สอดแทรกเนื้อหาสาระที่ต้องเรียนรู้ อยู่ๆเด็กๆก็ซึมซับและเข้าใจโดยไม่รู้ตัว
![]()
![]()
คุณครูกระตุ้นให้เกิดคำถามด้วยเทคนิคต่างๆ
2.Learning by Doing เป็นขั้นที่สำคัญที่สุด
ตาดู หูฟัง สมองคิด และลงมือทำเองเพื่อให้ได้ข้อมูล ในเวลาเดียวกันคือการ Exercise ประสาทสัมผัส การลงมือปฏิบัติจะทำให้เด็กๆเข้าใจเนื้อหาสาระได้ตามแบบที่แต่ละคนเข้าใจ
![]()
![]()
![]()
ไม่ลองไม่รู้ ต้องลงมือเรียนรู้
3.อภิปรายและสร้างความรู้
ข้อมูล เนื้อหาและสารสำคัญที่แต่ละคนรวบรวมมา ไม่ว่ามากหรือน้อย จะนำมาอภิปรายภายในกลุ่ม
ซึ่งในกลุ่มจะคละเด็กๆที่มีความถนัดแตกต่างกันอยู่ภายในกลุ่ม เพื่อให้เด็กๆช่วยเหลือกัน เติมเต็มส่วนที่ขาดเหลือกันไป
![]()
![]()
เด็กๆอภิปรายผลการเรียนรู้ตามแบบที่ตนเองเข้าใจ
4. สื่อสารและสะท้อนคิด (การสื่อสาร-ทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21)
Feeling เด็กๆรู้สึกอย่างไรกับการเรียนรู้ ชอบหรือไม่ เพราะอะไร
Found เด็กๆค้นพบอะไร
Lesson เด็กๆได้รับประสบการณ์อะไรจากกิจกรรม
Feature เด็กๆจะนำความรู้ไปใช้อย่างไรในอนาคต
![]()
![]()
![]()
เด็กๆนำเสนอสิ่งที่เรียนรู้และสะท้อนคิดกิจกรรม
5. ประยุกต์และตอบแทนสังคม เชื่อมโยง Project-Based Learning ในตอนท้ายของแต่ละหน่วย
Extension เด็กๆนำความรู้ไปบอกต่อคุณพ่อคุณแม่ เล่าให้คนอื่นฟัง
Invention เด็กๆแปลงความรู้เป็นอีกศาสตร์ เช่น วาดรูปประกอบ อัดคลิปอธิบาย ได้หมด
Innovation เด็กๆสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ได้! แต่ไม่ต้องตกใจค่ะ สำหรับชั้นเด็กเล็กๆ Innovation คือการศึกษาอย่างลึกซึ้ง
ทั้งหมดนี้คือ Competency-Based การเรียนรู้เพื่อสร้างสมรรถนะของเด็กๆ โดยใช้เวลาและวิธีการยืดหยุ่นตามธรรมชาติของเด็กๆแต่ละคน ซึ่งจะทำให้เด็กๆไม่เบื่อการเรียนรู้และสามารถนำไปปฏิบัติจริงและพัฒนาไปเป็นผู้นำการเรียนรู้ด้วยตัวเองในอนาคตได้ค่ะ
![]()
Extension เด็กๆนำความรู้ไปบอกต่อ
![]()
![]()
Invention เด็กๆแปลงความรู้ออกมาเป็นภาพวาดตามความเข้าใจ
ไม่ได้เรียนเพื่อสอบ แต่เรียนเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง
การเรียนการสอนเพื่อเด็กๆจะนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงมีวิธีการที่หลากหลายและยืดหยุ่นมากๆ คุณครูต้องสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆอยากเรียน และต้องรู้ประสบการณ์เดิมของเด็กๆว่าพร้อมจะเรียนสิ่งต่อไปหรือไม่ โดยวิธีการสอนมีถึง 14 วิธีการให้คุณครูเลือกที่จะนำไปปรับใช้ : บรรยาย, สาธิต, ทดลอง, Deduction, Induction, ไปทัศนศึกษา, การอภิปรายกลุ่มย่อย, การแสดงละคร, การแสดงบทบาทสมมุติ, ใช้กรณีศึกษา, เล่นเกมส์, ใช้สถานการณ์จำลอง, ใช้ศูนย์การเรียน และใช้บทเรียนแบบโปรแกรม คุณครูจะแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน (แนวคิดของ ศ.ดร.มานาบุ ซาโตะ) เพื่อให้ได้ดูแลเพื่อนและร่วมกันเรียนรู้ ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการเรียน ประกอบด้วย ผู้เรียนรู้ไว 1 คน, ปานกลาง 2 คน และ ผู้เรียนรู้ช้า 1 คน โดยบูรณาการหลักธรรม พรหมวิหาร 4 ในการทำงานร่วมกันในกลุ่ม เมตตา กรุณา มุทิตา แสดงความยินดี (Cheer up ให้กำลังใจเพื่อนที่อ่อนที่สุด) อุเบกขา คือ “ไม่สั่ง ไม่สอน ไม่บอกคำตอบ ตั้งใจฟัง ชวนเพื่อนคิด เชียร์ให้เพื่อนทำ” วิธีการนี้การันตีด้วย รางวัลนวัตกรรมดีเด่นกรุงเทพมหานคร จากการทำงานบนหลักธรรมพรหมวิหาร 4
FUN FIND FOCUS
ที่โรงเรียนมีกิจกรรมสนุกๆ ตามแนวคิด FUN FIND FOCUS ของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างมาเพื่อให้เด็กๆได้พบเป้าหมาย
- FUN อะไรๆต้องเริ่มต้นด้วยความสนุก
- FIND เมื่อมีความสุขจากการเรียน เด็กๆก็จะ “ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบหรือถนัด” โรงเรียนจึงจัดกิจกรรม 16 ฐานต่อเทอม หรือ 32 ฐานกิจกรรมต่อปีการศึกษา เด็กๆได้เข้าทุกฐานค่ะ สุดท้ายเด็กๆจะได้สะท้อนกลับว่า หนูรู้สึกชอบ รู้สึกดีกับกิจกรรมไหน หรือไม่ชอบ เพราะอะไร คือการค้นหาความชอบและตัวตนของตัวเอง เน้นฐานอาชีพในสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ในบริบทท้องถิ่น (มีอาชีพมากมาย หลากหลายทุกสาขาวิชาชีพ ปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืน)
- FOCUS มุ่งเป้าหมาย
- FULFILLMENT เติมเต็มด้วยความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นระหว่างบ้านและโรงเรียน มวลประสบการณ์ทั้งหมดนี้ทางโรงเรียนยินดีสร้างให้เพื่อที่เด็กๆจะได้มีโอกาสพบตัวจริงในตัวเอง
![]()
![]()
วิธีการสอนแบบทดลอง
![]()
วิธีการสอนแบบสาธิต
![]()
![]()
![]()
กลุ่มทำงาน4คน บูรณาการหลักธรรมพรหมวิหาร4
![]()
![]()
![]()
![]()
กิจกรรมตามแนวคิด FUN FIND FOCUS
![]()
คุณอาวินน์ อินทรศวร รองผู้อำนวยการโรงเรียน
Mommy LoveThis! ถูกใจแม่
ที่โรงเรียนมีค่าย Multiple Intelligence ช่วงปิดเทอม เปลี่ยนวันว่างให้เป็นวันว้าวและไม่ว่าง เด็กๆคนไหนชอบวิชาการ โรงเรียนมีคลาสวิชาการ เด็กๆคนไหนชอบเรียนกีฬา งานฝีมือ ลงมือปฎิบัติ โรงเรียนก็มีจัดให้ ตามใจผู้เรียน
English Conversation in classroom ใช้ภาษาอังกฤษตลอดคาบเรียน integrate เข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติ เน้นให้เด็กๆกล้าสื่อสาร โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหรือผิด ผลลัพธ์คือเด็กๆกฤตศิลป์สามารถสื่อสารได้ใกล้เคียงกับ Native Speaker แต่ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมแบบไทยๆ
การใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อการเขียนโปรแกรมหรือการเรียน Coding แต่ใช้สำหรับการเรียนการสอนซ่อมเสริมสำหรับเด็กๆที่ความสามารถทางวิชาการไม่ดี เพื่อไม่ให้มีใครถูกทอดทิ้งอยู่เบื้องหลัง เพราะวิชาการไม่เก่งไม่ได้แปลว่าไร้ความสามารถ อาจจะชำนาญด้านใดอื่นๆ
ความสัมพันธ์บ้านและโรงเรียนแน่นแฟ้น สบายใจ รายงานรูปภาพแน่นทั้งวัน
ที่โรงเรียนมีกิจกรรมมากมายกว่า 32 ฐาน หนึ่งในนี้ต้องมีที่ลูกๆชอบบ้างแหละ!
อัตราค่าเล่าเรียน ปีการศึกษา 2567 (โดยประมาณ 1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)
- อนุบาล 1 : 13,000 บาท ต่อเทอม
- อนุบาล 2-3 : 10,500 บาท ต่อเทอม
- ประถมศึกษา : 14,400 บาท ต่อเทอม
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาสอบถามทางโรงเรียนโดยตรง
ที่อยู่
- โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา
- เลขที่ 20/27 หมู่ที่ – ซอย 5 ถนน สุขาภิบาล 2
- แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250
- โทร. 02-714-4717-9
- http://www.facebook.com/Schoolkts/
- http://www.krittasilphwittaya.com/
Editor : แม่พลอยผิง
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข