ยาลดไข้

เตือน! ยาลดไข้ ใช้ผิดวิธีอันตรายถึงชีวิตลูก

Alternative Textaccount_circle
event
ยาลดไข้
ยาลดไข้

เมื่อลูกไม่สบาย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่นึกถึงก็คือ ” ยาลดไข้ ” แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากเราใช้ยานี้ผิดวิธี!

 

 

เพราะอากาศเปล่ี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ประเดี๋ยวฝนตกอีกละ เรียกว่าสมัยนี้วันนึงจะมีครบทั้งสามฤดูแล้วก็ว่าได้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ลูกหลานของพวกเราจะไม่ป่วยกันได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนเฝ้าภาวนาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็คือ “ไม่อยากให้ลูกมีไข้หรือตัวร้อน” แต่ใครละจะไปห้ามได้จริงไหมคะ

ทุกครั้งที่ลูกหลานของเรามีไข้สิ่งที่เราจะนึกถึงก็คือ “ยาลดไข้” แต่พวกเราจะมั่นใจกันได้อย่างไรว่ายาที่ลูกหลานรับประทานเข้าไปนั้นจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับเขา หรือสามารถให้ยาได้ถูกต้องตามปริมาณที่พวกเขาควรได้รับ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงยาลดไข้กันค่ะว่า แท้จริงแล้วแบ่งออกเป็นได้กี่ชนิด พร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลยค่ะ

ในบ้านเราทุกวันนี้ มียาลดไข้ขายกันมากมายหลายชนิดมีทั้งที่ทานแล้วปลอดภัยและทานแล้วส่งผลเสียถึงกับชีิวิต แต่ก่อนที่เราจะไปดูว่ายาลดไข้ประเภทใดที่ลูกหลานทานได้ปลอดภัยนั้น เราไปดูประเภทของยาลดไข้ที่ไม่ควรรับประทานกันก่อนค่ะ ซึ่งสามารถแบ่งยากลุ่มนี้ออกเป็น 3 พวกด้วยกัน คือ

  1. ยาที่มีตัวยาสำคัญเป็นยาต้านจุลชีพหรือยาฆ่าเชื้อโรค อันได้แก่ เตตร้าซัยคลีน คลอแรมเฟนิค่อล เป็นต้น ยาต้านจุลชีพนี้ มิใช่ยาแก้ตัวร้อน นอกจากไม่มีฤทธิ์ในการลดไข้โดยตรงแล้ว ยังเป็นยาที่มีอันตรายอย่างมากอีกด้วย โดยเฉพาะเตตร้าซัยคลีน (หรือเรียกสั้นๆ ว่า เตตร้า) และคอลแรมเฟนิคอล (หรือเรียกสั้นๆ ว่า คลอแรม) ทั้ง 2 ตัวนี้ไม่ควรซื้อให้เด็กกินอย่างยิ่ง เพราะอาจมีพิษถึงตายได้ทีเดียว

ซึ่งยาที่ว่านี้ก็มีคุณพ่อคุณแม่บางท่านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้นซื้อไปให้ลูกทานโดยไม่รู้ถึงความอันตรายของมัน ลักษณะของยานั้นเป็นน้ำเชื่อมข้น ๆ เหมือนตะกอนซึ่งเมื่อเขย่าเข้ากันแล้วมักจะมีสีเหลืองหรือสีส้มโดยสรรพคุณของตัวอย่างนั้นจะอวดโอ้เกินความจริงว่า สามารถรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด อีสุกอีใส คางทูม และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่บางท่านที่ไม่ทราบซื้อไปให้ลูกหลานรับประทาน ซึ่งตัวยาอย่างยาเตตร้านั้น หากเด็กรับประทานบ่อยจะทำให้เกิดฟันเหลืองดำหรือฟันผุเสียหาย อีกทั้งยังมีพิษต่อไต ส่วนยาคลอแรม ถ้าหากให้เด็กเล็กรับประทานเข้าไปละก็ อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ หรือไม่ก็ไปกดไขกระดูกไม่ให้สร้างเม็ดเลือดทำให้เกิดเป็นโรคโลหิตจากชนิดร้ายแรงได้ค่ะ

คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไป

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up