วายร้าย ทำลายสมองลูก

รวม 11 วายร้าย ทำลายสมองลูก พ่อแม่ไม่ควรละเลย!

Alternative Textaccount_circle
event
วายร้าย ทำลายสมองลูก
วายร้าย ทำลายสมองลูก

บุหรี่

บุหรี่ วายร้าย ทำลายสมองลูก

สำหรับบ้านที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ สภาพแวดล้อมในบ้านไม่ปลอดโปร่ง อาจทำให้สมองของเด็กได้รับสารพิษ และเป็นการสกัดกั้นและบั่นทอนศักยภาพในสมองให้ลดลงได้ เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่ต้องการออกซิเจน และอากาศที่สดชื่น

  • ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกประเมินว่า ครึ่งหนึ่งของประชากรเด็กทั้งโลก ได้หายใจเอาอากาศที่ปนเปื้อนควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กอยู่ในบ้าน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กมากๆ เพราะยิ่งเด็กหายใจเข้าไปมากเท่าไร สมองก็ยิ่งจะเสื่อมลงไปทุกที ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ควรคิดให้ดีก่อนจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบในบ้าน

ความเครียดสะสม

ความเครียด วายร้าย ทำลายสมองลูกความเครียดสะสมจากการเรียนหนัก ถูกบังคับให้เรียน หรือทำในสิ่งที่ไม่ชอบ รวมไปถึงการถูกตำหนิทุกวัน ไม่เคยได้รับคำชมเลย สิ่งเหล่านี้อาจไปยับยั้งการเรียนรู้ ทำลายสมอง ทั้งยังก่อให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเครียด โรคกระเพาะ รวมไปถึงภาวะซึมเศร้าด้วย

ไอโฟน ไอแพด วายร้าย ทำลายสมองลูก

พ่อแม่ในยุคไซเบอร์ที่ชอบเลือกซื้อไอโฟน ไอแพดให้ลูกเล่น พึงตระหนักกันให้ดีๆ ถึงแม้จะยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า เจ้าสองสิ่งนี้จะส่งผลร้ายต่อสมองเด็กโดยตรง แต่ถ้าปล่อยให้เด็กเล่น และอยู่กับเจ้าเครื่องเหล่านี้ตั้งแต่เล็ก โอกาสที่เด็กจะพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ย่อมมีได้น้อย อีกทั้งความเสี่ยงต่อโรคสมาธิสั้นย่อมเกิดได้สูงตามไปด้วย เนื่องจากภาพต่างๆ ในจอ เปลี่ยนเร็วมาก เด็กจะคุ้นเคยกับความเร็ว ทำให้รอคอยไม่เป็น ทางที่ดีควรให้ลูกเล่นเมื่อถึงวัยที่เหมาะสม และมีกฎกติกาการใช้ที่ชัดเจน

  • นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า มีผู้ป่วยด้วยอาการปวดแขน ปวดคอจากการใช้งานแท็บเล็ตพีซีเช่นไอแพดเพิ่มมากขึ้น ในเรื่องนี้ ดร.John Pappas ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์จาก Beaumont Centre ในมลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เผยว่า การใช้แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ โดยเฉพาะบริเวณนิ้วมือและมือ จึงสมควรใช้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น (อ่านต่อบทความน่าสนใจ มือถือ คอมพิวเตอร์ อันตรายเสี่ยงลูกป่วยทางสายตา” / “แก้ปัญหาลูกติดมือถือใน 7 วัน”)

คลื่นมือถือ

คลื่นมือถือ วายร้าย ทำลายสมองลูก

มีรายงานเรื่อง “Cell Phones For Kids Death Traps To Hasten Their Deaths” ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง จากผลการศึกษาวิจัยของ Dr.Om Ghandhi มหาวิทยาลัยยูทาห์ ในรายงานระบุว่า คลื่นที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือนั้นจะทะลวงเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ และอาจทำให้เกิดการดัดแปลงระดับชั้นพันธุกรรม (DNA) และชั้นเซลล์ ซึ่งอาจเป็นเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ (อ่านต่อบทความ โทรศัพท์มือถืออันตราย กับลูกน้อยจริงหรือไม่? /ภัยจากรังสีที่แผ่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือ”)

อาหารมื้อเช้า

วายร้าย ทำลายสมองลูก

ความเร่งรีบของภาวะสังคมในปัจจุบัน อาหารมื้อเช้าของลูกเลยกลายเป็นเมนูจานด่วน แต่ช้าแต่ แค่นมสด 1 กล่อง ขนมปังพวกตระกูลไข่ทั้งหลายแหล่ ตามด้วยผลไม้ที่หาได้ง่าย ๆ อย่าง พวกกล้วยน้ำว้า มะละกอ ส้ม เท่านี้ลูกเลิฟก็ได้รับสารอาหารที่เพียงพอแล้วค่ะ

  • แต่ถ้าไม่ได้หม่ำอาหารเช้า หรือหม่ำแต่เพียงเล็กน้อยบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้สมองมึนจนขาดสมาธิการเรียน และมีอาการง่วงซึมตลอดทั้งวัน พอนาน ๆ เข้าก็อาจจะส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารในร่างกายเป็นอย่างมาก

ความอ้วนตุ๊ต๊ะ

ความอ้วน วายร้าย ทำลายสมองลูก

หาก คุณลูกเลือกหม่ำทุกอย่างที่ขวางหน้า จนน้ำหนักตัวเริ่มฉุดไม่อยู่แล้ว กลายเป็นคนอ้วนตุ๊ต๊ะขึ้นมา ก็อาจส่งผลให้เส้นเลือดในสมองหนาขึ้น เพราะการเกาะตัวของไขมันจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้สมองทำงานได้ช้าลงเช่นเดียวกัน

ของหวาน

ของหวาน วายร้าย ทำลายสมองลูก

สมอง ไม่ใช่ความรักที่จะต้องหมั่นเติมความหวานอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเด็กที่ชอบหม่ำของหวานติดเป็นนิสัยแล้ว ซึ่งส่งผลให้น้ำตาลไปขัดขวางการดูดซึมของโปรตีนและสารอาหาร เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมองทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ

สุขภาพสมองของลูกจะไปในทิศทางไหน พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพ่อแม่เป็นผู้กำหนด

 

“วิธีง่ายๆ ช่วยพัฒนาสมองที่ดีให้กับลูกน้อย”

สมองหนูดีได้ เกิดจาก…

นอกจากพัฒนาการทางกายภาพ เรื่องการกิน อยู่ หลับ นอน ของลูกแล้ว สิ่งที่จะช่วยให้สมองของเขามีพัฒนาการที่ดี สมองดี คือประสบการณ์การเรียนรู้ และสิ่งแวดล้อมที่คุณพ่อคุณแม่จะจัดให้ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • ให้ความรักความอบอุ่น การให้ความรักความอบอุ่นและดูแลใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ลูกมีความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ มีความสุข และรู้สึกปลอดภัย ซึ่งจะทำให้เขาพร้อมที่จะเรียนรู้
  • อาหารดี เมื่อลูกได้กินอาหารที่มีสารอาหารอาหารครบถ้วน และปริมาณเหมาะสม ก็จะช่วยให้สมองเจริญเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สื่อสารผ่านประสาทสัมผัส คุณพ่อคุณแม่ต้องพูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส โอบกอด สัมผัส ร้องเพลงกับลูก หรืออ่านหนังสือให้ลูกฟัง โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรก เพื่อให้เขาได้คุ้นเคยกับเสียงและภาษา ซึ่งโดยรวมแล้วก็คือการกระตุ้นผ่านระบบประสาทสัมผัสทั้ง 5 นั่นเอ
  • บรรยากาศดี บรรยากาศในบ้านควรสงบร่มเย็นค่ะ ทุกคนในบ้านต้องมีความรักความเข้าใจให้แก่กัน เพราะเด็กๆ สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกและการกระทำต่างๆ ของผู้ใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเขาอย่างแน่นอน
  • พักผ่อนเพียงพอ เด็กๆ ต้องได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อน และเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่
  • อากาศ สมองเป็นอวัยวะที่ต้องการออกซิเจนมากที่สุด ควรหาช่วงเวลาให้ลูกได้รับอากาศบริสุทธิ์อยู่บ่อย ๆ
  • จิบน้ำบ่อย ๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85% เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว กลายเป็นคนคิดช้า ก็ควรให้ลูกดื่มน้ำบ่อย ๆ
  • หัวเราะและยิ้ม ทุกครั้งที่ยิ้ม หรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมา ยิ่งหลั่งออกมามากเท่าไหร่ก็เป็นผลดีต่อสมองเท่านั้น

ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะนำความสำเร็จในเรื่องของการเรียนรู้มาสู่เจ้าตัวเล็ก แต่การที่เด็กจะมีสติปัญญาดี สมองดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิต คุณพ่อคุณแม่จึงต้องปลูกฝังเรื่องอีคิวหรือการรับรู้อารมณ์ของตนเอง และเรื่องคุณธรรมจริยธรรมด้วยค่ะ


อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ “สมองอ่าน อ่านสมอง” ของ พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ สำนักพิมพ์แฮปปี้ แฟมิลี่

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up