account_circle
แบคทีเรียกินเนื้อคนคืออะไร?
อ.พญ.จรัสศรี ฬียาพรรณ ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้ข้อมูลว่า การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง สามารถแบ่งได้ตามความลึกของผิวหนังที่มีการติดเชื้อ การติดเชื้อในระดับตื้นตั้งแต่หนังกำพร้า ถึงชั้นไขมันส่วนบน ทำให้เกิดโรคเหมือนไฟลามทุ่ง และทำให้การติดเชื้อลึกลงไปที่ชั้นไขมันส่วนล่าง จนเกิดเป็นโรคแบคทีเรียกินเนื้อคน (cellulitis)
โรคแบคทีเรียกินเนื้อคน (cellulitis) คือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังชั้นลึกลงไปถึงระดับเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ทำให้มีการแสดงอาการรุนแรง ส่วนใหญ่จะมีไข้ ปวด บวม แดงร้อน และอักเสบร่วมด้วย ซึ่งการวินิจฉัย และการรักษาในระยะเริ่มแรกจะช่วยลดการเสียชีวิตลงได้
เพราะอะไรถึงเป็นแบคทีเรียกินเนื้อคน?
สาเหตุของการติดเชื้อแบคทีเรีย และทำให้เกิดการอักเสบ จนมีเนื้อตายที่ผิวหนังตั้งแต่ชั้นกำพร้า ไปจนถึงชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ซึ่งพบได้บ่อยในคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเบาหวาน โรคตับแข็ง เชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคนั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1.การติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดร่วมกัน เช่น เชื้อแอโรโมแนส
2.การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียว เช่น เชื้อสเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอ
การติดเชื้อส่วนใหญ่ มักพบหลังจากผ่าตัด หรือหลังประสบอุบัติเหตุ ทำให้เกิดแผล และสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งแตกต่างกันตามชนิดของเชื้อ เช่น เชื้อแอโรโมแนสจะพบในน้ำจืด น้ำกร่อย
เมื่อติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อคนจะมีอาการอย่างไร?
ลักษณะอาการในระยะแรก ได้แก่ มีอาการเจ็บ ปวด บวม แดง ร้อน ที่ผิวหนังอย่างมาก อาการบวมแดงจะลุกลามอย่างรวดเร็ว อาจมีตุ่มน้ำร่วมด้วย ต่อมาสีของผิวหนังจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง และเริ่มมีเนื้อตายเกิดขึ้น ทำให้มีอาการชาแทนการเจ็บปวด มีไข้สูง และติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือดร่วมด้วย อาจมีภาวะช็อก และอวัยวะต่างๆ ทำงานลดลง เช่น ไต ตับ เป็นต้น ส่วนใหญ่พบการติดเชื้อที่แขน และขา
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่