เลือกโรงเรียนให้ลูก

ความจริง 10 ข้อ พ่อแม่ต้องรู้ก่อน เลือกโรงเรียนให้ลูก

account_circle
event
เลือกโรงเรียนให้ลูก
เลือกโรงเรียนให้ลูก

 

8.โรงเรียนไม่อยู่ไกลเกินไป

ถึงจะ เลือกโรงเรียนให้ลูก ได้ตามข้อต้นๆหมดแล้ว แต่ถ้าโรงเรียนอยู่ไกลจากบ้านเกินไป ลูกต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ ตีห้า เพื่อนั่งรถไปโรงเรียนให้ทัน จนทำให้ลูก “ติดหนี้การนอน” ที่นั่นอาจไม่ใช่โรงเรียนที่เหมาะกับลูก สำหรับวัยอนุบาล เด็กควรได้นอนวันละ 10 – 12 ชั่วโมง (รวมช่วงนอนกลางวัน)  ชั่วโมงการนอนที่น้อยเกินไปส่งผลต่อพัฒนาการของลูกได้เช่นกัน

วัยเนสเซอรี่กับอนุบาลควรเริ่มเรียนประมาณ 8.30 – 9.00 น. และเลิกเรียนประมาณ 14.00 – 15.00 น. เพื่อกลับไปพักผ่อนและมีเวลาเล่นที่บ้าน การเดินทางไกลๆอาจทำให้ลูกเหนื่อยเกินไป

เลือกโรงเรียนให้ลูก

9.ค่าเล่าเรียนยืดหยุ่นและเหมาะกับฐานะครอบครัว

วัยเนสเซอรี่ที่เด็กเพิ่งหัดไปโรงเรียน บางวันอาจงอแง หรือป่วยบ่อย ทำให้ไปโรงเรียนได้ไม่สม่ำเสมอทุกวัน เกณฑ์ค่าเล่าเรียนควรมีความยืดหยุ่น ไม่ควรผูกมัดว่าจะต้องจ่ายเป็นเทอม เพราะเด็กเล็กไม่ได้ไปโรงเรียน เพื่อไปเรียนหนังสือ ฉะนั้นค่าเล่าเรียนอาจแบ่งเป็นรายเดือนแทนเทอมการศึกษา เมื่อได้โรงเรียนดีควรประเมินค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับฐานะครอบครัว เพื่อความต่อเนื่องทางการศึกษาของลูกด้วย

10.โรงเรียนดีเกินไปจนลูกเจ็บไม่เป็น

สำหรับพ่อแม่ที่มีกำลังส่งให้ลูกไปโรงเรียนชื่อดัง มีหลักสูตรการสอนดีเยี่ยม ระบบความปลอดภัย โภชนาการ บุคลาการยอดเยี่ยม ทุกอย่างดูเพอร์เฟ็กต์ หากมองในอีกมุมหนึ่ง เรากำลังวางลูกให้อยู่ในจุดที่ปลอดภัยเกินไปจนไม่พบเจอกับอุปสรรค ปัญหา หรือความผิดหวังเลยหรือไม่

“ต้องไม่ลืมว่าสถานการณ์คับขัน ความผิดหวัง อุปสรรคเป็นโจทย์ชีวิตที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกได้หัดแก้ปัญหา ควบคุมอารมณ์ ใช้ทักษะชีวิต และเสริมสร้างคุณธรรมให้เกิดในตัวเด็ก ถ้าโรงเรียนปกป้องเกินไป ที่นั่นอาจไม่ใช่โรงเรียนที่ดีที่สุดก็ได้”

การเลือกโรงเรียนให้ลูก แบบไหนจะเหมาะสมที่สุดเริ่มต้นจากตัวพ่อแม่เอง ว่าตั้งหลักไว้อย่างไรข้อมูลที่กล่าวมาเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับพ่อแม่ ซึ่งต้องมาชั่งน้ำหนักให้เหมาะสมทั้งความต้องการของพ่อแม่ และตัวตนของลูกให้สมดุล สุดท้ายแล้วคนที่รู้จัก “ลูก” ได้ดีที่สุดก็คือพ่อแม่อย่างเราเอง

เลือกโรงเรียนให้ลูก

6 หลักไม่ลืมเลือกโรงเรียนให้ลูก

  1. ดูแลเรื่องโภชนาการ และสุขลักษณะเบื้องต้นดี

  2. มีกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ภาษา ไหวพริบผ่านการเล่น

  3. สร้างการเรียนรู้ ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ ผ่านศิลปะ ดนตรี กีฬา

  4. เสริมสร้างทักษะชีวิต คุณธรรม จริยธรรม และการอยู่ร่วมกันในสังคม

  5. ดูแลจัดการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ห่างไกลจากอันตราย

  6. ครูผู้สอนต้องมีใบประกอบวิชาชีพ และความรู้ด้านจิตวิทยาเด็กเล็กโดยตรง

ทั้งนี้คุณหมอเดวได้กล่าวถึงกรณีการใช้ความรุนแรงกับเด็กอนุบาลที่โรงเรียน ในรายการโหนกระแส ออกอากาศในวันที่ 29 กันยายน 2563 ว่า “หากผู้ใหญ่สร้างทัศนคติให้กับเด็กว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ จะทำให้เกิดเด็ก 4 สายพันธุ์ที่พ่อแม่ไม่ต้องการ คือ

  • เด็กแรงมาแรงกลับ โต้ตอบด้วยอารมณ์และการกระทำรุนแรง
  • เด็กหวาดกลัว ไม่ไว้ใจโลก โตขึ้นมากลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย
  • เด็กที่มองว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติที่ทำได้ และนำไปใช้ในการแก้ปัญหา
  • เด็กที่ไร้ความเมตตา โหดร้าย รุนแรง

สิ่งสำคัญที่อยากฝากผู้ปกครองไว้คือ ถ้าโรงเรียนพิสูจน์ไม่ได้ถึงความรัก อบอุ่น และปลอดภัย ก็ไม่เรียกว่าเป็นโรงเรียน” 

 

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

7 Step เตรียมเจ้าตัวน้อย ก่อนเข้าอนุบาล

ทำอย่างไรเมื่อ…ลูกไม่อยากไปโรงเรียน !!

ลูกเราควรไปโรงเรียนตอนอายุเท่าไหร่?

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up