ทารกป่วย

10 เคล็ดลับช่วยไม่ให้ ทารกป่วย เพิ่มภูมิคุ้มกันลูกน้อย

Alternative Textaccount_circle
event
ทารกป่วย
ทารกป่วย

พ่อแม่ทุกคนไม่อยากให้ลูก ทารกป่วย ซึ่งถึงจะเป็นไปไม่ได้ แต่หากรู้วิธีลดโอกาสการป่วยหนักของลูก คุณก็รับมือกับป่วยแรกของลูกน้อยได้อย่างมั่นใจ

10 เคล็ดลับช่วยไม่ให้ ทารกป่วย เพิ่มภูมิคุ้มกันลูกน้อย!!

ลูกวัยทารกยังไม่มีภูมิต้านทานที่จะช่วยต่อสู้กับโรคอย่างไข้หวัด และการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร และนั่นจึงเป็นสาเหตุให้ ทารกป่วย ง่ายและหายช้า โดยในช่วงขวบปีแรก ลูกจะป่วยประมาณ 6-12 ครั้งและป่วยนานประมาณ 7-10 วัน ซึ่งแปลว่าในปีนั้น ลูกน้อยอาจจะป่วยถึง 120 วันเลยทีเดียว! ดังนั้น ในเมื่อลูกของเราเลี่ยงการป่วยไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเรียนรู้เพื่อรับมือเบบี๋ยามป่วย โดยเฉพาะป่วยครั้งแรกด้วยแล้ว การเตรียมให้พร้อมไว้ย่อมดีกว่าเป็นแน่!!

10 เคล็ดลับ เพิ่มภูมิคุ้มกันเบบี๋ ลดโอกาส ทารกป่วย

ในช่วง 2-3 เดือนแรก ถ้าลูกป่วย และอุณหภูมิร่างกายที่วัดทางทวารหนักสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส พ่อแม่ก็ควรจะรีบพาไปพบแพทย์จะดีที่สุด และถ้าหากลูกน้อยอายุยังไม่ถึง 1 เดือน จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ก็อาจจะต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา พ่อแม่ทุกคนจึงไม่อยากให้ลูกวัยนี้ป่วยเลยแม้แต่วันเดียว แม้โอกาสที่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่แนวปฏิบัติต่อไปนี้ก็จะทำให้เบบี๋ไม่ป่วยบ่อย หรืออย่างน้อยก็ทำให้อาการป่วยรุนแรงน้อยลงจนช่วยให้ทั้งทารกน้อยที่ป่วย และผู้ดูแลรับมือได้ง่ายขึ้น

1. เน้นที่ 2 เดือนแรก

ทารกป่วย ง่ายต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ
ทารกป่วย ง่ายต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ

หลังจากที่ทารกคลอด และก่อนที่ลูกจะได้รับวัคซีนตอนอายุ 2 เดือน คุณพ่อคุณแม่ควรระวังให้มากเป็นพิเศษ โดยพยายามให้ลูกอยู่ที่บ้านจนกว่าภูมิต้านทานของลูกจะทำงานดีขึ้น และไม่พาลูกน้อยไปในที่ที่มีคนเยอะ ๆ แออัด  เพราะเป็นสถานที่ที่จะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อโรคได้

2. ให้ลูกอยู่ใกล้ตัว

ถ้าต้องพาลูกไปนอกบ้านด้วย คุณก็ควรจะใช้เป้อุ้มหรือดึงหลังคารถเข็นลงมา ซึ่งจะทำให้คนแปลกหน้า คนที่ผ่านไปมา ไม่กล้าเข้ามาจับไม้จับมือ สัมผัสเนื้อตัว หรือบีบแก้มเล่นได้ และควรจะให้ลูกอยู่ห่างจากคนที่ไอหรือจามสัก 6 ฟุต

3. ระวังเรื่องคนเยี่ยม

บอกคนที่ไม่สบายว่าถ้าจะมาเยี่ยมลูก ก็ควรจะรอจนไม่มีอาการ และไม่มีไข้มาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมงแล้วเสียก่อน (โดยไม่ต้องกินยาลดไข้) และบอกเด็กเล็กๆ ที่มากับพ่อแม่ตัวเองว่า “ดูน้องได้ แต่อย่าจับตัวน้องนะจ๊ะ”

Must Read : ไม่อยากให้คนอื่นอุ้มลูก กับ 3 เทคนิครักษาน้ำใจคน 

 

4. หมั่นล้างมือฟอกสบู่

เพื่อขจัดเชื้อโรค โดยฟอกสบู่นานไม่ต่ำกว่า 20 วินาทีทุกครั้งที่คุณกลับมาจากข้างนอก ใช้ห้องน้ำ กินอาหารหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก เพราะในอุจจาระมีแต่เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งถ้าเล็ดลอดเข้าไปในปากลูก ก็จะทำให้เกิดอาการท้องร่วง และอาเจียนได้

5. ให้นมแม่นานที่สุด

เพราะมีผลวิจัยที่ชี้ว่าถ้าคุณให้นมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน โอกาสที่ลูกจะเป็นไข้หวัด ติดเชื้อที่หูและคออย่างรุนแรงก็จะลดลงถึง 63 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งการกินนมแม่ยังทำให้โอกาสที่เขาจะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและเป็นหวัดลงกระเพาะลดลงอีกด้วย

นมแม่เพิ่มภูมิคุ้มกันลูกน้อย
นมแม่เพิ่มภูมิคุ้มกันลูกน้อย

6. ใช้เจลฆ่าเชื้อ

ในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ ล้างมือฟอกสบู่ไม่สะดวก การใช้เจลฆ่าเชื้อสูตรแอลกอฮอล์ก็เป็นวิธีที่ใช้ทำความสะอาดมือได้ดีพอๆ กัน อย่าลืมเตรียมไว้ให้คนเยี่ยมใช้ด้วยนะ

7. ใช้ทิชชูเปียก

เชื้อโรคมีชีวิตอยู่บนของใช้อย่างรถเข็นในซูเปอร์มาร์เก็ตได้นานหลายชั่วโมง คุณจึงควรจะพกทิชชูเปียกสูตรฆ่าเชื้อไว้ในถุงสัมภาระสักห่อ

8. เลี่ยงเชื้อโรคที่โรงพยาบาล

ถึงจะมีห้องแยกสำหรับเด็กป่วยกับเด็กที่มาตรวจร่างกายตามปกติ แต่ห้องรอตรวจก็ยังเป็นสถานที่อุดมไปด้วยเชื้อโรคอยู่ดี คุณจึงควรเลี่ยงเด็กป่วยที่ไอหรือจามโดยขอนัดแพทย์ให้ลูกเป็นคิวแรกๆ หรือท้ายๆ หรือจะขอพาเขาไปนั่งรอในห้องตรวจที่ว่างอยู่ก็ได้

9. พาลูกไปรับวัคซีนให้ครบตามกำหนด

วัคซีน ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคอย่างโรคหัด เยื่อหุ้มสมองอักเสบและอีสุกอีใสได้ดีที่สุด ผลวิจัยยังชี้ว่าการได้รับวัคซีนหลายชนิดในเวลาใกล้ๆ กันไม่ได้เป็นอันตรายต่อทารกอย่างที่กลัวกันด้วย

10. คนใกล้ตัวลูกควรได้รับวัคซีนด้วย

โดยเฉพาะวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไอกรน เพราะถ้าว่าที่คุณแม่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ภูมิต้านทานก็จะถูกส่งต่อไปยังทารกในครรภ์ และน่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ประมาณ 6 เดือน (แพทย์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ทารกได้ตอนอายุ 6 เดือนพอดี) ซึ่งในทารกแรกเกิด ไข้หวัดใหญ่ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน จึงดูเล็กน้อยไปเลย ในช่วงที่มีอายุครรภ์ประมาณ 27-36 สัปดาห์ ว่าที่คุณแม่ยังควรจะได้รับวัคซีนไอกรนด้วย จะได้ไม่แพร่เชื้อให้ลูกวัยแรกเกิดซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน คนใกล้ตัวลูก (อย่างพี่เลี้ยงเด็ก) ก็ควรจะได้รับวัคซีนเหล่านี้เช่นกัน

อ่านต่อ  >>  สัญญาณเตือน ทารกป่วยแบบนี้ไม่ดีแน่ คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up