[Blogger พญ.พิชญา ตันธนวิกรัย] ไม่มีเวทมนตร์ใดเสกให้ลูกเชื่อฟังและทำตาม

Alternative Textaccount_circle
event

เลือกวิธีพูดสื่อความหวังดีให้เป็น

ไม่มีเวทมนตร์ใดเสกให้ลูก เชื่อฟัง และ ทำตามพ่อแม่!!

 

สมัยอยู่กรุงเทพฯ หมอกับทีมนักจิตวิทยาเคยจัดอบรมเรื่องเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กอยู่หลายครั้งค่ะ พอถึงหัวข้อเรื่อง “เทคนิคการสื่อสาร” ทีไร คุณพ่อคุณแม่มักถามหาว่า มีคำพูดแบบไหนที่จะทำให้ลูก “เชื่อฟัง” และ “ทำตาม” ที่เราพูดได้

แหม..ถ้ามีเวทมนตร์แบบนั้นก็คงดีนะคะ (ฮา)

เพราะความจริงแล้ว ไม่มีคำพูดคำไหนหรอกค่ะที่จะไปควบคุมความคิดจิตใจของคนอื่นได้ และลูกๆก็คือคนคนหนึ่งที่มีความคิดของตัวเอง ไม่ใช่หนึ่งในอวัยวะในความควบคุมของเรา

เทคนิคการพูดที่ดีจึงไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจะไปสั่งการใคร แต่การพูดที่ดี คือพูดแล้ว คนฟังเข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร และไม่ทำให้คนฟังขุ่นข้องหมองใจโดยไม่จำเป็น

เจตนาที่ดีของเราจะได้สื่อไปถึงลูก ไม่หล่นหายไปกลางทางเพราะการเลือกใช้คำผิด

เทคนิคง่ายๆ ก็คือ การพูดความคิดเห็นและความรู้สึกของเรา โดยใช้ตัวเราเป็น “ประธาน” ขึ้นต้นประโยค หรือที่เราเรียกกันว่าเทคนิค “I-message” ค่ะ เช่น ถ้าเราเป็นห่วงที่ลูกไม่ทำการบ้านตามเวลา เราก็พูดไปตรงๆค่ะ ว่า

“แม่เป็นห่วง กลัวลูกจะทำการบ้านไม่ทัน”

ฟังแล้วก็เข้าใจเลยใช่ไหมคะว่าคุณแม่คนนี้เป็นห่วงลูก (สังเกตนะคะว่าประโยคนี้ มี “แม่” หรือ “ผู้พูด” เป็นประธานของประโยค)

แต่ถ้าเราเปลี่ยนเป็นพูดอีกแบบ เช่น

“ดึกป่านนี้แล้วทำไมลูกไม่รู้จักทำการบ้าน” หรือ “ทำไมลูกเหลวไหลแบบนี้” (สังเกตนะคะว่าในประโยค มี “ลูก” หรือ “ผู้ฟัง” เป็นประธานของประโยค)

พูดแบบนี้ฟังแล้วเหมือนเป็นการตำหนิใช่ไหมคะ ลองนึกดูนะคะ ว่าเวลาลูกฟังประโยคนี้แล้ว แทนที่จะไปคิดเรื่องการบ้าน อาจจะกลายเป็นอารมณ์เสียกับคุณแม่แทน เพราะรู้สึกว่าคุณแม่ไปบ่นเขา ความหวังดีของคุณแม่ก็ถูกบดบังไปอย่างน่าเสียดายค่ะ

ซึ่งแน่นอนค่ะ ว่าเทคนิค “I-message” นี้ไม่ใช่เวทมนตร์ที่จะเสกให้เด็กลุกไปทำการบ้านหรือทำตามใจพ่อแม่ แต่เราเชื่อค่ะว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่สื่อสารเจตนาดีของตัวเองให้เด็กเข้าใจได้ เด็กจะเลือกสิ่งที่ดีให้กับตนเอง และครอบครัวก็ไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะกันเพราะถ้อยคำที่ผิดหูไม่กี่คำ

เพราะคำพูดที่ผู้พูดนึกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มีผลกับความรู้สึกผู้ฟังมากกว่าที่คิดนะคะ

 

เรื่องโดย : พญ.พิชญา ตันธนวิกรัย  จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น รพ.พหลพลพยุหเสนา
ภาพ : Shutterstock

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up